💄เทคนิคแต่งหน้าลุคโชว์ผิวใส❄️ ฉ่ำเงาดุจดั่งกระจกแบบ GLASS SKIN ✨

 

ผู้หญิงอย่างเราๆ มีความสนใจด้านการแต่งตัวและของกินอยู่แล้ว แต่สิ่งที่สนใจรองลงมาก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่องบิวตี้ ความสวยความงามนั่นแหละค่าา เพราะอย่างที่เขาว่ากันว่า ‘เป็นผู้หญิงอย่าหยุดสวย’  ซึ่งเทรนบิวตี้ก็มีมากมายมหาศาลมากกก ฟังดูอาจจะดูเว่อร์เนอะ แต่ก่อนเราจะคุ้มหูกับเทรน Makeup No Makeup กันดี ซึ่งพอมาปีนี้เป็นเทรนการแต่งหน้าแบบ GLASS SKIN น่ะแม่! เป็นการแต่งหน้าน้อยๆ เน้นงานโชว์ผิว มีความฉ่ำวาว ผิวดูโกลว์ๆ

วันนี้เราก็เลยมีเทคนิคดีๆ มาแชร์ให้กับสาวๆ กันค่าา จะได้สวยใสไปด้วยกัน กับ เทคนิคแต่งหน้าลุคโชว์ผิวใส ฉ่ำเงาดุจดั่งกระจกแบบ GLASS SKIN ! 

 

เลือกใช้สกินแคร์ให้เหมาะกับผิวตัวเอง

ก่อนจะไปดูเทคนิคการแต่งหน้านะคะ เราต้องดูแลผิวกันก่อนค่ะ เพราะการที่จะให้ผิวสวยผิวใสแบบ Glass Skin ผิวจะต้องไร้ที่ติอย่างไม่มีสิว ไม่มีรอยสิว ผิวเนียนขาวกระจ่างใสเสียก่อนนะ

อยากจะบอกว่าใครที่มีผิวหน้าเนียนใสไร้สิวเนี่ย เป็นบุคคลที่เรียกได้ว่าแต้มบุญสูงมากนะ เพราะผู้หญิงหลายๆ คนต่างก็อยากมีผิวหน้าดีไร้สิวกันทั้งนั้นค่ะคุณขา เพราะผู้หญิงเขาเชื่อกันว่าถ้าใครมีผิวหน้าที่เนียนใสไร้สิว โดยที่ไม่ต้องดูแลเยอะนั่นคือใบหน้าที่พระเจ้าให้พรมา! แต่ถึงแม้ว่าเราจะไม่มีผิวที่เนียนใสเราก็สามารถดูแลให้เนียนใสได้ค่าา สิ่งแรกก็คือการเลือกใช้สกินแคร์ที่เหมาะสมกับผิวหน้าของตัวเองนั่นเอง เราต้องรู้จักผิวหน้าของตัวเองก่อนค่ะว่าเป็นคนผิวประเภทไหน ซึ่งมนุษย์เราจะแบ่งได้เป็น 4 ประเภท นั่นก็คือ ผิวธรรมดา ผิวแห้ง ผิวมัน และผิวผสม

  •  ผิวธรรมดา  จะเป็นลักษณะผิวที่ไม่แห้งเกินไปและไม่มันเกินไป มีเนื้อสัมผัสสม่ำเสมอไม่มีตำหนิ และมีลักษณะที่สะอาด นุ่มนวล และไม่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ บอกเลยว่าเป็นผิวที่สาวๆ ต้องการดั่งฟ้าประทาน! การดูแลผิว การดูแลผิวก็ง่ายเพราะใช้สกินแคร์อะไรก็ได้เลยค่ะ แต่แนะนำว่าให้ใช้ตามสภาพอากาศเพื่อความ Balance ให้ผิว ช่วงอากาศร้อนสามารถใช้สกินแคร์ที่เป็นเนื้อเจล เนื้อน้ำได้ หากอากาศหนาว ผิวจะสูญเสียความชุ่มชื้นมาก อาจจะใช้สกินแคร์ที่เป็นเนื้อครีม หรือ Oil เพื่อเติมความชุ่มชื้นและเป็นเกราะป้องกันไม่ให้ผิวเสียความชุ่มชื้นเพิ่มค่ะ

 

  • ผิวแห้ง จะเป็นคนที่มีน้ำ และ น้ำมัน ในผิวน้อยกว่าคนปกติค่ะ วิธีสังเกตง่ายๆ เลยก็คือผิวจะลอกเป็นขุยบ่อย ลูบๆ ผิวหน้าแล้วรู้สึกสากๆ การดูแลผิว เลือกใช้สกินแคร์ที่เป็นพวก Moisturizer หรือ Hyaluronic acid ที่เป็นตัวเติมน้ำให้กับผิว สกินแคร์ที่มีเนื้อครีมหรือ Oil ก็เหมาะกับคนผิวแห้งเช่นเดียวกันค่ะ

