สำหรับผู้หญิงการมีหน้าอกที่สวย ก็ช่วยเสริมสร้างความมั่นใจให้เราอย่างมากเลยใช่ไหมคะ? แต่เมื่อเราอายุมากขึ้นก็เกิดปัญหาหน้าอกหย่อนคล้อยตามอายุ ทำให้เสียความมั่นใจ ซึ่งการที่จะมีหน้าอกที่กระชับสวยงาม สามารถใช้วิธีธรรมชาติได้ ง่ายๆ เพียงแค่นวด มีขั้นตอนอย่างไรบ้างมาแชร์กัน
การนวดหน้าอกจะต้องมีการใช้ตัวช่วยเล็กน้อยในการนวด นั่นคือครีมหรือน้ำมัน โดยในครีมหรือน้ำมัน จะต้องมีส่วนผสมที่ช่วยให้กระชับขึ้น และต้องทำการวอร์มให้พร้อมใช้งาน การวอร์มครีมจะช่วยให้เนื้อครีมซึมเข้าผิวได้ง่ายขึ้น หลังจากวอร์มเรียบร้อยสามารถชโลมลงทั่วหน้าอกได้เลย หลังจากนั้นวอร์มบริเวณหน้าอกด้วยเล็กน้อย และเริ่มนวดได้เลย
ขั้นตอนที่ 1 นวดบริเวณเต้านม
เน้นนวดบริเวณกลางเต้านม ใช้มือซ้ายนวดนมบริเวณหน้าอกด้านขวา โดยนวดเป็นวงกลม วนจากด้านข้างเข้ามากลางหน้าอก และนวดขึ้นจากบริเวณใต้ราวนม ในขณะนวดให้ดันขึ้นจากด้านล่างทุกครั้ง ทำวนข้างละ 15-20 ครั้ง ท่านี้จะช่วยให้หน้าอกยก และกระชับขึ้น
ขั้นตอนที่ 2 นวดหน้าอกจากด้านล่างเข้าหาตัว
ใช้มือข้างซ้ายดันบริเวณด้านล่างหน้าอกข้างขวาและใช้มือข้างขวาดันหน้าอกข้างขวาขึ้นเป็นมุมเฉียง และทำซ้ำอีกข้างโดยใช้มือข้างขวาดันด้านล่างหน้าอกข้างซ้าย และใช้มือซ้ายดันหน้าอกข้างขวาขึ้นมุมเฉียง ทำซ้ำข้างละ 15-20 ครั้ง ท่านี้จะช่วยให้หน้าอกกระชับและหน้าอกชิดกันขึ้น
ขั้นตอนที่ 3 นวดหน้าอกสองข้างให้ชิดกัน
ใช้มือสองข้างไขว้กันไว้ ประคองไว้บริเวณข้างเต้านมด้านล่าง แล้วใช้มือนวดเป็นวงกลม ดันให้หน้าอกสองข้างชิดกันมากที่สุด นวดวนข้างละ 10-15 ครั้ง ท่านี้ช่วยแก้ปัญหาหน้าอกห่าง สาวๆ ที่มีปัญหาหน้าอกห่างต้องนวดท่านี้บ่อยๆ
ขั้นตอนที่ 4 นวดกดบริเวณหน้าอกให้แน่น
ใช้มือทั้งสองข้างประสานกันไว้แล้วกดนวดคลั่งบริเวณข้างเต้านม นวดคลึงวนเป็นวงกลม วนจากซ้ายไปขวา และทำอีกข้างหนึ่งเหมือนกัน นวดวนข้างละ 10-15 ครั้ง ท่านี้ช่วยนวดให้หน้าอกแน่นขึ้น ใหญ่ขึ้น และเต่งตึง
นอกจากการนวดหน้าอก 4 ขั้นตอนที่กล่าวไปแล้ว ยังมีวิธีช่วยกระชับหน้าอกด้วยวิธีธรรมชาติอีกวิธีมาแนะนำกัน
ท่าที่ 1 ยกแขนระดับศีรษะ หรือ เหนือศีรษะ เงยหน้าขึ้นมองด้านบน กำมือข้างหนึ่งแล้วยกขึ้นให้สุดแขน โดยอีกข้างยังค้างไว้อยู่ที่เดิม และหันหน้าตามแขนที่ยกไว้ ค้างไว้ 5 วินาที และดึงแขนกลับมาไว้บริเวณศีรษะเหมือนเดิม หลังจากนั้นกำมืออีกข้างและยกขึ้นให้สุดแขน ค้างไว้ 5 วินาที ทนวนซ้ำๆ จนครบ 1 นาที
