บทความฉีดฟิลเลอร์

ฉีดฟิลเลอร์เหมาะกับใคร ฉีดบริเวณไหนได้บ้าง

ฉีดฟิลเลอร์เหมาะกับใคร ฉีดบริเวณไหนได้บ้าง

ฉีดฟิลเลอร์ อันตรายไหม? และความลับของ Filler ที่ทุกคนต้องรู้
การฉีดฟิลเลอร์ในปัจจุบันนี้ถือว่าเป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะเป็นเทคนิคที่ช่วยปรับแต่ง และแก้ไขจุดบกพร่องบนใบหน้า ได้อย่างรวดเร็ว สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังฉีดเสร็จ ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยที่ใคร ๆ ก็ต่างยกให้ ฟิลเลอร์ Filler เป็นตัวช่วยในการปรับรูปหน้าให้ดูสวยสมบูรณ์ขึ้น อย่างเป็นธรรมชาติ

ฉีดฟิลเลอร์

ฉีดฟิลเลอร์เหมาะกับใคร ฉีดบริเวณไหนได้บ้าง

ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล

ฟิลเลอร์ Filler คืออะไร
ฟิลเลอร์ คือ การฉีดสารไฮยาลูรอนิค แอซิด ( Hyaluronic Acid ) หรือเรียกสั้น ๆ ว่า เอชเอ (HA) ฉีดเข้าไปยังบริเวณ หรือตำแหน่งที่ต้องการแก้ไขบนใบหน้า เพื่อเติมเต็มและปรับแต่งให้ได้รูปทรงตามที่ต้องการได้ เมื่อแพทย์ฉีดฟิลเลอร์เข้าไปยังชั้นใต้ผิวหนังแล้ว ตัวฟิลเลอร์จะช่วยเพิ่มเส้นใยคอลลาเจน ทำให้เนื้อเยื่อรอบ ๆ บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์สามารถกักเก็บน้ำได้ดียิ่งขึ้น ส่งผลให้นอกจากจะช่วยเติมเต็มผิวและปรับแต่งส่วนต่าง ๆ บนใบหน้าได้แล้ว ยังช่วยฟื้นฟูผิวให้มีความยืดหยุ่น ชุ่มชื้น ฉ่ำวาว แถมเรียบเนียน และริ้วรอยดูลดลงได้อีกด้วย

ประเภทของฟิลเลอร์ Filler ฟิลเลอร์ แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ตามระยะเวลาการคงตัว ได้แก่
1.ฟิลเลอร์ประเภทชั่วคราว (Temporary Filler)
ฟิลเลอร์ประเภทชั่วคราว จะมีระยะเวลาคงตัวอยู่ได้ประมาณ 9-24 เดือน ถือว่าเป็นฟิลเลอร์ที่มีความปลอดภัยสูง เนื่องจากสามารถสลายตัวได้เองแบบธรรมชาติตามกระบวนการทำงานของร่างกาย เช่น สารไฮยาลูรอนิค แอซิด ( Hyaluronic Acid ) ที่นิยมใช้อย่างแพร่หลายไปทั่วโลก เพราะได้การรับรองจาก US FDA และอย. ของไทย ให้สามารถฉีดรักษาคนไข้ได้ โดยฟิลเลอร์จากสารไฮยาลูรอนิค แอซิด ( Hyaluronic Acid ) ยังแบ่งออกได้อีก 2 แบบ ตามลักษณะของเนื้อผลิตภัณฑ์ ดังนี้

• HA Filler คือ ฟิลเลอร์ที่มีลักษณะคงตัว เนื้อแน่น ส่วนใหญ่แล้วจะใช้เพื่อฉีดปรับรูปหน้า และเติมเต็มบริเวณที่บกพร่อง เป็นร่องลึกบนใบหน้า เช่น หน้าผาก ขมับ ปาก คาง ร่องแก้ม เป็นต้น

• HA Skin Booster คือ ฟิลเลอร์ที่มีลักษณะเป็นเจลนิ่ม ๆ เนื้อบางเบา โดยส่วนมากแล้วจะฉีดผิวชั้นตื้น เพื่อเติมเต็มผิวให้ชุ่มชื้น ดูอิ่มน้ำ เรียบเนียน กระจ่างใส ไร้ริ้วรอย

