3 วิธี กำจัดขนรักแร้ รู้วิธีใต้วงแขนก็เรียบเนียน !

1กำจัดขนรักแร้
ต้องยอมรับว่าในปัจจุบัน คนจำนวนไม่น้อยกลับมาให้ความสนใจกับการมีผิวที่เรียบเนียนไร้เส้นขนกันมากขึ้น โดยเฉพาะบริเวณรักแร้ ซึ่งเป็นบริเวณที่หลายคนไม่ต้องการให้มีเส้นขนเหลืออยู่เลยเพียงสักเส้น เนื่องจากประเทศไทยมีสภาพอากาศที่ค่อนข้างร้อนอบอ้าว ทำให้การมีเส้นขนอาจเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคจนทำให้เกิดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ได้ ดังนั้นทางที่ดีที่สุดก็คือต้องกำจัดขน แต่จะต้องกำจัดขนอย่างไรเพื่อไม่ให้ผิวเสีย วันนี้เราคัดเอาวิธีการ กำจัดขนรักแร้ ทั้ง 3 วิธีที่ฮิตที่สุด และเคล็ดลับในการกำจัดขนของแต่ละวิธีโดยไม่ให้ผิวเสียมาฝาก ใครที่อยากมีใต้วงแขนที่เรียบเนียนต้องทำตามนี้เลยค่ะ 

3 วิธี กำจัดขนรักแร้ เพื่อวงแขนเรียบเนียน

1. กำจัดขนรักแร้ ด้วย การโกน

การโกน เป็นวิธี กำจัดขนรักแร้ ที่ถือว่าง่ายมากที่สุด อีกทั้งยังเป็นวิธีแรก ๆ ที่คนเรานึกถึงเมื่อต้องการกำจัดขน เพราะแค่เพียงคุณมีมีดโกนดี ๆ สักหนึ่งอัน คุณก็สามารถกำจัดเส้นขนในบริเวณที่กังวลได้แล้วค่ะ ทั้งนี้ในวิธีการกำจัดขนรักแร้นั้นเป็นวิธีที่ไม่เจ็บ และรวดเร็ว อีกทั้งยังสามารถทำตอนไหนก็ได้ ใช้เวลาเพียงไม่นานก็สามารถกำจัดขนรักแร้ออกไปได้จนหมดแล้วล่ะค่ะ ทว่าในการกำจัดขนรักแร้ด้วยการโกนก็มีข้อจำกัดอยู่ที่ การโกนขนนั้นจะเป็นเพียงการตัดเส้นขนที่โผลพ้นขึ้นมาจากผิวหนังเท่านั้น ทำให้เมื่อเวลาผ่านไปเพียง 1 – 2 วัน ขนก็จะเริ่มงอกขึ้นมาเหมือนเดิม อีกทั้งเส้นขนที่งอกขึ้นมาใหม่ยังอาจทำให้เกิดอาการคันบริเวณรักแร้อีกด้วย และถ้าหากใช้มีดโกนซ้ำ หรือทำความสะอาดไม่ดีแล้วล่ะก็ สิ่งที่ตามมาก็คืออาจทำให้เกิดแผลที่ผิว เกิดการอักเสบที่ผิวหนังและรูขุมขน ที่ร้ายไปกว่านั้นอาจทำให้เจอกับปัญหาขนคุด ผิวหนังไก่ที่ทำให้บริเวณรักแร้ของคุณไม่เรียบเนียนอย่างที่ต้องการอีกด้วยค่ะ 

ดังนั้นหากคุณต้องการจะกำจัดขนรักแร้ด้วยการโกนล่ะก็สิ่งที่สำคัญที่สุด คุณควรใช้ครีมที่ใช้สำหรับโกนขน หรือครีมกำจัดขนร่วมด้วย เพื่อที่คุณสาว ๆ จะได้ไม่ต้องออกแรง หรือกดมีดโกนลงไปจนบาดผิว นอกจากนี้ยังควรหมั่นเปลี่ยนมีดโกนบ่อย ๆ เพื่อใบมีดจะได้คมและสามารถกำจัดเส้นขนได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

