เตือนแล้วนะ! 3 จุดบนใบหน้า ห้ามปล่อยให้มีริ้วรอย ถ้าไม่อยาก หน้าแก่

หน้าแก่เมื่ออายุเริ่มเข้าสู่เลข3 ริ้วรอยบนใบหน้าเริ่มปรากฏชัดเจนมากยิ่งขึ้น ทำให้เราดู หน้าแก่ กว่าวัย จากผิวหน้าที่เคยเรียบตึง ก็เริ่มหย่อนคล้อย มีริ้วรอยเหี่ยวย่นตามมา ซึ่งริ้วรอยบนใบหน้าสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นอายุที่เพิ่มมากขึ้น เซลล์ผิวต่าง ๆ คอลลาเจนและอิสาลตินเริ่มเสื่อมสภาพลง หรือ พฤติกรรมในชีวิตประจำวันของเราก็สามารถทำให้เกิดริ้วรอยบนใบหน้าได้เร็วขึ้น อย่างเช่น การขยี้ตาบ่อย ๆ การปล่อยให้ผิวหน้าแห้ง  นอนพักผ่อนไม่เพียงพอ เป็นต้น ซึ่งจริง ๆ แล้วริ้วรอยสามารถเกิดขึ้นได้ทั่วใบหน้า แต่มีอยู่ 3 จุดบนใบหน้าที่สามารถเกิดริ้วรอยได้ง่ายมาก และเร็วกว่าจุดอื่น ๆ จนทำให้ใบหน้าดูมีอายุหรือดู หน้าแก่ ได้ง่ายกว่าคนที่ไม่มีริ้วรอยบริเวณนั้น

ริ้วรอย 3 จุดบนใบหน้า ที่ทำให้ดูแก่

1.หน้าผาก

ริ้วรอยหน้าผากหน้าผากเป็นจุดที่โดนแสงแดดได้ง่ายกว่าผิวบริเวณอื่น ๆ ถ้าไม่บำรุงหรือปกป้องผิวให้ดี รังสียูวีจะเป็นตัวการทำให้ผิวแห้งกร้าน หมองคล้ำ จนทำให้เกิดริ้วรอยได้ง่ายมากขึ้น นอกจากนั้นการแสดงอารมณ์ทางสีหน้าก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดริ้วรอยขึ้นได้ โดยหลายคนมักจะชอบเลิกคิ้วขึ้น เมื่อตกใจ หรือเวลาสนใจกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งอยู่มาก ๆ อย่างไม่รู้ตัว เมื่อผ่านไปนาน ๆ เข้า ก็จะทำให้กล้ามเนื้อหดตัวเกิดเป็นริ้วรอยลึกขึ้นเรื่อย ๆ ส่งผลทำให้ใบหน้าดูมีอายุ

2.หางตา

ริ้วรอยบริเวณหางตา หรือที่หลาย ๆ คนมักจะเรียกกันว่า ตีนกา เป็นบริเวณที่หลายคนกังวลใจเป็นอย่างมาก เพราะแค่ยิ้ม หรือหัวเราะตีนกาก็สามารถขึ้นมาได้ง่าย ๆ ทำให้มองดูแล้วใบหน้าดูแก่ขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดจากปัญหาผิวบริเวณรอบดวงตาเริ่มเสื่อมสภาพลงตามวัย ไม่ว่าจะเป็นไขมัน คอลลาเจนและอิลาสตินฝ่อตัวลง ทำให้ผิวบริเวณรอบดวงตายุบตัวและแห้งกร้าน จึงเกิดริ้วรอยขึ้นได้ และอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เกิดรอยตีนกา เนื่องมากจากการแสดงอารมณ์ทางสีหน้า อย่างเช่นการยิ้ม หรี่ตาบ่อย ๆ ก็จะทำให้การทำงานของกล้ามเนื้อรอบดวงตาหดตัวจนเกิดเป็นริ้วรอยได้ง่ายขึ้น