ท่าที่ 2 ทำแขนสองข้างวางทับกันบริเวณใต้หน้าอก โดยแขนด้านบนวางมือคว้ำ แขนด้านล่างรองรับแขนด้านบนไว้ หงายมือขึ้นรับแขนด้านบนไว้ แล้วยกขึ้นระดับหน้าอก และยกขึ้นลง 60 วินาที
ท่าที่ 3 ใช้สองมือจับไหล่ไว้ แล้วหมุนไหล่ ให้ข้อศอกชิดกันมากที่สุด ทำซ้ำ 5-10 ครั้ง แล้วหมุนหัวไหล่สวนทางกลับท่าแรก โดยให้ข้อศอกชิดกันมากที่สุดเช่นกัน ทำซ้ำ 5-10 ครั้ง
เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยบริหารบริเวณหน้าอกให้กระชับขึ้น ในการทำท่าแบบนี้ช่วยให้หน้าอกกระชับได้จริง แต่ต้องทำอย่างสม่ำเสมอเป็นระยะหนึ่ง สามารถนำไปเสริมในขณะออกกำลังกายได้ หรือหากใครรู้สึกว่าไม่ทันใจ อยากทำให้หน้าอกกระชับ ขนาดใหญ่ขึ้น และมีทรงสวย อย่างรวดเร็ว ก็สามารถให้ศัลยแพทย์ช่วยได้
การศัลยกรรมเสริมหน้าอก มีแบบไหนบ้าง?
การศัลยกรรมเสริมหน้าอก มีวิธีหลักๆ ในปัจจุบันอยู่ 2 วิธี
เสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน
โดยการ ทำนมสวย ด้วยการใช้ซิลิโคน มีการแบ่งซิลิโคนแยกประเภทไปอีก ควรเลือกประเภทของซิลิโคนให้เหมาะสมกับตัวเอง หรือหากไม่สามารถเลือกได้ ควรปรึกษาศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการเสริมหน้าอก เพื่อให้ศัลยแพทย์วิเคราะห์ซิลิโคนที่เหมาะกับผู้เสริม และได้รูปทรงที่สวยที่สุด ปัจจุบันรูปทรงซิลิโคนมีหลัก ๆ ด้วยกัน 2 ทรง คือ ซิลิโคนทรงกลม และซิลิโคนทรงหยดน้ำ
ซิลิโคนทรงกลม เป็น ซิลิโคนลักษณะเป็นวงกลม มีความโค้ง ยืดหยุ่น นุ่มนิ่ม แต่ซิลิโคนทรงกลม จะมีความเหลวมาก เมื่อนั่ง ยืน นอน หรือทำกิจกรรมต่าง ๆ จะเคลื่อนที่ไหลไปตามแรงโน้มถ่วง เหมาะกับผู้ที่มีเนื้อหน้าอกอยู่ระดับหนึ่ง แต่ต้องการเพิ่มขนาดหน้าอกให้ดูใหญ่ขึ้น และผู้ที่มีปัญหา หน้าอกหย่อนคล้อย ตามอายุ ต้องการให้หน้าอกกระชับดูเต่งตึงอีกครั้ง ซึ่งซิลิโคนทรงนี้ไม่เหมาะกับผู้ที่มีหน้าอกบาง เพราะอาจทำให้รูปทรงซิลิโคนชัดเจน ดูไม่เป็นธรรมชาติ
ซิลิโคนทรงหยดน้ำ เป็น ซิลิโคนมีลักษณะคล้ายหยดน้ำ หรือรูปทรงที่มีความใกล้เคียงกับหน้าอกธรรมชาติของคนมากที่สุด ซิลิโคนทรงนี้จะมีเจลที่แข็ง หนืดกว่าแบบทรงกลม ทำให้มีความอยู่ตัว และทรงสวยกว่า เหมาะสำหรับผู้เสริมที่มีปัญหาหน้าอกเล็ก มีกล้ามเนื้อหน้าอกน้อย
ถ้าทราบแล้วว่าเราเหมาะกับรูปทรงซิลิโคนแบบไหน ลำดับต่อไปคือผิวสัมผัสของซิลิโคน โดยหลัก ๆ มี 2 ผิวด้วยกัน แต่ความเรียบเนียน ความละเอียด จะขึ้นอยู่กับยี่ห้อของซิลิโคนด้วย ซึ่งแต่ละผิวสัมผัสก็มีความแตกต่างกัน