ไม่เพียงเท่านั้น หลังจากโกนขนรักแร้เสร็จแล้วก็ควรจะทามอยซ์เจอร์ไรเซอร์บริเวณที่โกนขนด้วยเพื่อให้ความชุ่มชื้น และปรับสภาพผิวใต้วงแขน เท่านี้ก็จะสามารถมีใต้วงแขนที่เรียบเนียนด้วยการโกนได้แล้วล่ะค่ะ

2. การแว็กซ์

การแว็กซ์ขน ถือเป็นวิธีการกำจัดขนที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะเป็นวิธีที่ทำแล้วสามารถกำจัดขนได้แบบถอนรากถอนโคน ซึ่งในการแว็กซ์ขนนั้นจะต้องใช้แว็กซ์อุ่น ๆ ทาลงไปที่บริเวณรักแร้ จากนั้นก็ใช้กระดาษปิด แล้วดึงออกในทิศทางตรงข้ามกับแนวของเส้นขนอย่างรวดเร็ว เท่านี้ก็จะสามารถกำจัดเส้นขนได้แล้วล่ะค่ะ โดยข้อดีของการแว็กซ์ขนนั้นก็คือสามารถช่วยกำจัดเส้นขนได้หมดจด และช่วยให้หมดปัญหาเรื่องเส้นขนไป 3 – 6 สัปดาห์เลยทีเดียว แต่ก็แลกมากับความเจ็บปวดที่จะเจ็บมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ทำ อีกทั้งหากแว็กซ์เองไม่เก่ง และดึงแว็กซ์ออกไม่เร็วพอ อาจทำให้ยิ่งเจ็บ หรือมีเลือดออกได้ ยิ่งไปกว่านั้นคืออาจทำให้เกิดปัญหาขนคุด ผิวหนังไก่บริเวณรักแร้ได้ ซ้ำร้ายไปกว่านั้นหากแว็กซ์ที่ใช้ไม่สะอาด หรือเหมาะสมกับสภาพผิวมากพอก็อาจทำให้เกิดการติดเชื้อที่ผิวหนัง กลายเป็นผิวหนังอักเสบ และทำให้ผิวเสียในระยะยาวได้อีกด้วยล่ะ 

ทว่าหากคุณสาว ๆ เป็นสายอึดและอดทนกับความเจ็บปวดได้ รวมทั้งมีความเชี่ยวชาญในการแว็กซ์ขน คุณสาว ๆ ก็สามารถทำได้ แต่ก็แนะนำว่า หากเป็นคุณสาว ๆ ก็ควรหลีกเลี่ยงการแว็กซ์ขนช่วงมีประจำเดือนเพราะยิ่งอาจทำให้เจ็บมากขึ้นกว่าเดิม อีกทั้งยังควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายทันทีหลังแว็กซ์ เพราะในช่วงที่แว็กซ์เสร็จใหม่ ๆ รูขุมขนยังอาจเปิดอยู่ทำให้สิงสกปรกอาจลงไปทำให้เกิดปัญหารูขุมขนอักเสบตามมาได้ค่ะ 

นอกจากนี้ หลังจากการแว็กซ์ขนก็อย่าลืมทาผลิตภัณฑ์มอยซ์เจอร์ไรเซอร์ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น และปรับสภาพผิวให้กลับมาเป็นปกติ และควรหมั่นทาครีมเพื่อบำรุงผิว เท่านี้คุณก็สามารถมีผิวที่เรียบเนียนด้วยการแว็กซ์ได้แล้วล่ะค่ะ

