7 ข้อปฏิบัติควรรู้ หลังฉีดฟิลเลอร์ และสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายหลังฉีด
ฟิลเลอร์ หรือ Derma Filler เป็นสารที่ใช้สำหรับแก้ปัญหาผิวขาดวอลลุ่ม ใช้ฉีดเพื่อเติมเต็มส่วนต่างๆ ซึ่งฟิลเลอร์ หรือสารเติมเต็มในปัจจุบันนี้มีมีอยู่มากมาย เช่น ซิลิโคน คอลลาเจน ไขมัน แต่สารที่นำมาเติมเต็มที่เป็นที่นิยมใช้มากที่สุด และได้รับการยอมรับจากทั่วโลก คือ HA หรือ Hyaluronic Acid ซึ่งเป็นสารที่เลียนแบบสารที่มีในร่างกายตามธรรมชาติ
หลังฉีดฟิลเลอร์ 7 ข้อปฏิบัติควรรู้ไม่ให้เกิดอันตราย
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลประเภทของการฉีดฟิลเลอร์
1.ฉีดฟิลเลอร์แบบชั่วคราว
ฟิลเลอร์ชนิดชั่วคราว จะเป็นสารไฮยาลูโรนิคแอซิด ซึ่งเป็นสารที่มีอยู่ในร่างกายตามธรรมชาติ เมื่อฉีดฟิลเลอร์เข้าไปในบริเวณที่ต้องการแก้ไขแล้ว ผลจะคงอยู่ได้ประมาณ 1-2 ปี ฟิลเลอร์ชนิดชั่วคราวจัดว่ามีความปลอดภัยสูง สามารถสลายตัวได้เองตามธรรมชาติ
2.ฉีดฟิลเลอร์แบบถาวร
ฟิลเลอร์แบบถาวรเคยเป็นที่นิยมเมื่อ 20-30 ปีที่แล้ว แต่เนื่องจากมีภาวะแทรกซ้อน และเกิดปัญหาเยอะ จึงไม่เป็นที่นิยม ฟิลเลอร์ชนิดถาวร เช่น เม็ดพลาสติก ซิลิโคน หรือน้ำมันพาราฟิน ซึ่งจะให้ผลลัพธ์แบบถาวร ที่ไม่สามารถสลายออกเองได้ การกำจัดออกมีเพียงการผ่าขูดออกเพียงอย่างเดียว
หลังฉีดฟิลเลอร์ กี่วันถึงจะเห็นผล? อยู่ได้นานแค่ไหน?
ผลลัพธ์ของการฉีดฟิลเลอร์จะเห็นผลได้ทันทีหลังฉีดเลยค่ะ โดยฟิลเลอร์จะอิ่มเต็มที่เมื่อครบ 2 สัปดาห์ ส่วนเรื่องระยาเวลาที่เห็นผลนั้นขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองหลังฉีดค่ะ และที่สำคัญคือยี่ห้อที่ใช้ฉีด
• Juvederm เป็นฟิลเลอร์จากอเมริกา ที่หลายๆ คนรู็จักและเป็นที่นิยมใช้กัน ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 1-2 ปี
• Restylane เป็นฟิลเลอร์จากสวีเดน ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 1-2 ปี
• Neuramis เป็นฟิลเลอร์ใหม่จากประเทศเกาหลี ราคาย่อมเยาว์ ผลลัพธ์อยู่ที่ประมาณ 6-8 เดือน
ฟิลเลอร์ ยี่ห้อไหนดีสุด ฉีดออกมาแล้วสวยละมุม
ขอแนะนำว่าให้เลือกฟิลเลอร์ที่ได้การรับรองจาก US FDA ที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก และผ่านการรับรองในไทย ตามมาตรฐาน อย. เพื่อความปลอดภัยต่อร่างกาย ลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหาเกี่ยวกับฟิลเลอร์ ไม่ว่าจะเป็นไหลย้อย บวม หรือเน่า แต่จริง ๆ แล้วการฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนหรือรุ่นอะไรดี ควรอยู่ที่แพทย์เป็นผู้ประเมินให้จะดีกว่าค่ะ เพราะปัญหาใบหน้าในแต่ละบริเวณนั้น