2.ฟิลเลอร์ประเภทกึ่งถาวร (Semi–Permanent Filler)
ฟิลเลอร์ประเภทกึ่งถาวร จะมีระยะเวลาคงตัวอยู่ได้ประมาณ 2-5 ปี ถือว่ามีความปลอดภัยรองลงมาจากแบบแรก เพราะเป็นฟิลเลอร์ที่ไม่สามารถสลายได้ 100% ซึ่งมีแนวโน้มจะก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้ เพราะร่างกายจะจำว่าฟิลเลอร์ประเภทกึ่งถาวรนี้เป็นสารแปลกปลอมที่เข้ามาในร่างกาย ซึ่งอาจจะทำให้เกิดอาการแพ้ในระยะยาวได้ ฟิลเลอร์ประเภทนี้ เช่น สาร PMMA (Polymethyl–methacrylate)

3.ฟิลเลอร์ประเภทถาวร (Permanent Filler)
ฟิลเลอร์ประเภทถาวร จะมีระยะเวลาคงตัวอยู่ได้อย่างถาวร ไม่สามารถสลายตัวได้เอง เพราะเมื่อฉีดเข้าไปแล้ว ผิวของเราจะไม่สามารถดูดซึมฟิลเลอร์ประเภทนี้ได้ ทำให้สารเหล่านี้ตกค้างอยู่ใต้ชั้นผิว ซึ่งในระยะยาวจะก่อให้เกิดผลกระทบได้อย่างแน่นอน หากอยู่ในร่างกายนานเกินไปจะทำให้เกิดอาการอักเสบรุนแรง จนฟิลเลอร์ไหล ฟิลเลอร์บวมเน่า หรือฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน หน้าเบี้ยวผิดรูปได้ ฟิลเลอร์ประเภทนี้ เช่น ซิลิโคนเหลว และน้ำมันพาราฟิน

ฉีดฟิลเลอร์ บริเวณไหนได้บ้าง
ฟิลเลอร์สามารถฉีดได้หลายตำแหน่ง ในจุดที่ต้องการปรับแก้ให้ผิวมีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น สำหรับใบหน้าส่วนใหญ่นิยมฉีดบริเวณ ดังต่อไปนี้

• ฟิลเลอร์หน้าผาก
• ฟิลเลอร์ขมับ
• ฟิลเลอร์ใต้ตา
• ฟิลเลอร์หน้าแก้ม
• ฟิลเลอร์แก้มตอบ
• ฟิลเลอร์จมูก
• ฟิลเลอร์ปาก
• ฟิลเลอร์คาง
• ฟิลเลอร์กรอบหน้า

ฉีดฟิลเลอร์ Filler อันตรายไหม
อย่างที่ได้กล่าวถึงประเภทของฟิลเลอร์ไปแล้วว่ามีทั้งหมด 3 ประเภท โดยฟิลเลอร์ที่ความปลอดภัยสูง อย. ไทยรับรองให้สามารถฉีดรักษาคนไข้เพื่อความสวยงามได้ คือ ฟิลเลอร์ประเภทชั่วคราว จากสารไฮยาลูรอนิค แอซิด ( Hyaluronic Acid ) เพราะสามารถสลายตัวได้เอง 100% ไม่ทิ้งสารตกค้าง จึงไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย แต่นอกจากนั้นแล้วเรื่องของความปลอดภัยก็มีปัจจัยอื่น ๆ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ได้แก่

ความรู้ความเชี่ยวชาญของแพทย์
หลายคนอาจคิดว่าการฉีดฟิลเลอร์ เป็นเพียงแค่การฉีดตัวยาลงบนผิว ดังนั้นจะฉีดกับแพทย์ท่านไหนก็เหมือนกัน แต่จริง ๆ แล้วแม้ว่าแพทย์ทุกคนจะฉีดยาได้ แต่การทำหัตถการเกี่ยวกับใบหน้า อย่างการฉีดฟิลเลอร์ ต้องอาศัยความรู้ ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญเป็นอย่างมาก เนื่องจากปัญหาของคนไข้แต่ละคนไม่เหมือนกัน แพทย์จึงต้องมีความเข้าใจเรื่องของโครงสร้างผิว เพื่อฉีดแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุดและแม่นยำ ไม่เกิดความผิดพลาด เพื่อความปลอดภัยของคนไข้เอง อีกทั้งแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านการปรับรูปหน้า จะสามารถประเมินรูปหน้าได้อย่างเหมาะสมว่าบริเวณที่ต้องการแก้ไขนั้น ควรใช้ฟิลเลอร์รุ่นไหน ปริมาณเท่าไหร่ เพื่อผลลัพธ์ที่ออกมามีความสวยเป็นธรรมชาติมากที่สุด