3. เลเซอร์กำจัดขนถาวร

เลเซอร์กำจัดขนถาวร (Laser Hair Removal) เป็นการกำจัดขนด้วยการใช้พลังงานเลเซอร์ ซึ่งนับเป็นวิธีใหม่ล่าสุดที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด เพราะสามารถกำจัดขนได้อยากถอนรากถอนโคน และทำให้ผิวเรียบเนียนได้ในระยะยาว โดยในการเลเซอร์กำจัดขน เครื่องจะส่งพลังงานความร้อนผ่านลำแสงไปที่ยังเส้นขนที่อยู่ในระยโตเต็มที่ ซึ่งเส้นขนที่เจริญเต็มวัยจะมีเซลล์เม็ดสีจำนวนมาก ทำให้สามารถดูดซับพลังงานความร้อนจากเลเซอร์ได้ และเมื่อเซลล์รากขนดูดซับความร้อนในระดับหนึ่ง รากขนจะฝ่อตัวลง และหยุดการเจริญเติบโต จากนั้นเส้นขนจะหลุดร่วงไป และไม่ขึ้นอีกเป็นเวลานาน ซึ่งข้อดีของการทำเลเซอร์ขนก็คือสามารถทำได้ทุกบริเวณของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นส่วนที่มีความบอบบางก็สามารถทำได้ค่ะ โดยไม่ต้องเสี่ยงกับการที่ผิวจะโดยทำร้ายเนื่องจากพลังงานเลเซอร์ เพราะในปัจจุบันคลื่นพลังงานเลเซอร์ที่นำมาใช้ในการกำจัดขนมี 3 ประเภทใหญ่ ๆ ได้แก่

  • Long-pulsed Alexandrite laser
    Long-pulsed Alexandrite laser เป็นคลื่นพลังงานเลเซอร์ที่มีช่วงความยาวคลื่นอยู่ที่ 755 nm โดยเป็นคลื่นเลเซอร์ที่ใช้ผลึกอเล็กแซนไดร์เป็นตัวกลางในการผลิตแสง ทำให้สามารถลงลึกได้ลึกกว่า และสามารถจับเม็ดสีได้ดีกว่าคลื่นพลังงานเลเซอร์แบบ Long-pulsed ruby laser และ IPL ทำให้มีประสิทธิภาพในการกำจัดขนค่อนข้างดี
  • YAG Laser
    เป็นเลเซอร์กำจัดขนแบบที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในขณะนี้ โดย YAG Laser คือคลื่นพลังงานเลเซอร์ที่มีช่วงความยาวของคลื่นอยู่ที่ 1064 nm ซึ่งช่วงความยาวคลื่นขนาดนี้จะสามารถลงลึกไปในผิวหนังชั้นลึกได้ถึง 7 มิลลิเมตร อีกทั้งยังสามารถจับกับเม็ดสีของเส้นขนได้ดีมาก จึงทำให้สามารถกำจัดเส้นขนได้อย่างหมดจด
  • Diode Laser
    เป็นคลื่นพลังงานเลเซอร์ที่มีช่วงความยาวของคลื่นค่อนข้างหลากหลาย โดยในปัจจุบันที่นิยมใช้นั้นมีช่วงคลื่นความยาวตั้งแต่ 800-810, 940, 1064 – 1350 nm เลเซอร์ Diode สามารถดูดซับเม็ดสีได้ค่อนข้างมาก และสามารถลงลึกถึงผิวหนังชั้นในส่วนลึกได้ จึงทำให้มีความสามารถในการกำจัดขนสูงเมื่อเทียบกับการใช้เลเซอร์ชนิดอื่น ๆ

ส่วน  IPL (intense pulsed light) ที่ได้รับความนิยมด้วยเพราะถูกขนานนามว่าเป็นเลเซอร์ขนราคาถูกนั้น ในความเป็นจริงแล้ว IPL ไม่จัดอยู่ในเลเซอร์ เนื่องจากไม่ใช่พลังงานเลเซอร์ เป็นเพียงแสงความเข้มสูงเท่านั้น แม้จะสามารถทำลายรากขนได้ แต่ไม่สามารถทำลายได้ทั้งหมด ทำให้อาจยังหลงเหลือเส้นขนอยู่ ที่ผ่านมามีหลายเคสที่ผิวเกิดการไหม้หลังจากทำกำจัดขนด้วย IPL พบมากในผู้ที่มีผิวสีเข้ม ดังนั้นแพทย์ผิวหนังในคลินิกที่มีประสบการณ์ด้านการกำจัดขนด้วยเลเซอร์จะไม่แนะนำให้ใช้ IPL ในการกำจัดขน

เลเซอร์ขน แบบไหนดีที่สุด ?