ซิลิโคนผิวเรียบ ผิวสัมผัสแบบเรียนจะมีความใกล้เคียงกับหน้าแบบธรรมชาติของผู้หญิงมาก เหมาะกับผู้ที่ต้องการความธรรมชาติ แต่ข้อควรระวังคือ ซิลิโคนผิวเรียบสามารถเคลื่อนไหวได้ค่อนข้างง่าย หากไม่ระวังอาจจะทำให้หลุดทรงได้ และจำเป็นต้องนวดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการเกิดพังผืด ไม่ให้พังผืดแข็งตัว
ซิลิโคนผิวทราย ผิวสัมผัสแบบผิวทรายเป็นที่นิยมมาก เพราะมีความหนืด เกาะกับผิวได้ค่อนข้างดี ทำให้สามารถเคลื่อนไหวได้ดี ไม่หลุดทรง และโอกาสพังผืดเกิดขึ้นได้น้อยกว่าแบบเรียบ ไม่จำเป็นต้องนวดบ่อยเท่ากับซิลิโคนผิวเรียบ เหมาะกับผู้ที่ต้องการซิลิโคนที่สามารถยึดกับหน้าอกเราได้ในระยะยาว
ซิลิโคนทำให้เกิดมะเร็งจริงเหรอ?
หลายคนคงกังวลเรื่องซิลิโคนอย่างมาก เกี่ยวกับการก่อให้เกิดมะเร็งต่อมน้ำเหลือง เมื่อซิลิโคนใส่เข้าไปในร่างกายเราก็ไม่สามารถรู้ได้เลยว่าร่างกายจะสามารถรับซิลิโคนที่ใส่เข้าไปได้หรือไม่ ก่อให้เกิดมะเร็งหรือไม่?
การเกิดโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง มีหลายปัจจัยทำให้เกิดโรคนี้ ซึ่งการศัลยกรรมเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนไม่ว่าจะเป็นซิลิโคนผิวเรียบหรือผิวทราย ยังไม่มีการยืนยันแน่นอนว่าทำให้เกิดโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง เพราะฉะนั้น ซิลิโคนทำให้เกิดโรคมะเร็งนั้น ไม่จริง
แม้ว่าจะไม่ก่อให้เกิดโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง แต่ผู้เสริมควรจะดูแลตัวเองอย่างดี เพื่อไม่ให้มีปัญหาอื่นตามมา และเพื่อป้องกันการเสียหายของหน้าอก จึงควรดูแลตัวเองตามที่ศัลยแพทย์แนะนำอย่างเคร่งครัด รวมถึงการเลือกสถานพยาบาลและศัลยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ ยี่ห้อซิลิโคนที่มีคุณภาพ ผ่านการรับรอง ก็จำเป็นในการเลือกให้ดี ผู้เสริมจึงต้องศึกษาอย่างรอบครอบ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมาภายหลัง โดยทาง APEX มีศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ในการศัลยกรรมหน้าอก ด้วยเครื่องมือที่ทันสมัย ห้องผ่าตัดที่ผ่านการรับรอง ใช้ซิลิโคนยี่ห้อที่มีคุณภาพผ่านการรับรอง ผู้เสริมสามารถสบายใจเรื่องความปลอดภัยได้แน่นอน
เทคนิคการผ่าตัดศัลยกรรมเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน
การเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน ต้องมีการผ่าตัดบริเวณหน้าอก สามารถผ่าตัดได้ 3 จุดด้วยกัน แตกต่างกันอย่างไรบ้าง?