3.ระหว่างคิ้ว

ริ้วรอยระหว่างคิ้วมักเกิดจากการแสดงออกทางสีหน้า เช่น การขมวดคิ้ว เวลาเครียด เวลาตั้งใจอ่านหนังสือ หรือจดจ่ออยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หลาย ๆ คนมักจะลืมตัวขมวดคิ้วเป็นประจำ ทำให้เกิดการพับของผิวหนัง จนเป็นริ้วรอยเหี่ยวย่นได้ง่ายขึ้น  เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้าก็จะทำให้ริ้วรอยเหล่านี้เริ่มลึกขึ้นเรื่อย ๆ

วิธีลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้า

วิธีที่การแก้ปัญหาริ้วรอยบนใบหน้ามีหลากหลายวิธี แต่มีหนึ่งวิธีที่ได้ผลลัพธ์รวดเร็วและเห็นผลชัดเจน และไม่ต้องผ่าตัดพักฟื้น จึงเป็นที่นิยมของใครหลาย ๆ คนที่ต้องการลดริ้วรอยให้ใบหน้ากลับมาดูเรียบเนียน ไร้รอยเหี่ยวย่นได้อีกครั้ง วิธีที่ว่านี้คงหนีไม่พ้น การฉีดโบท็อกซ์ (Botox) นั่นเอง

โบท็อกซ์ (Botox) หรือสารทางการแพทย์ที่เรียกว่า โบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ (Botulinum Toxin A) เมื่อแพทย์ทำการฉีดเข้าไปในบริเวณที่ต้องการแก้ปัญหา ตัวโบท็อกซ์จะออกฤทธิ์ให้มัดกล้ามเนื้อที่หดตัวอยู่เกิดการคลายตัว และทำงานได้ลดลงชั่วคราว จึงส่งผลให้ช่วยลดเลือนริ้วรอย ผิวเรียบเนียนขึ้น อย่างเช่นการฉีดโบท็อกซ์ลดริ้วรอยหน้าผาก ลดริ้วรอยหางตา เป็นต้น  นอกจากนั้นยังช่วยลดขนาดกล้ามเนื้อให้เล็กลงได้อีกด้วย อย่างเช่น ฉีดโบท็อกซ์ลดกราม เป็นต้น

หน้าแก่

ซึ่งโบท็อกซ์ถือเป็นหัตถการที่มีความปลอดภัย เพราะสามารถสลายตัวได้เอง ไม่ทิ้งสารตกค้างไว้ โดยผลลัพธ์ของการฉีดโบท็อกซ์ลดเลือนริ้วรอย สามารถเห็นผลได้หลังจากฉีดประมาณ 2-3 วัน ซึ่งผลลัพธ์จะคงอยู่ได้นานถึง 6-8 เดือนเลยทีเดียว เมื่อโบท็อกซ์เริ่มหมดฤทธิ์ เราสามารถกลับมาซ้ำได้อีกครั้งเพื่อเป็นการคงผลลัพธ์ให้อยู่อย่างต่อเนื่อง

ฉีดโบท็อกซ์ที่ไหนได้ผล

สิ่งสำคัญในการฉีดโบท็อกซ์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีมีประสิทธิภาพที่สุด มีวิธีการเลือก 3 ข้อง่าย ๆ คือ

1.โบท็อกซ์แท้

ลองศึกษาวิธีการตรวจสอบโบท็อกซ์แท้และปลอมก่อน เพื่อให้มั่นใจว่าตัวยาที่แพทย์ฉีดให้เรานั้นเป็นของแท้มีมาตรฐาน โดยวิธีการเช็ดโบท็อกซ์แท้ สามารถทำได้โดยการดูจากลักษณะของผลิตภัณฑ์ ซึ่งจะถูกบรรจุมาในกล่องปิดสนิท มีเลขทะเบียนอย. และเอกสารกำกับภาษาไทยชัดเจน เลข Lot. ข้างขวดและที่กล่องตรงกัน สามารถนำเลข Lot. ไปเช็คกับบริษัทนำเข้าได้ ยกตัวอย่างเช่น โบท็อกซ์ของ Allergan สามารถเช็คได้ที่ 02-640-4999 ต่อ 1 บริษัท Allergan Thailand (DKSH)