เลเซอร์กำจัดขนที่มีในปัจจุบันต่างก็มีข้อดีที่แตกต่างกันไป แต่แบบไหนจะดีที่สุดนั้นต้องพิจารณาถึงหลาย ๆ อย่างด้วยกัน โดยเลเซอร์กำจัดขนที่ดีควรมีช่วงความยาวของคลื่นที่มากเพียงพอ เพราะช่วงความยาวของคลื่นส่งผลโดยตรงต่อการกำจัดขน หากช่วงความยาวของคลื่นนั้นสูงมากพอจะทำให้คลื่นพลังงานลงลึกไปถึงรากขนได้และสามารถทำลายรากขนได้ดี โดยคลื่นพลังงานเลเซอร์ที่สามารถกำจัดขนได้ดีคือ คลื่นพลังงานเลเซอร์ที่มีช่วงความยาวของคลื่นตั้งแต่ 900 nm ขึ้นไป อย่างเช่น YAG Laser และ Diode เป็นต้น

ไม่เพียงเท่านั้น การทำเลเซอร์กำจัดขนจะมีประสิทธิภาพหรือไม่ก็ยังขึ้นอยู่กับอีกหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของสีผิว สีของเส้นขน และปริมาณของเส้นขนในบริเวณที่ทำ และที่สำคัญซึ่งมองข้ามไม่ได้ก็คือประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของผู้ให้บริการ เพราะหากเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในการให้บริการเลเซอร์กำจัดขนก็จะสามารถปรับความเข้มข้นของคลื่นพลังงานเพื่อกำจัดขนได้อย่างเหมาะสม ผลลัพธ์ที่ออกมาก็จะมีประสิทธิภาพ สามารถกำจัดขนออกได้อย่างหมดจด เป็นที่น่าพึงพอใจและเป็นไปตามความคาดหวังของผู้เข้ารับบริการ

ก่อนทำเลเซอร์กำจัดขน ต้องเตรียมตัวอย่างไร ?

การเตรียมตัวก่อนทำเลเซอร์ขนรักแร้ เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่จะช่วยให้การทำเลเซอร์ขนทำได้ง่ายขึ้น และประสิทธิภาพของเลเซอร์สามารถกำจัดขนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยก่อนทำเลเซอร์กำจัดขน หลีกเลี่ยงการถอนขนในบริเวณที่ต้องการทำเลเซอร์กำจัดขน ประมาณ 3-4 สัปดาห์ แต่ถ้าต้องการกำจัดขนก็สามารถใช้การโกนเบา ๆ ด้วยมีดโกน เนื่องจากในการทำเลเซอร์ขน จะต้องเหลือเส้นขนความยาวเล็กน้อยเพื่อให้สามารถส่งพลังงานความร้อนจากเลเซอร์ลงไปยังรากขน และทำให้รากขนฝ่อได้ค่ะ อีกทั้งยังควรหลีกเลี่ยงการทาครีม หรือลงเครื่องสำอางค์บริเวณที่ทำเลเซอร์ เนื่องจากก่อนทำ เจ้าหน้าที่จะทำความสะอาดบริเวณที่ต้องการกำจัดขน และอาจมีการโกนขนเบา ๆ ซ้ำเพื่อให้เส้นขนอยู่ในระดับที่พอเหมาะสำหรับการเลเซอร์ขน

ขั้นตอนการทำเลเซอร์ขนมีอะไรบ้าง ?

ในกระบวนการทำเลเซอร์กำจัดขน เมื่อเจ้าหน้าที่ทำความสะอาดและโกนเส้นขนเบา ๆ เพื่อให้เส้นขนเหลือความยาวที่เหมาะสมกับการทำเลเซอร์แล้ว ก็จะเข้าสู่ขั้นตอนการยิงเลเซอร์ ซึ่งก่อนจะยิงเลเซอร์ เจ้าหน้าที่จะทำการทาเจลเย็น และประคบด้วย Cool pack จากนั้นก็จะเริ่มทำการยิงเลเซอร์ โดยเหตุผลที่ต้องทาเจลเย็น และประคบเย็นก็เพื่อให้ผู้เข้ารับบริการรู้สึกสบายผิวขณะทำมากขึ้น ซึ่งในขณะที่ทำผู้เข้ารับบริการจะรู้สึกอุ่น ๆ และรู้สึกคล้ายโดนหนักยางดีดเบา ๆ และเมื่อทำเสร็จ ผู้เชี่ยวชาญจะทาครีมชนิดพิเศษเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อยค่ะ 