ฟิลเลอร์ของแท้
ฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าไปบนใบหน้าของเราต้องเป็นของแท้ ยี่ห้อและรุ่นต้องผ่านการรับรองจาก อย. ไทย เท่านั้น ซึ่งเราสามารถตรวจสอบได้จากฉลากข้างกล่อง จะมีชื่อของผู้นำเข้าอย่างถูกต้อง และมีเลขอ้างอิง Lot. รวมถึงวันหมดอายุอย่างชัดเจน โดยสามารถโทรตรวจสอบได้เอง เช่น ฟิลเลอร์ ยี่ห้อ Juvederm สามารถโทรเช็คได้ที่บริษัท Allergan Thailand โทร.02-6404999 ต่อ 1 นอกจากนั้นการเลือกฉีดฟิลเลอร์กับคลินิกที่มีความน่าเชื่อ ได้รับมาตรฐานมาอย่างยาวนาน มีเครื่องมือที่ทันสมัย ก็สามารถเพิ่มความมั่นใจให้กับเราได้ว่าฟิลเลอร์ที่ใช้เป็นของมีคุณภาพ และช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอันตรายลงได้อีกด้วย

ฟิลเลอร์ Filler เหมาะกับใครบ้าง
• ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้า : เติมเต็มส่วนที่มีความบกพร่อง ปรับรูปหน้าให้มีความสมส่วนมากยิ่งขึ้น เช่น ฉีดฟิลเลอร์ขมับ ฟิลเลอร์กรอบหน้า ฟิลเลอร์แก้มตอบเป็นต้น
• ผู้ที่มีปัญหาร่องลึก : แก้ปัญหาริ้วรอย ร่องลึกที่ทำให้ใบหน้าดูแก่กว่าวัย เช่น ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม เป็นต้น
• ผู้ที่มีต้องการเติมเต็มเฉพาะจุด : เทรนด์สายฝ.มากแรงมาก หลายคนจึงอยากมีใบหน้าดูพุ่ง และอวบอิ่มสไตล์สายฝ. ส่วนใหญ่จึงมักจะเลือกฉีดฟิลเลอร์ปาก และฉีดฟิลเลอร์จมูก
• ผู้ที่มีปัญหาผิวหน้า : สำหรับคนที่มีผิวแห้งกร้าน สามารถฉีดฟิลเลอร์เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น ฉ่ำวาวให้ผิวหน้าได้
• ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์รวดเร็ว : การฉีดฟิลเลอร์เป็นวิธีที่เห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังฉีดเสร็จ เหมาะกับคนที่ไม่อยากผ่าตัดศัลกรรม ไม่อยากเสียเวลาพักฟื้นนาน ๆ ต้องการปรับรูปหน้าให้สวยขึ้นอย่างรวดเร็ว

การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ Filler
1.งดทานยา วิตามิน หรืออาหารเสริมบางชนิด อย่างน้อย 24 ชั่วโมง ก่อนฉีด เช่น ยาแอสไพริน วิตามินอี สารสกัดจากใบแปะก๊วย เป็นต้น เนื่องจากยาเหล่านี้จะเข้าไปกระตุ้นให้เลือดแข็งตัวช้า ซึ่งทำให้ระหว่างฉีดฟิลเลอร์ อาจจะทำให้เลือดไหลไม่หยุด หรือมีอาการช้ำได้
2.งดการทำเลเซอร์ต่าง ๆ ก่อนฉีดฟิลเลอร์ เป็นเวลาประมาณ 3 วัน
3.งดเครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์ อาหารหมักดอง รวมทั้งบุหรี่ และงดกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด เช่น การออกกำลัง ก่อนฉีดฟิลเลอร์ 24 ชั่วโมง