- การผ่าตัดบริเวณรักแร้ วิธีนี้จะมีแผลบริเวณใต้รักแร้ โดยการผ่าตัดเลาะผิวเข้าไปสู่บริเวณเต้านมของผู้เสริม เพื่อทำช่องในการใส่ซิลิโคนเข้าไป ซึ่งศัลยแพทย์ต้องมีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ในการผ่าตัดเทคนิคนี้ เพราะต้องมีความแม่นยำในการผ่าตัด ไม่ให้กระทบส่วนอื่นในร่างกาย เทคนิควิธีดูแลรักษาแผลจะยากกว่าแบบอื่น
- การผ่าตัดบริเวณใต้ราวนม เป็นการผ่าตัดที่สังเกตเห็นแผลได้ยาก เพราะอยู่บริเวณใต้ราวนม วิธีนี้สามารถผ่าตัดใส่ซิลิโคนได้ง่าย ปลอดภัย ดูแลได้ง่าย เทคนิคนี้จะผ่าตัดใส่ซิลิโคนได้แม่นยำ จัดวางซิลิโคนถูกจุด ทำให้ได้รูปทรงที่สวย
- ผ่าตัดรอบปานนม เทคนิคนี้จะเห็นแผลได้ยากกว่าเทคนิคการผ่าตัดอื่น ๆ เพราะจะถูกซ่อนบริเวณรอบหัวนม แต่ข้อเสียคือ อาจจะเสริมได้เฉพาะซิลิโคนที่ขนาดไม่ใหญ่มาก ขึ้นอยู่กับผู้เสริม และอาจโดนเส้นประสาทบริเวณหัวนม ทำให้ชาเป็นระยะเวลาหนึ่ง ต้องผ่าตัดโดยศัลยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ผ่าตัดแบบรอบปานนม เพื่อความปลอดภัย และให้ได้หน้าอกที่ต้องการ
เสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนอยู่ได้กี่ปี?
การเสริมหน้าอกอยู่ได้ 10-15 ปี ขึ้นอยู่กับยี่ห้อซิลิโคนที่ผู้เสริมใช้ ต้องผ่านมาตรฐาน ผ่านการรับรอง และต้องดูแลตัวเองอย่างดี เพื่อให้ซิลิโคนอยู่ร่วมกับเราได้นานที่สุด เมื่ออายุเพิ่มขึ้น ควรตรวจร่างกายเพื่อตรวจเช็คร่างกาย ในบางคนอาจจะต้องเปลี่ยนหรือถอดซิลิโคนก่อน 10 ปีเนื่องจากดูแลรักษาไม่ดี ทำให้ซิลิโคนแตก เป็นอันตรายต่อผู้เสริม ถึงแม้โอกาสการซิลิโคนแตกมีน้อย แต่เพื่อความปลอดภัยควรเลือกใช้ซิลิโคนที่คุณภาพดี ผ่านมาตรฐาน และตรวจเช็คร่างกายปีละครั้ง
อยากมีขนาดหน้าอกที่ใหญ่ แต่ตัวเล็กทำได้ไหม?
ขนาดของซิลิโคนที่สามารถเสริมได้ขึ้นอยู่กับรูปร่างของผู้เสริมด้วย เพื่อให้ได้ขนาดที่เหมาะสม การเสริมหน้าอกที่ใหญ่เกินไปอาจทำให้สวย แต่มีปัญหาตามมาแน่นอน เพราะฉะนั้นการเสริมให้เหมาะสมกับตัวเองดีที่สุด โดยสามารถปรึกษากับศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อวิเคราะห์ขนาดที่เหมาะสมได้ ถ้าหากเสริมขนาดที่ใหญ่เกิน อาจเกิดการผิวแตกลาย หัวนมชาถาวร หน้าอกเป็นคลื่น ซิลิโคนแตกและติดเชื้อ ทำให้เห็นรูปทรงซิลิโคนชัดเจน ไม่เป็นธรรมชาติ ทำให้ หน้าอกหย่อนคล้อยเร็ว
ปัญหาที่สามารถเกิดขึ้นได้หลังจากการเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน
– อาการเสียดเสียวบริเวณหน้าอก เพราะบริเวณหน้าอกมีเส้นประสาท เมื่อเสริมหน้าอกจะมีความรู้สึกยืด ตึง หรือหน้าอกแน่น เมื่อผ่านไป 2 – 3 สัปดาห์ อาการจะเริ่มเบาบางลง
– อาการหัวนมชา เกิดจากการผ่าตัดโดนเส้นประสาท ทำให้ชา ไม่สามารถรู้สึกได้ในบางจุด อาการนี้เมื่อผ่านไปสักพัก อาการชาจะเบาบางลง และกลับมาเป็นปกติได้เอง