สิ่งควรรู้ก่อนทำ เลเซอร์ขนรักแร้

แม้การทำเลเซอร์กำจัดขนรักแร้ จะเป็นวิธีการกำจัดขนที่ปลอดภัยมากที่สุดในบรรดาการกำจัดขนหลาย ๆ แบบ แต่เพื่อประสิทธิภาพที่สูงสุด ก็มีสิ่งที่ควรรู้ และควรทำความเข้าใจก่อนทำเลเซอร์ขนรักแร้ ดังนี้ค่ะ 

1. เลเซอร์ขนไม่สามารถเห็นผลได้ภายในการทำครั้งเดียว

การทำเลเซอร์ขนไม่ใช่วิธีการกำจัดขนที่สามารถเห็นผลได้ทันที หรือสามารถกำจัดขนถาวรได้ภายในการทำเพียงครั้งเดียว ซึ่งโดยปกติแล้วการทำเลเซอร์จะเริ่มเห็นผลหลังจากการทำเลเซอร์ในครั้งที่ 3 – 4 และจะเห็นผลได้อย่างชัดเจนเมื่อทำไป 5 – 8 ครั้ง ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของผู้เข้ารับบริการ และเมื่อครบคอร์สแล้วก็อาจมีการนัดทำเพิ่มเติมเป็นรายครั้งเพื่อกำจัดขนที่อาจขึ้นมาในภายหลัง

2. หลีกเลี่ยงแสงแดดก่อนการทำเลเซอร์ขน

โดยทั่วไปแล้วในการทำเลเซอร์ขน ผู้เชี่ยวชาญจะแนะนำให้ผู้ที่จะเข้ารับบริการหลีกเลี่ยงไม่ให้บริเวณที่ทำเลเซอร์โดนแดดอย่างน้อย 4 สัปดาห์ เพราะในช่วงแรกหลังจากทำเลเซอร์ขนผิวบริเวณที่ทำจะค่อนข้างบางเป็นพิเศษ ดังนั้นจึงควรทาครีมกันแดดเพื่อไม่ให้ผิวเปลี่ยนสีหรือเกิดการไหม้แดด ที่อาจทำให้เกิดปัญหาผิวอักเสบหรือเสี่ยงต่อมะเร็งผิวหนังค่ะ

3. ควรหลีกเลี่ยงการทำเลเซอร์ในช่วงมีประจำเดือน

ในการทำเลเซอร์ขนบิกินี่ ควรหลีกเลี่ยงในช่วงมีประจำเดือน เพราะอาจทำให้รู้สึกเจ็บมากขึ้น แต่ถ้าหากหลีกเลี่ยงไม่ได้ ผู้เข้ารับบริการควรมองหาวิธีการบรรเทาอาการเจ็บจากการทำเลเซอร์รองรับไว้หลังการทำเลเซอร์ขน เพื่อไม่ให้รู้สึกเจ็บจนเกินไป

4. สตรีมีครรภ์ไม่ควรทำเลเซอร์ขน

เลเซอร์ขนเป็นวิธีการรักษาหนึ่งที่ผู้เชี่ยวชาญมักไม่แนะนำให้ใช้ในขณะที่ตั้งครรภ์ เนื่องจากในระหว่างการตั้งครรภ์ ระดับเอสโตรเจนของผู้หญิงจะเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้มีขนขึ้นเยอะกว่าปกติ ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยหากคุณแม่ต้องการทำเลเซอร์ขน ควรทำหลังจากตคลอดบุตรแล้วจะดีที่สุด

5. ห้ามทำเลเซอร์ขนบริเวณดวงตา

แม้เลเซอร์กำจัดขนจะมีความปลอดภัยสูง แต่การทำเลเซอร์ขนบริเวณดวงตาก็เป็นเรื่องที่ควรหลีกเลี่ยง เนื่องจากสีของแสงเลเซอร์นั้นเป็นอันตรายโดยตรงต่อดวงตา และบริเวณรอบดวงตา ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยควรสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันดวงตาด้วยทุกครั้งเมื่อเข้ารับการทำเลเซอร์

คำถามน่ารู้เกี่ยวกับการทำเลเซอร์กำจัดขน 

Q: เลเซอร์ขนรักแร้ เจ็บไหม ?