ต้องการฟิลเลอร์ที่มีโมเลกุลหรือลักษณะเนื้อเจลที่มีความแตกต่างกันไป ซึ่งแพทย์จะดูจากปัจจัยต่าง ๆ ของคนไข้ร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็นความหนา-บาง หรือความหย่อนคล้อยของชั้นผิว โครงสร้างกระดูก ชั้นไขมัน อายุ ประกอบกันไปค่ะ เพื่อให้ได้ฟิลเลอร์ที่เหมาะกับตัวเองค่ะ สามารถแก้ไขปัญหาใบหน้าให้ออกมาสวยละมุน มีความเป็นธรรมชาติ
ดังนั้น การฉีดฟิลเลอร์ควรเลือกฉีดกับแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในคลินิกที่มีความน่าเชื่อถือ ใช้ผลิตภัณฑ์และอุปกรณ์ที่มีมาตรฐาน ทั้งนี้ผลลัพธ์ที่ได้อาจจะมีความแตกต่างกันในแต่ละบุคคลและขึ้นอยู่กับเทคนิคการฉีดของแพทย์ด้วยเช่นกัน สำหรับใครที่ไม่อยากเสี่ยงลองฉีดฟิลเลอร์ไปเรื่อย ๆ ที่ APEX อันดับหนึ่งด้านการฉีดฟิลเลอร์ สามารถให้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจกับทุกท่านได้ค่า
• ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ
APEX เลือกใช้ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Juvederm ซึ่งเป็นแบรนด์ที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก เป็นยี่ห้อที่เมื่อฉีดเข้าผิวแล้วจะออกมาสวยเป็นธรรมชาติที่สุดค่ะ
• มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
ทีมแพทย์ APEX Medical Institute (AMI) ของ APEX ได้รับการเทรนเทคนิค ความรู้ใหม่ ๆ จากอาจารย์แพทย์ด้านผิวหนังระดับประเทศ เป็นผู้บุกเบิกการฉีดเป็นกลุ่มแรกของประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นโบท็อกหรือฟิลเลอร์ มากว่า 30 ปี อย่างคุณหมอนัน “พญ. นันทภัทร์ สุภาพรรณชาติ” ผู้ก่อตั้งเอเพ็กซ์นั่นเองค่ะ ดังนั้นมั่นใจได้เลยว่าฉีดฟิลเลอร์ที่ APEX จะได้ผลลัพธ์ที่ออกมาสวยเพอร์เฟ็คเทียบเท่าอาจารย์แพทย์เป็นผู้ฉีดให้เลยทีเดียว
• ชื่อเสียง
เสียงตอบรับจากผู้เข้าใช้บริการทุกท่านทำให้คลินิกของเราได้รับรางวัลมาแล้วมากมาย ถือเป็นอีกหนึ่งเครื่องการันตีถึงความสามารถด้านการฉีดของเอเพ็กซ์ได้เป็นอย่างมาก
จุดประสงค์หลักการฉีดฟิลเลอร์ คือ เพื่อเติมเต็มในส่วนที่เป็นริ้วรอย ร่องลึกตามจุดต่างๆ บนใบหน้า ช่วยทำให้ใบหน้าเต่งตึง มีน้ำมีนวล ริ้วรอยร่องลึกที่เคยมีจะดูตื้นขึ้น อีกทั้งยังเป็นการเติมใยคอลลาเจนที่หายไป ให้กลับมาดูอิ่มเอิบ ดูอ่อนเยาว์กว่าวัย
การฉีดฟิลเลอร์จะใช้เวลาประมาณ 15-30 นาที เมื่ออยู่ในตำแหน่งที่ต้องการแก้ไข จะเห็นผลทันที และจะยิ่งเห็นผลชัดที่สุดในวันที่ 5 โดยสามารถให้ผลลัพธ์ได้นานถึง 6 เดือน หรือขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละคน
การฉีดฟิลเลอร์นับเป็นทางเลือกที่หลายๆ คนเลือกใช้ เพื่อปกปิดริ้วรอย ร่องลึกหรือผิวหนังที่หย่อนคล้อย เพราะหลังจากฉีดฟิลเลอร์ ไม่จำเป็นต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ผลลัพธ์ดูสวยอย่างเป็นธรรมชาติ
นอกจากนี้หลายๆ คนยังใช้การฉีดฟิลเลอร์ เพื่อปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์บนใบหน้าให้ดูหวานขึ้น โดดเด่น มีเสน่ห์มากขึ้นอีกด้วย เช่น ฉีดฟิลเลอร์คาง ฉีดฟิลเลอร์ปาก เป็นต้น
ภาพก่อน - หลังทำ (หลังฉีดฟิลเลอร์ 7 ข้อปฏิบัติควรรู้ไม่ให้เกิดอันตราย)
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลการฉีดฟิลเลอร์จะต้องทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ และมีความเชี่ยวชาญ เพราะการฉีดฟิลเลอร์จะต้องฉีดวางฟิลเลอร์ให้ถูกตำแหน่ง เพื่อผลลัพธ์ที่สวยและเป็นธรรมชาติ ไม่ดูเป็นก้อนอยู่บนหน้า
ฉีดฟิลเลอร์จุดไหนดี ?
จริงๆ แล้วฟิลเลอร์สามารถฉีดได้ทั้งเติมเต็มและยกกระชับผิวหน้าเลยค่ะ เรามาแบ่งตามจุดที่คนนิยมฉีดกันดังนี้
1.ฉีดฟิลเลอร์คาง
2.ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
3.ฉีดฟิลเลอร์จมูก
4.ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม
5.ฉีดฟิลเลอร์กรอบหน้า
6.ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ
7.ฉีดฟิลเลอร์ขมับ
8.ฉีดฟิลเลอร์เสริมหน้าผาก
9.ฉีดฟิลเลอร์กรอบหน้า
10.ฉีดฟิลเลอร์ปาก
ก่อนฉีดฟิลเลอร์ต้องเตรียมตัวยังไงบ้าง ?
• ก่อนฉีดฟิลเลอร์ควรหยุดการทานยาแก้ปวด ยาแอสไพริน กลุ่มยาต้านการอับเสบ NSAIDS ได้แก่ Ibuprofen, Naproxen อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนการฉีด เพื่อป้องกันอาการฟกซ้ำ
• ก่อนฉีดฟิลเลอร์ควรงดทานวิตามินที่ทำให้เลือดหยุดไหลยาก เช่น Vitamin E , น้ำมันปลา , น้ำมันอิฟนิ่งพริมโรส , สารสกัดจากโสม ขิง กระเทียม ใบแปะก๊วย เป็นเวลา 2 สัปดาห์
• ก่อนฉีดฟิลเลอร์ควรงดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 1-3 วัน ก่อนฉีดฟิลเลอร์
• ก่อนฉีดฟิลเลอร์ควรทำตัวเองให้แข็งแรงอยู่ในสภาพปกติดี ไม่มีโรคประจำตัวร้ายแรง ไม่ได้อยู่ในภาวะตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรอยู่
• ก่อนฉีดฟิลเลอร์ควรทำความสะอาดผิวหน้าเช็คเครื่องสำอางก่อนพบแพทย์
การฉีดฟิลเลอร์แต่ละครั้ง จะใช้เวลาไม่นาน ขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละบุคคล โดยแพทย์จะใช้เวลาฉีดฟิลเลอร์อยู่ที่ประมาณ 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง หลังจากฉีดฟิลเลอร์ คนไข้จะเห็นความแตกต่างในบริเวณที่ฉีดทันที และผลลัพธ์จากการฉีดฟิลเลอร์จะสวย ดูเป็นธรรมชาติหลังจากฉีดไปแล้ว 4-5 วัน เนื่องจากหลังจากฉีดฟิลเลอร์ในบางเคส อาจจะมีอาการบวมแดงและช้ำอยู่บ้าง เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด การดูแลตัวเองหลังการฉีดฟิลเลอร์ก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน
หลังฉีดฟิลเลอร์ 7 ข้อปฏิบัติควรรู้ไม่ให้เกิดอันตราย
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล7 ข้อปฏิบัติควรรู้ หลังฉีดฟิลเลอร์
1.หลังฉีดฟิลเลอร์ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์
หลังฉีดฟิลเลอร์ไป สิ่งที่สำคัญอย่างหนึ่งคือห้ามนวด กด รวมถึงการสัมผัสแรงๆ ในบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าไปเคลื่อนที่ไปจากบริเวณที่ฉีด และในบางเคส แพทย์ใช้การฉีดฟิลเลอร์เพื่อยกหน้า การนวดทำให้ผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามที่แพทย์วางแผนไว้ หรือทำให้ไม่ได้ผลเลย
ทั้งนี้หากหลังฉีดฟิลเลอร์คนไข้มีอาการคันหรือระคายเคือง ห้ามเกาโดยเด็ดขาด เพราะอาจทำให้เสี่ยงต่อการอักเสบของผิวได้ หากอาการคันไม่หายไปภายใน 3 วัน ควรรีบไปพบแพทย์ เพื่อความปลอดภัย
2.หลังฉีดฟิลเลอร์ควรหลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดและความร้อน
หลังฉีดฟิลเลอร์โดยปกติแล้วในช่วง 48 ชั่วโมงแรก แพทย์จะแนะนำไม่ให้ผู้เข้ารับการฉีดฟิลเลอร์โดนความร้อนที่มีอุณหภูมิสูง เช่นการเข้าห้องซาวน่า ทั้งนี้ไม่ใช่เพราะความร้อนจะทำให้ฟิลเลอร์สลายอย่างที่ใครๆ พูดกัน แต่ความร้อนจะทำให้ผิวยืดหดมากกว่าปกติ ส่งผลต่องการเซตตัวของฟิลเลอร์
หลังจากฉีดฟิลเลอร์ไป ผิวอาจจะมีความเซนซิทีฟมากกว่าปกติ ด้วยรอยเข็มหลายๆ รูบนหน้า การโดนความร้อนอาจทำให้เกิดรอยแดง ระคายเคืองและผื่นขึ้น
3.หลังฉีดฟิลเลอร์ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารเสริมบางชนิด หรือใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนประกอบของกรดผลไม้
หลังฉีดฟิลเลอร์ควรหลีกเลี่ยงการทานวิตามิน เช่น กิงโกะ น้ำมันพริมโรส กระเทียม โสมและวิตามินอี ทั้งก่อนและหลังการฉีดฟิลเลอร์ ทั้งนี้ไม่ใช่ว่าสารเหล่านั้นจะทำปฎิกริยาหรือส่งผลร้ายกับการฉีดฟิลเลอร์ แต่สารเหล่านั้นจะทำให้คนไข้เสี่ยงกับภาวะช้ำได้ง่ายกว่าปกติ
นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนประกอบของ AHA BHA หรือ Retinoids ก็อาจทำให้เกิดการระคายเคืองกับผิวและบริเวณที่ฉีดสารฟิลเลอร์ได้อีกด้วย ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงก่อนชั่วคราว เพื่อความปลอดภัย
4.หลังฉีดฟิลเลอร์ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาที่มีฤทธิ์ต้านการแข็งตัวของเลือด