– นมห่าง สามารถสังเกตได้ง่าย ๆ ให้สังเกตที่กลางหน้าอก ถ้าห่างกันเกินอย่างเห็นได้ชัด และเห็นซิลิโคนชัดเจน อาจเกิดจาก โครงสร้างของกระดูกทำให้หน้าอกห่างกัน มีเนื้อบริเวณหน้าอกน้อย เกิดพังผืดบริเวณของซิลิโคน ทำให้ซิลิโคนถูกรั้งออกจากกัน หน้าอกจึงห่างกัน หรือการใส่ซิลิโคนนั้นห่างจากกัน ถ้าหากเกิดเหตุการณ์นี้ต้องพบศัลยแพทย์เพื่อรับการแก้ไข
– นมแฝด สามารถสังเกตได้ว่าหน้าอกสองข้างเขยิบเข้าใกล้ชิดกันมากเกินไป จนกลายเป็นหน้าอกที่ชิดกัน ร่องหน้าอกไม่มี เป็นเหมือนหน้าอกที่ชิดติดกัน เกิดจากซิลิโคนที่เสริมเข้าไปนั้นมีขนาดใหญ่เกินกว่าความเหมาะสมของผู้เสริม เสริมหน้าอกบริเวณเหนือกล้ามเนื้อ การผ่าตัดที่มีความใกล้กระดูกส่วนกลางมากเกินไป ทำให้ซิลิโคนไหลเข้ามาหากัน บริเวณที่ใส่ซิลิโคนถูกนวดแรงจนเกินไป ทำให้มีขนาดโพรงกว้างขึ้น จึงทำให้เกิดนมแฝด
เสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง
อีกทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มขนาดหน้าอกเล็กน้อย ไม่ต้องการขนาดที่ใหญ่มาก ปลอดภัย ไม่ต้องดูแลเยอะ เป็นธรรมชาติ แนะนำการเสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจเช่นกัน
การเสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง จะเป็นการดูดไขมันจากร่างกายเรา สามารถนำมาจากส่วนหน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา หรือสะโพก นำมาผ่านกระบวนการทางแพทย์เพื่อคัดแยกไขมัน ให้ได้ไขมันดี และทำการฉีดเข้าบริเวณหน้าอก
การเสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง เหมาะกับใคร?
- ผู้ที่ต้องการเสริมหน้าอกโดยไม่ต้องผ่าตัด
- ผู้ที่ไม่ต้องการขนาดหน้าอกที่ใหญ่มาก
- ผู้ที่ต้องการหน้าอกที่ดูธรรมชาติ
- ผู้ที่มีหน้าอกขนาดไม่เท่ากัน
- ผู้ที่มีเนื้อหน้าอก หรือบริเวณเนินอกน้อย
- ผู้ที่เสริมหน้าอกแบบซิลิโคนแล้วต้องการให้หน้าอกดูเป็นธรรมชาติ
การเสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง สามารถทำร่วมด้วยกันกับเสริมหน้าอกแบบซิลิโคนได้ โดยผู้เสริมสามารถเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนและไขมันตัวเอง พร้อมกันได้เลย หรือเคยเสริมหน้าอกซิลิโคนมา และอยากเพิ่มขนาดให้ตัวเองเล็กน้อย สามารถใช้วิธีนี้ได้ค่ะ
แต่การเสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง สามารถเสริมได้เพียง 200-300 ซีซี เท่านั้น และจำเป็นต้องมีการตรวจดูเพื่อวิเคราะห์ขนาดไขมันที่สามารถใช้ได้ เนื่องจากเป็นการดูดไขมันจากร่างกายตัวเอง ผู้เสริมจึงต้องมีไขมัน เพื่อนำมาเสริมหน้าอก วิธีนี้จะช่วยลดไขมันส่วนเกินส่วนอื่นในร่างกาย มาเติมเต็มบริเวณหน้าอก ส่วนอื่นจะดูเล็กลง เหมาะกับผู้ที่กำลังลดน้ำหนัก หรือลดสัดส่วนเฉพาะส่วนได้อีกด้วย