A: การทำเลเซอร์ขนรักแร้ เป็นวิธีการกำจัดขนที่ไม่เจ็บ ซึ่งก่อนเริ่มกระบวนการยิงเลเซอร์ จะมีการประคบเย็น และทาเจลเย็นเพื่อให้รู้สึกสบายผิวมากขึ้น และในขณะที่ทำเลเซอร์จะมีความรู้สึกอุ่น ๆ และรู้สึกเหมือนยางดีดเบา ๆ ซึ่งความรู้สึกเหล่านี้จะหมดไปเมื่อทำเลเซอร์เสร็จค่ะ 

Q: ทำเลเซอร์ขนแล้ว ขนจะขึ้นอีกไหม ?

A: โดยมากลูกค้าที่กำจัดขนถาวรด้วยเลเซอร์ที่เอเพ็กซ์ไป ประมาณครั้งที่ 3-4 แรกจะรู้สึกว่าขนขึ้นช้าลง และบางลงค่ะ หลังการทำ 5 ครั้ง อาจจยังมีขนอยู่บ้าง สามารถมาเก็บอีก 3 ครั้ง เว้นระยะห่างหน่อย หลังจาก 8 ครั้งบางคนขนหายไปมากกว่า 2 ปี ส่วนน้อยที่อาจจะมีบ้าง ที่มีคนเส้นเล็กๆบางๆ ก็จะแนะนำให้มาเก็บเป็นรายครั้งค่ะ

Q: หลังทำเป็นอย่างไร จะแดง แสบ ร้อนไหม ?

A: ผิวหนังในบริเวณที่ทำเลเซอร์กำจัดขนอาจมีสีอมชมพูประมาณ 15-30 นาที และจะค่อยๆหายไปเอง ซึ่งเป็นกระบวนการปกติของการทำเลเซอร์ขน  โดยเส้นขนจะค่อยๆ ถูกดันให้หลุดออกจากผิวหนังภายใน 2 สัปดาห์ หลังการรักษา

Q: หลัง เลเซอร์ขน ต้องดูแลอย่างไร ?

A: ไม่ต้องดูแลเป็นพิเศษ เพียงงดการใช้สบู่ เคมี และครีมที่ระคายเคืองที่ผิวหนัง เช่น กรดวิตามินเอ (Retin-A), กรด AHA และแนะนำให้หลีกเลี่ยงแดดจัด โดยทากันแดดในบริเวณที่เลเซอร์ขน

Q: ทำไมต้องทำเลเซอร์ขนหลายครั้ง ?

A: เส้นขนในแต่ส่วนของผิวมีวงจรอายุไม่เท่ากัน เช่น เส้นผมบนศีรษะก็จะมีอายุประมาณ 3-4 ปี ใต้วงแขน ก็ประมาณ 1-3 เดือน นอกจากนี้ยังขึ้นกับเชื้อชาติอีกด้วย ระยะ Anagen เป็นช่วงเจริญวัยของขน ในระยะนี้ต่อมขนอยู่ลึกในชั้น Dermis มีเส้นเลือดมาเลี้ยง มีลักษณะเป็นกระเปาะ เป็นระยะที่ประกอบด้วยเซลล์เม็ดสี และมีรากที่พร้อมจะสร้างขนใหม่ พอครบอายุของมันแล้ว เส้นขนจะไม่โตขึ้นอีก จากระยะนี้ต่อมขนจะเลื่อนสูงขึ้น สีเริ่มจางลง เรียกว่าระยะ Catagen และจะเข้าสู่ระยะสุดท้าย คือแยกตัวจากเส้นเลือดที่มาเลี้ยง และหลุดไปในที่สุด จากนี้ ร่างกายก็จะสร้างขนระยะ Anagen ให้เกิดขึ้นมาใหม่แทนที่ เป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ

ในการทำเลเซอร์กำจัดขนถาวร จะใช้เลเซอร์ความยาวคลื่นที่เหมาะสม เพื่อไปทำลายเซลล์เม็ดสีในชั้นรากขน ทำให้เลเซอร์กำจัดขนมีผลกับขนในระยะ Anagen หรือระยะเติบโตเท่านั้น

โดยการส่งพลังงานความร้อน ผ่านแสงเลเซอร์ไปที่รากขน ตัวเซลล์เม็ดสีจะดูดซับพลังงาน ทำให้รากขนถูกทำลายอย่างรวดเร็ว ผลลัพธ์ที่ชัดเจนคือ วงจรการเกิดขนเส้นใหม่จะช้าออกไป โดยเส้นขนที่เกิดจากนี้จะมีขนาดที่เล็กลง สีอ่อนลง และจะค่อยๆ ขึ้นน้อยลง จนหมดไปในที่สุดค่ะ

Q: หลังเลเซอร์ขนรักแร้ ทาโรลออนได้ไหม

A: โดยทั่วไปแล้วหลังจากการทำเลเซอร์ขนรักแร้ ผู้เชี่ยวชาญจะแนะนำให้หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวจากกรดผลไม้ หรือที่มีส่วนประกอบของสารเคมี หรือแอลกอฮอล์ เพราะในช่วงวันแรกๆ หลังจากทำเลเซอร์ขน ผิวบริเวณที่ทำเลเซอร์จะบอบบางมากกว่าปกติ ทำให้การใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้อาจทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองและเกิดการอักเสบตามมาได้ ซึ่งถ้าหากผิวใต้วงแขนเกิดการอักเสบขึ้นก็จะยิ่งทำให้ดูแลรักษาได้ยาก และเกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ตามมาในที่สุด

ดังนั้นหลังจากทำเลเซอร์รักแร้แล้วควรหลีกเลี่ยงการทาโรลออนไปก่อน 2 – 3 วัน เพื่อให้ผิวกลับสู่สภาพปกติก่อน แต่ในขณะนี้ยังสามารถบำรุงด้วยมอยเจอร์ไรเซอร์ได้ตามปกติ นอกจากนี้ในการทำความสะอาดควรหลีกเลี่ยงการใช้น้ำอุ่นจะดีที่สุด โดยใช้เพียงน้ำสะอาดทำความสะอาดเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว และถ้าไม่อยากให้มีกลิ่นตุ ๆ ก็ต้องหมั่นเช็ดทำความสะอาดกันเสียหน่อย อีกทั้งยังควรหลีกเลี่ยงแดดจัด หรือทาครีมกันแดดในบริเวณที่ทำเลเซอร์ขนด้วย เท่านี้ก็สามารถช่วยให้ใต้วงแขนหลังจากทำเลเซอร์ขนรักแร้ไร้กลิ่นและเรียบเนียนได้แล้วล่ะค่ะ

รีวิวเลเซอร์ขน จากลูกค้าตัวจริง ผลลัพธ์ที่คุณพิสูจน์ได้ !

คุณนุท บล็อกเกอร์สาวจาก nutchillday

สำหรับผู้หญิงเราแล้ว.. การมีขนรักแร้ไม่ใช่เรื่องที่น่าภูมิใจนัก แถมยังต้องเสียเวลาในการกำจัดออกอีกด้วย ถ้ากำจัดขนออกไม่ถูกวิธีก็อาจทำให้เกิดผิวหนังไก่หรือปัญหาขนคุด ปัจจุบันการเลเซอร์ขนรักแร้เป็นที่นิยมอย่างมาก เพราะไม่จำเป็นต้องเสียเวลากำจัดขนรักแร้เอง อีกทั้งทำเลเซอร์คอร์สเดียวก็ลาขาดเรื่องขนรักแร้แถมได้วงแขนที่เรียบเนียนอีกด้วย และคุณนุท บล็อกเกอร์สาวจาก nutchillday ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ติดใจการทำเลเซอร์ขนที่ APEX จนต้องกลับมาทำเลเซอร์ขนรักแร้อีกรอบ แต่คุณนุทจะรู้สึกอย่างไรกับการเลเซอร์ขนรักแร้ในครั้งนี้บ้าง เรามีรีวิว เลเซอร์ขนรักแร้ ของคุณนุทมาฝาก ลองไปดูกันเลย