หลังฉีดฟิลเลอร์ควรงดการใช้ยาประเภทที่มีฤทธิ์ต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน ไอบูโพรเฟน และยาแก้อักเสบบางชนิด เป็นยาที่ควรหลีกเลี่ยงทั้งก่อนและหลังการฉีดฟิลเลอร์ เพราะการฉีดฟิลเลอร์เป็นการฉีดลงไปในผิวหนังชั้นลึก ถ้าเกิดโดนเส้นเลือดขณะฉีดอาจทำให้เลือดหยุดไหลช้า ทำให้ช้ำง่ายกว่าปกติ ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย และไม่เสี่ยงช้ำ ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาดังกล่าวอย่างน้อย 1 สัปดาห์
5.หลังฉีดฟิลเลอร์ควรหลีกเลี่ยงการแว็กซ์ ถอน ย้อมสีขน หรือใช้ครีมกำจัดขน
หลังจากฉีดฟิลเลอร์แล้วผิวหนังบริเวณที่ฉีดอาจมีความบอบบางลงชั่วคราว ประมาณ 2-3 วัน ซึ่งหากในระหว่างนี้ มีการกำจัดขนด้วยวิธีต่างๆ เช่น การแว็กซ์ขน ถอนขน ใช้ครีมกำจัดขน หรือทำการย้อมสีเส้นขน ก็อาจทำให้ผิวเกิดการระคายเคือง เสี่ยงต่อการอักเสบและติดเชื้อได้ ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงไปก่อนจะดีที่สุด
6.หลังฉีดฟิลเลอร์ควรดื่มน้ำมากๆ
ฟิลเลอร์ คือ สารไฮยาลูลอนิคซึ่งมีฤทธิ์ในการอุ้มน้ำได้ดี หลังจากฉีดฟิลเลอร์ในช่วง 4-5 วันแรก แพทย์จึงแนะนำให้ดื่มน้ำให้อย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว หรือประมาณ 2 ลิตรต่อวัน เพื่อผลลัพธ์ที่ดีและคงทน เพราะการดื่มน้ำมากๆ จะช่วยให้ฟิลเลอร์ที่เป็นสารอุ้มน้ำ มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น และทำให้บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ดูเต็มเป็นธรรมชาติ
7.หลังฉีดฟิลเลอร์ควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่
หลังจากฉีดฟิลเลอร์ แนะนำให้งดการดื่มแอลกอลฮอล์ ของมึนเมา ทั้งนี้ไม่ใช่เพราะฟิลเลอร์จะสลายหรืออยู่ไม่นาน แต่เป็นเพราะคนไข้จะไม่มีสติดูแลบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ไป อาจจะเผลอนวด เผลอเท้าคางได้ และการดื่มแอลกอฮอล์ทำให้เลือดสูบฉีด อาจจะทำให้เลือดออกในบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ได้
การสูบบุหรี่หลังจากการฉีดฟิลเลอร์ ก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีเท่าไร เพราะอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ได้ เช่น สูบบุหรี่หลังฉีดฟิลเลอร์ที่ปาก อาจจะทำให้รูปลักษณ์ที่คุณหมอสร้างขึ้นมาเป็นปากกระจับอาจจะผิดรูปได้ เพราะฉะนั้นแนะนำให้งดเหล้า แอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่หลังฉีดฟิลเลอร์อย่างน้อยประมาณ 2-3 วัน
ภาพก่อน - หลังทำ (หลังฉีดฟิลเลอร์ 7 ข้อปฏิบัติควรรู้ไม่ให้เกิดอันตราย)
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลผลข้างเคียงจากการฉีดฟิลเลอร์