โบท็อก2. คลินิกมีความน่าเชื่อถือ

ได้รับอนุญาตจากกระทรวงสาธารสุข คลินิกสะอาด กว้างขวาง มีเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถช่วยเหลือคนไข้เมื่อเกิดกรณีฉุกเฉินได้ คลิกนิกมีรีวิวจากผู้เข้าใช้บริการจริง นอกจากนั้นยังต้องสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลได้สะดวกรวดเร็ว ทั้งก่อนและหลังเข้ารับบริการอีกด้วย

3. แพทย์มีความเชี่ยวชาญ

แพทย์ที่ทำการฉีดโบท็อกซ์ให้คนไข้ต้องมีความรู้ มีประสบการณทั้งด้านศาสตร์และศิลป์ สามารถประเมินปริมาณตัวยาโบท็อกซ์ที่ต้องใช้แก้ปัญหาสำหรับคนไข้แต่ละคนได้อย่างถูกต้อง ไม่ฉีดเยอะจนหน้าแข็ง หน้าตึงเกินไป หรือฉีดน้อยจนแทบไม่เห็นผลการเปลี่ยนแปลง นอกจากนั้นยังต้องสามารถฉีดได้อย่างตรงจุด แม่นยำ เพื่อผลลัพธ์ที่ออกมาสวยงามอย่างเป็นธรรมชาติ และปลอดภัย

โบท็อกซ์ริ้วรอยบนใบหน้า ถือเป็นอีกหนึ่งทางออกสำหรับคนที่อยากให้ริ้วรอยบนใบหน้าลดลงอย่างรวดเร็ว และเห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน เปลี่ยนจาก หน้าแก่ ดูมีอายุ ให้ใบหน้ากลับมาดูละมุน หน้าเด็กลงได้อีกครั้ง แต่ทั้งนี้การฉีดโบท็อกซ์จะได้ผลลัพธ์ที่ดี ปลอดภัย ออกมาเป็นธรรมชาติ หน้าไม่แข็งตึง ฉีดแล้วไม่ผิดหวัง หรือเสียใจในผลลัพธ์ที่ได้ภายหลังเราควรตัดสินใจเลือกใช้บริการตาม 3 วิธีเลือกคลินิกที่เราได้แนะนำไปข้างต้น

รับรางวัลอย่างเช่นที่ APEX ของเราเรียกได้ว่าเป็นอันดับ 1 ด้านการฉีดเลยค่ะ เนื่องจากผู้ก่อตั้ง Apex Medical Center อย่างคุณหมอนัน พญ.นันทภัทร์ สุภาพรรณชาติ ได้รับสมญานามว่าเป็น Botox Queen เพราะว่าคุณหมอนันเป็นผู้บุกเบิกการใช้สารลดเลือนริ้วรอย (Botulinum Toxin A) หรือ โบท็อกซ์ (Botox) และ สารเติมเต็ม (HA Filler) เป็นกลุ่มแรกของประเทศไทยมานานกว่า 20 ปี จนทำให้ได้รับการจัดอันดับเป็นอันดับ 1 ของเอเชียแปซิฟิคกับประสบการณ์การฉีดโบท็อกซ์มากที่สุดเป็นคนแรกของประเทศไทยถึง 8 ปีซ้อนเลยทีเดียว นอกจากนั้น APEX ยังมีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มากประสบการณ์ ได้รับรางวัลการันตีมาแล้วมากมาย อาทิเช่น ‘Top Allergan Total Porfolio 2020 (Facial Aesthetics & Body Contouring)’ ซึ่งเป็นรางวัลสูงสุดสำหรับคลินิกที่ใช้ผลิตภัณฑ์จากทาง Allergan มากที่สุดไม่ว่าจะเป็น BOTOX, JUVÉDERM FILLER และ COOLSCULPTING ดังนั้นจึงมั่นใจในคุณภาพที่เราพร้อมมอบให้กับผู้เข้าใช้บริการทุกท่านได้อย่างแน่นอน

สามารถปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์ของเราได้ที่ Line@ : @apexbeauty (มี @ นำหน้า) นะคะ หรือที่คลินิค APEX กว่า 30 สาขาในห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วประเทศไทย เรื่องลดริ้วรอย ต้องAPEX!