ความแตกต่างของการเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน VS เสริมด้วยไขมันตัวเอง
การเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนทำให้ได้หน้าอกที่สวยชัดเจน ขยายใหญ่เหมาะสมกับตัวเอง เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาหน้าอกหย่อนคล้อย หรือต้องการทำนมเพิ่มขนาดหน้าอก ซึ่งแต่ละคนอาจได้ขนาดซิลิโคนที่ไม่เท่ากัน โดยมีปัจจัยของเนื้อหน้าอกเป็นหลัก ถ้าหากผู้เสริมหน้าอกมีหน้าอกเดิมที่เยอะอยู่แล้ว สามารถเสริมขนาดที่ใหญ่ได้ แต่ไม่ควรใหญ่เกินไป เพราะอาจมีปัญหาตามมาในภายหลัง นอกจากนี้ยังมีซิลิโคนหลายแบบทำให้สามารถเลือกให้เหมาะสมกับตัวเองได้
แต่การเสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง ทำให้ขนาดหน้าอกใหญ่ขึ้นเล็กน้อย ดูเป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องผ่าตัด พักฟื้นได้เร็ว เหมาะกับผู้ที่มีหน้าอกเล็กอยากเสริมหน้าอกแต่ไม่อยากผ่าตัด ต้องการแผลที่เล็กสังเกตเห็นได้ยาก มีเวลาพักฟื้นน้อย แก้ปัญหาหน้าอกขนาดไม่เท่ากัน แต่การ เสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง ต้องดูดไขมันจากร่างกายส่วนอื่น ผู้ที่มีไขมันส่วนเกินน้อย อาจสามารถเสริมหน้าอกได้ในปริมาณที่น้อย
หรือสามารถทำร่วมกันได้ โดยเสริมซิลิโคน และเพิ่มไขมันเข้าไป ให้ได้รูปทรงหน้าอกที่เป็นธรรมชาติ หรือผู้ที่มีเนื้อหน้าอกน้อย สามารถเสริมด้วยไขมันให้มีเนื้อหน้าอกและ เสริมซิลิโคนได้
วิธีการนวดสำหรับผู้เสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน
ควรเริ่มนวดเมื่อผ่านการผ่าตัดเสริมหน้าอกแล้ว 1 สัปดาห์ หลังแผลเริ่มสมานกัน
ท่าที่ 1 ใช้มือทั้งสองข้าง โกยหน้าอกจากด้านนอก เข้าหาด้านใน โดยโกยทีละครั้งให้ค้างไว้ 10 วินาที ทำซ้ำ 3 รอบ
ท่าที่ 2 นำหลังมือสองข้างประกบกัน วางไว้กลางหน้าอก และดันหน้าอกออก ค้างไว้ 10 วินาที ทำซ้ำ 3 รอบ
ท่าที่ 3 ใช้มือสองข้างประสานกัน วางบนบริเวณเหนือหน้าอกข้างใดข้างหนึ่ง กดลงเบาๆ ค้างไว้ 10 วินาที และสลับทำเหมือนกันกับหน้าอกอีกหนึ่งข้าง ทำซ้ำ 3 รอบ ท่านี้จะทำให้ซิลิโคนไม่ยกสูงมากเกินไป
ท่าที่ 4 นวดบริเวณใต้ราวนม โดยการกอดอก เพื่อเป็นการดันให้หน้าอกสองข้างเข้าหากัน โดยจับข้อศอกทั้งสองข้าง และกอดหน้าอกให้แน่นขึ้นเล็กน้อย ค้างไว้ 10 นาที 3 รอบ
ท่าที 5 ท่านี้มีวิธีคล้ายกับท่าที 4 โดยการกอดอก แต่ใช้มือจับบริเวณต้นแขน แล้วดันให้หน้าอกให้ชิดกันเบาๆ ทำค้างไว้ 10 นาที 3 รอบ
วิธีปฏิบัติตัวเมื่อมีซิลิโคนอยู่ในหน้าอก