สำหรับผลข้างเคียงนะสาว ถึงแม้เราจะเลือกคลินิกที่ไว้ใจแล้วตรงมาตรฐานทุกอย่าง เลือกยี่ห้อที่จะฉีดเอยใดๆ เอยแล้ว แต่เราก็ไม่สามารถการันตีได้ว่าคุณจะไม่มีผลข้างเคียงใดๆ เพราะร่างกายของคนเราไม่เหมือนกัน ดังนั้น แล้วคนที่ฉีดฟิลเลอร์ครั้งแรกอาจจะไม่รู้เลยว่าจะมีผลข้างเคียงมากน้อยแค่ไหน ซึ่งผลข้างเคียงที่พบบ่อยๆ ก็มีดังนี้เลยค่า
ภาพก่อน - หลังทำ (หลังฉีดฟิลเลอร์ 7 ข้อปฏิบัติควรรู้ไม่ให้เกิดอันตราย)
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล• หลังฉีดฟิลเลอรอาจเกิดรอยนูน ขรุขระ เป็นคลื่น ผิวไม่เรียบเนียน สาเหตุเกิดจากการฉีดที่ผิวชั้นตื้นเกินไป หรือ การเลือกใช้ชนิดของฟิลเลอร์ที่ไม่เหมาะสมกับบริเวณจุดฉีด
• หลังฉีดฟิลเลอรอาจพบฟิลเลอร์ไหลเคลื่อนออกจากตำแหน่งจุดฉีดไปยังบริเวณที่เราไม่ต้องการ อาจจะส่งผลทำให้ใบหน้าผิดรูปได้
• หลังฉีดฟิลเลอรอาจเกิดอาการแพ้ฟิลเลอร์ คันเป็นผื่นแดงและอาจจะมีลมพิษขึ้นตามมา หากใครเจอปัญหานี้ควรที่จะรีบไปพบแพทย์โดยด่วน
• หลังฉีดฟิลเลอรอาจเกิดอาการปวดบวม แดง มีตุ่มหรือมีก้อนหนองบริเวณจุดฉีด ลักษณะนี้บ่งบอกว่าคุณกำลังติดเชื้อหลังการฉีดฟิลเลอร์ ที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือ ฉีดกับหมอเถื่อนค่ะ
• หลังฉีดฟิลเลอรอาจพบอาการ ฉีดฟิลเลอร์แล้วตัวยาเข้าไปอุดตันเส้นเลือด ที่นำมาเลี้ยงผิวหนังและรวมถึงจอประสาทตา อาจส่งผลให้ผิวบริเวณรอบๆ จุดฉีดตาย หรือ ถึงขั้นตาบอดได้
ภาพก่อน - หลังทำ (หลังฉีดฟิลเลอร์ 7 ข้อปฏิบัติควรรู้ไม่ให้เกิดอันตราย)
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลข้อควรปฎิบัติหลังการฉีดฟิลเลอร์เหล่านี้ ล้วนแต่เป็นเรื่องง่ายๆ ที่ไม่เกินความสามารถของทุกคน ถ้าอยากได้ผลลัพธ์ที่ดี สวย ดูเป็นธรรมชาติ และผลคงอยู่ยาวนาน ก็ควรทำปฎิบัติตามอย่างเคร่งครัด หรือถ้ายังไม่มั่นใจว่ามีอะไรที่ควรทำหรือไม่ควรทำมากกว่านี้หรือไม่ ที่ APEX มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์ทางด้านการฉีดฟิลเลอร์โดยตรง พร้อมจะให้คำแนะนำ แก้ปัญหาริ้วรอยด้วยสารเติมเต็มอยู่ เพราะเรื่องของริ้วรอยนั้นมองข้ามกันไม่ได้
ภาพก่อน - หลังทำ (หลังฉีดฟิลเลอร์ 7 ข้อปฏิบัติควรรู้ไม่ให้เกิดอันตราย)
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลAPEX ขึ้นชื่อเรื่องการฉีดเป็นอันดับหนึ่งในไทย เพราะเรามีทีมแพทยผู้เชี่ยวชาญด้านการฉีดฟิลเลอร์ พร้อม “เลือกแต่ของที่ดีที่สุด” ดังนั้น จึงมั่นใจในฝีมือและเทคนิคการฉีดของทีมแพทย์ได้เลยค่ะว่าผลลัพธ์ที่ได้ออกมาสวยงามอย่างเป็นธรรมชาติและปลอดภัยอย่างแน่นอนค่ะ