ข้อแนะนำหลังฉีดฟิลเลอร์ Filler
1.งดการกด หรือสัมผัสมใด ๆ บริเวณที่ฉีด เพราะอาจจะทำให้ฟิลเลอร์เสียรูปทรง หรือไหลไปยังบริเวณที่ไม่ต้องการได้
2.งดออกกำลังกาย และหลีกเลี่ยงความร้อนจากกิจกรรมทุกชนิด อย่างน้อยประมาณ 48 ชั่วโมง
3.งดทานอาหารที่ส่งผลต่อการเกิดอาการบวม อักเสบ เช่น อาหารประเภทหมักดอง เครื่องดื่มแอลกฮอล์ หรือเครื่องดื่มร้อน ๆ ประมาณ 48 ชั่วโมง

ความลับของ Filler ที่ทุกคนต้องรู้
สำหรับคนที่ฉีดฟิลเลอร์ นอกจากจะหวังให้ผลลัพธ์ออกมาสวย เป็นธรรมชาติ ตรงใจเราแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่หลายคนต้องการก็คือ อยากให้ผลลัพธ์ของฟิลเลอร์ที่ฉีดไปคงอยู่ได้อย่างยาวนานมากขึ้น ซึ่งความลับของ Filler ที่ทุกคนต้องรู้ก็คือ ตัวช่วยที่ทำให้ฟิลเลอร์สามารถอยู่ได้นานขึ้นอย่าง ‘น้ำ’ นั่นเอง

เนื่องจากไฮยาลูรอนิค แอซิด ( Hyaluronic Acid ) เป็นสารที่ช่วยกักเก็บน้ำใต้ชั้นผิว มีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำได้ดี ดังนั้นหลังฉีดฟิลเลอร์เสร็จ แนะนำให้ดื่มน้ำเยอะ ๆ ในช่วง 3-5 วันแรก จะช่วยให้ผลลัพธ์ของการการฉีดฟิลเลอร์สวยและเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้ฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าไปคงสภาพอยู่ได้นานยิ่งขึ้นอีกด้วย

คำถามที่พบบ่อย (Q & A)
Q: ฉีดฟิลเลอร์กี่ครั้งถึงเห็นผล?
A: การฉีดฟิลเลอร์สามารถเห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉีดเลยค่ะ ถือเป็นหัตถการที่ได้ผลลัพธ์รวดเร็วมาก หลังฉีดฟิลเลอร์เสร็จจะเห็นการเปลี่ยนแปลงของรูปหน้า หรือส่วนที่ฉีดได้ในทันที จะเข้าที่และหายบวมได้เองภายใน 3-5 วัน ซึ่งผลลัพธ์จะสวยขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติที่สุด

Q: ผลลัพธ์ของการฉีดฟิลเลอร์อยู่ได้นานเท่าไหร่?
A: โดยปกติแล้วผลลัพธ์ของการฉีดฟิลเลอร์สามารถคงอยู่ได้นานกว่า 9-24 เดือน แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและรุ่นของฟิลเลอร์ที่ใช้ฉีด รวมไปถึงการดูแลตัวเองหลังฉีดก็มีผลทำให้ฟิลเลอร์สลายเร็วหรืออยู่ได้นานขึ้น ดังนั้นเพื่อผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ สวยงาม และอยู่ได้ยาวนาน ควรเลือกฉีดฟิลเลอร์กับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และทำทำตามคำแนะนำของแพทย์ด้วยเช่นกัน

Q: ฉีดฟิลเลอร์เจ็บไหม?
A: ขั้นตอนก่อนการฉีดฟิลเลอร์จะมีการทายาชาให้ก่อน รวมไปถึงในตัวฟิลเลอร์บางยี่ห้อก็มียาชา (Lidocane) ผสมอยู่ด้วย อย่างเช่น ฟิลเลอร์ของ Juvederm ที่มียาชาผสมอยู่ในทุกรุ่นของผลิตภัณฑ์ ดังนั้นเวลาฉีดคนไข้จึงแทบไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดเลย

Q: ฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดีที่สุด?
A: ฟิลเลอร์ที่ดีที่สุดคือ ฟิลเลอร์ที่เหมาะกับปัญหาบนใบหน้าของเรา ซึ่งแพทย์จะเป็นคนประเมินให้ว่าควรใช้ฟิลเลอร์ยี่ห้อไหน รุ่นอะไร เพราะฟิลเลอร์แต่ละตัวมีลักษณะเนื้อเจล หรือโมเลกุลที่แตกต่างกันไป ดังนั้นแพทย์จะดูปัจจัยทุกอย่างของคนไข้ร่วมด้วย เช่น ความตื้น-ลึกของชั้นผิว โครงสร้างกระดูก ชั้นไขมัน อายุ เพื่อใช้ประกอบการเลือกใช้ฟิลเลอร์ได้อย่างเหมาะสมกับคนไข้
อีกทั้งควรเลือกฟิลเลอร์ที่ผ่านการรับรองจาก US FDA และอย. ในไทย มีการใช้อย่างแพร่หลายไปทั่วโลก เพื่อความปลอดภัย และได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพที่สุด