ผลลัพธ์และความประทับใจการการทำโปรแกรมเลเซอร์ขนรักแร้

คุณนุท : ใครที่ติดตามนุทมานานจะรู้ว่านุทเคยทำ Laser whole bikini ที่ APEX ซึ่งหลังจากจบคอร์ส ก็ยังมีการไปยิงซ้ำ จนตอนนี้เรียกว่าไปปีละครั้งเลยก็ว่าได้ เพื่อไปเก็บเส้นขนที่ขึ้นมาเล็กๆ น้อยค่ะ ซึ่งนี่ก็เป็นอีกครั้งที่นุทไปให้ทาง APEX ดูแล แล้วก็ได้เห็นถึงเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไป ซึ่งการกำจัดขนแต่ก่อนจะใช้เครื่อง YAG เจ้าเลเซอร์ตัวนี้ก็จะเก็บเส้นขนแบบใดแบบนึงตามความเข้มของแสงที่กำหนดทำให้เก็บเส้นขนได้ไม่หมดทุกประเภทตอนนี้ทาง APEX มีเครื่องตัวใหม่ที่ยิงครั้งเดียว สามารถเก็บเส้นขนได้ทั้งเส้นหนา เส้นบางได้ในครั้งเดียว ทำการมาเก็บรายละเอียดในครั้งนี้ละเอียดกว่าครั้งเก่าๆ มาก

คุณนุท : สำหรับวิธีการในการทำเลเซอร์ขนรักแร้ก็คล้ายกับการทำเลเซอร์ในบริเวณอื่นๆ ของร่างกายค่ะโดยในขั้นตอนแรกจะโกนขนตรงบริเวณที่เราต้องการกำจัดออกให้เกลี้ยง หลังจากนั้นก็จะทำความสะอาด เช็ดให้สะอาด หลังจากนี้จะแตกต่างกันตรงที่ถ้าเป็นจุดที่บอบบางมากๆ อย่างน้องสาวก็จะมีการทายาชาก่อนทำการยิงเลเซอร์ 30-45 นาทีแต่ถ้าเป็นรักแร้ก็จะไม่ต้องทายาชา

จากนั้นเมื่อยาชาออกฤทธิ์ก็จะเช็ดครีมออกให้สะอาด คราวนี้จะเริ่มทาเจลเย็นหลังจากนั้นก็ยิงเลยค่ะ ระหว่างที่ยิงก็จะประคบเจลเย็นตลอดการยิง เพื่อช่วยลดความร้อนและความเจ็บจากการยิง ซึ่งเอาจริงๆ สำหรับนุทครั้งนี้พอเส้นขนลดลง ทำให้การยิงครั้งนี้ไม่เจ็บเลยจะมีก็ช่วงที่ยิง whole bikini น้องเค้าเก็บทุกจุดทุกมุมจริงๆ เจ้าขนเส้นอ่อนในซอกลึกนี่ทำเอาสะดุ้งได้ทีเดียว แอบเม้าท์หน่อยเอาจริงๆ เราพึ่งรู้ว่าตอนนี้เค้ามีการเลเซอร์แบบ special ซึ่งคือการทำเลเซอร์รอบๆ รูก้นอ่ะ คงไม่ต้องบอกนะคะ ว่าผู้ใดที่จะมาทำ แต่นุทก็ว่าดีนะที่เรารักษาความสะอาดในจุดซ่อนเร้น จะได้ไม่อบหรือมีกลิ่นที่ไม่พึ่งประสงค์

คุณนุท : หลังจากที่เลเซอร์ทุกจุดครบ ประคบเย็นเรียบร้อยแล้ว ก็จะทำความสะอาดเช็ดเจลเย็นให้สะอาด แล้วทาครีมบำรุง เพียงแค่นี้เราก็เ