การที่มีซิลิโคนในหน้าอก เชื่อว่าสาวๆ คงเป็นกังวลว่าควรปฏิบัติตัวอย่างไร ไม่ให้มีผลกระทบต่อซิลิโคนที่อุตส่าห์เสริมมา อาจต้องระวังตัวมากขึ้น แต่สามารถทำได้ง่ายๆ ปรับตัวเล็กน้อย เริ่มง่ายๆ ด้วยการปฏิบัติตามหมอสั่ง ใส่ชุดชั้นในที่เหมาะสำหรับผู้เสริมหน้าอก หรือสปอร์ตบาร์ เพราะลักษณะของชุดชั้นในที่เหมาะกับผู้เสริมหน้าอกควรจะจัดทรงหน้าอกให้เคลื่อนตัวได้ยาก ล็อคทรงหน้าอกไว้ ไม่ให้หน้าอกเสียรูป เพราะการเสริมช่วงแรกอาจทำให้ซิลิโคนเคลื่อนที่ง่าย ซึ่งควรใสในเวลานอนด้วย และสำหรับสาวที่เป็นสายเฮลตี้อาจต้องพักเรื่องการออกกำลังกายไปสักพัก เพื่อให้แผลเสริมหน้าอกไม่ได้รับการกระทบกระเทือน
วิธีการเตรียมตัวก่อนศัลยกรรมเสริมหน้าอก
– ควรแจ้งโรคประจำตัวให้ศัลยแพทย์ทราบ ก่อนมีการผ่าตัด เพื่อให้ศัลยแพทย์ได้เตรียมตัวและวางแผนให้เหมาะสมกับผู้เสริมมากที่สุด
– งดรับประทานอาหารและเครื่องดื่มก่อนผ่าตัด 6-8 ชั่วโมง เพื่อลดโอกาสการสำลักอาหารในระหว่างผ่าตัด ซึ่งเป็นอันตรายต่อผู้เสริม
– งดรับประทานยาแก้ปวด และยาแก้อักเสบ เพราะยาในกลุ่มนี้จะทำให้เลือดแข็งตัวได้ช้า ทำให้เป็นอันตรายต่อผู้เสริมหน้าอก
– งดรับประทานอาหารเสริม และวิตามิน เนื่องจากอาหารเสริมและวิตามิน จะช่วยให้การไหลเวียนโลหิตทำงานได้ดี และเลือดหยุดช้า เป็นอันตรายในระหว่างผ่าตัด
– งดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ อาจทำให้แผลติดเชื้อได้ง่าย
วิธีดูแลหลังการศัลยกรรมเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน
– รับประทานยาตามที่ศัลยแพทย์สั่ง อย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการอักเสบของแผล
– งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ เพื่อให้แผลได้ฟื้นฟูไวขึ้น และไม่เสี่ยงการติดเชื้อ
– หลีกเลี่ยงไม่ให้แผลโดนน้ำ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ เนื่องจากในน้ำอาจมีสิ่งสกปรก
– งดออกกำลังกาย 2-3 สัปดาห์ หรือรอให้แผลหายก่อน เพราะการออกกำลังกายอาจทำให้แผลฉีกได้
– งดรับประทานอาหาร หมัก ดอง ป้องกันการติดเชื้อที่แผล เพราะในการหมัก ดอง อาจไม่สะอาด
– ควรใช่ชุดสำหรับจัดทรงหน้าอก เพื่อล็อคให้หน้าอกเป็นทรงสวย ไม่เคลื่อนไหว ป้องกันการห่างของหน้าอก
– ควรนวดหน้าอกเพื่อลดพังผืด ไม่ให้พังผืดแข็ง ถ้าไม่นวดอาจมีปัญหาในอนาคต
การศัลยกรรมเสริมจมูกต้องศึกษาข้อมูลเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นสถานพยาบาล ศัลยแพทย์ หรือยี่ห้อซิลิโคนที่เลือกใช้ เพื่อให้ได้หน้าอกที่ดี และปลอดภัย โดย APEX เป็นศูนย์ความงามที่มีศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ในการทำศัลยกรรมเสริมหน้าอก ด้วยเครื่องมือที่ทันสมัย ผ่าตัดในห้องผ่าตัดที่ผ่านการรับรอง JCI ผู้เสริมสามารถไว้วางใจเรื่องความปลอดภัยได้อย่างแน่นอน
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการ ศัลยกรรมหน้าอก
โทร : 0888-7000-39
LINE@ ID : @APEXSURGERY
หรือคลิก http://line.me/ti/p/%40apexsurgery