Q: ถ้าฉีดฟิลเลอร์มาแล้วไม่ถูกใจในผลลัพธ์ ต้องขูดฟิลเลอร์ออกไหม?
A: โดยปกติแล้วก่อนฉีดฟิลเลอร์ แพทย์จะทำการประเมินใบหน้าของคนไข้ก่อนทุกครั้ง รวมถึงพูดคุยถึงความต้องการของคนไข้ เพื่อความปลอดภัยในการฉีดฟิลเลอร์ และได้ผลลัพธ์ที่ออกมาตรงใจคนไข้ที่สุด
แต่ถ้าฉีดมาแล้วคนไข้อยากแก้ไข สามารถฉีดฟิลเลอร์เพิ่มเติม ปรับแต่งทรงได้ หรือถ้าต้องการเอาฟิลเลอร์ออกก็ไม่จำเป็นต้องขูดออกค่ะ เพราะสามารถใช้สารไฮยาลูโรนิเดส (Hyaluronidase) ฉีดเข้าไปเพื่อสลายฟิลเลอร์ให้หายไปได้ทั้งหมด 100% ซึ่งเป็นวิธีสลายฟิลเลอร์ได้รวดเร็วและปลอดภัยที่สุด แต่ทั้งนี้ฟิลเลอร์ที่เราฉีดเข้าไปในตอนแรกต้องเป็นฟิลเลอร์แท้ ประเภทไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid) เท่านั้น

Q: หลังฉีดฟิลเลอร์จะเกิดอาการข้างเคียงหรือไม่?
A: อาจจะมีรอยแดงจากเข็มเกิดขึ้น แต่สามารถหายได้เองใน 1-3 วัน รวมไปถึงอาการบวมอาจเกิดขึ้นในบางเคส ซึ่งจะหายได้หลังจากฟิลเลอร์เข้าที่ประมาณ 3-5 วัน ซึ่งจะทำให้เห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนขึ้น แต่ถ้าใครที่มีอาการบวมแดงเกินกว่า 5-7 วัน ให้รีบพบแพทย์ทันที

APEX ขึ้นชื่อเรื่องการฉีดเป็นอันดับหนึ่งในไทย เพราะเรามีทีมแพทย์ APEX Medical Institute (AMI) ที่ผ่านการเทรนความรู้และเทคนิคใหม่ ๆ จากอาจารย์แพทย์ระดับประเทศ อย่างคุณหมอนัน พญ. นันทภัทร์ สุภาพรรณชาติ อาจารย์แพทย์ด้านผิวหนัง เป็นผู้บุกเบิกเรื่องการฉีดปรับรูปหน้าโดยใช้โบท็อก และฟิลเลอร์เป็นกลุ่มแรกของไทย มานานกว่า 30 ปี และ คุณหมอเอก นพ.เอกลักษณ์ ธรรมสุนทร ที่เป็นอาจารย์แพทย์ผู้สอนฉีดและการปรับรูปหน้า ให้กับแพทย์ทั้งจากไทยและต่างชาติ ดังนั้นจึงทำให้มั่นใจในฝีมือและเทคนิคการฉีดฟิลเลอร์ของทีมแพทย์ APEX Medical Institute (AMI) ได้เลยค่ะ ว่าผลลัพธ์ที่ได้จะออกมาสวยงาม อย่างเป็นธรรมชาติ เทียบเท่าฝีมือระดับอาจารย์ได้เลยทีเดียว และอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญที่สุดคือเรื่องของความปลอดภัยอย่างแน่นอนค่ะ

ลงทะเบียน
ลงทะเบียน
เมื่อลงทะเบียนถือว่าท่านยอมรับ ข้อตกลงและเงื่อนไข และ นโยบายความเป็นส่วนตัว
รับโปรโมชั่นพิเศษ
รับโปรโมชั่นพิเศษ
ปรึกษาฟรี
ปรึกษาฟรี
โทรสอบถามโปรโมชั่น
โทรสอบถามโปรโมชั่น