 

  • ผิวมัน จะเป็นคนที่มีน้ำมันเยอะกว่าปกติค่ะ คนกลุ่มที่มีผิวมันจะมีความมันทั่วใบหน้า โดยเฉพาะบริเวณ T-zone รูขุมขนกว้าง ยิ่งล้างหน้าไม่สะอาดสิ่งสกปรกยิ่งอุดตันรูขุมและเกิดสิวได้ง่าย การดูแลผิว เหมาะกับสกินแคร์ที่มีเนื้อบางเบา เช่น เนื้อเจล เนื้อน้ำ เนื้อโลชั่น เพราะจะทำให้ไม่อุดตันผิว เพื่อความ Balance น้ำมันในผิว ดังนั้นควรเลือกสกินแคร์ที่มีคำว่า Oil control/Oil free แต่ควรหลีกเลี่ยง Oilหรือเนื้อครีมค่ะ

 

  • ผิวผสม จะเป็นผิวที่มีน้ำใต้ผิวค่อนข้างน้อย แต่จะมีน้ำมันและรูขุมขนกว้างบริเวณ T-zone บริเวณแก้มทั้งสองข้างจะเป็นผิวแห้งหรือผิวปกติ ไม่แห้งไม่มันค่ะ การดูแลผิว เนื่องจากว่าเป็นผิวผสมการเลือกใช้สกินแคร์จะค่อนข้างยุ่งยากนิดนึงค่ะ ควรเลือกใช้สกินแคร์ที่มีคำว่า ‘สำหรับผิวผสม’ หรือ จะเลือกใช้ตรงบริเวณที่เป็นผิวมัน (ช่วง T-zone) ใช้สกินแคร์ที่มีเนื้อบางเบา เนื้อเจล เนื้อน้ำ หรือเนื้อโลชั่นค่ะ ตรงบริเวณที่แห้งสามารถใช้สกินแคร์ที่เป็น Moisturizer หรือ Hyaluronic acid ได้ค่ะ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว

 

หน้าต้องไม่มีสิว

ทั้งนี้ทั้งนั้นนะคะ ไม่ว่าจะผิวประเภทไหนๆ มีโอกาสที่จะเกิดสิวได้ เพราะฉะนั้นมันขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆ อย่างด้วยค่ะ อย่างเช่น ขั้นตอนการดูแลผิว เราดูแลตั้งแต่การล้างหน้าเลยรึเปล่า ล้างหน้าไม่สะอาดก็อาจจะทำให้เกิดสิ่งสกปรกตกค้างได้เนอะ หรือถ้าสะอาดเกินไปจนผิวหน้าเอี๊ยด! ก็อาจทำให้เกิดสิวได้เช่นกันค่ะ 

ดังนั้นแล้วหากเกิดสิว เราก็อาจจะใช้ยาแต้มสิวร่วมด้วยได้นะ ซึ่งการเลือกยาแต้มสิวหรือครีมทาสิวควรดูจากสภาพของสิวก่อน เพราะ ‘สิว’ สามารถแบ่งออกได้หลายประเภท ทั้งสิวอักเสบ สิวอุดตัน สิวไม่มีหัว สิวมีหัว หรือสิวประเภทอื่นๆ ต่างมีปัจจัยที่เป็นตัวกระตุ้นเชื้อสิวที่แตกต่างกันค่ะ

ไม่ว่าผิวหน้าแบบไหนก็มีสิวได้ เราสามารถสังเกตหัวสิวของตัวเองและรักษาตามที่เป็นสิว

แต่ละขั้นตอนของการดูแลผิวเนี่ย ฟังดูง่ายแต่ถ้าทำจริงๆ แล้วมันไม่ง่ายเลยใช่ไหมล่ะคะ อยากจะบอกว่าต้องคอยสังเกตและศึกษาผิวหน้าของตัวเองบวกกับเอาใจใส่ผิวตัวเองให้มากๆ ด้วยค่ะ ผิวของเราก็จะสวยใสไร้สิว

 

“ซึ่งสำหรับคนขี้เกียจอย่างเราๆ การที่ต้องมานั่งทาสกินแคร์ในแต่ละตัวเนี่ย มันเป็นอะไรที่เสียเวลามากกก อยากจะมีผิวใสขึ้นมาทันทีโดยที่ไม่ต้องบำรุงหลายตัว ในแวดวงความงามมันจะอยู่อย่างหนึ่งค่ะ เรียกว่า ดริปวิตามิน หรือ IV Drip ค่ะ”

 

IV Drip ดริปวิตามินคืออะไร?

การทำ IV Drip หรือ ดริปวิตามินผิว เป็นการเติมสารอาหาร หรือวิตามินผ่านทางสายน้ำเกลือเข้าสู่เส้นเลือดโดยตรง ซึ่งวิธีนี้จะช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมคุณประโยชน์ได้อย่างรวดเร็ว เต็ม 100%  แตกต่างจากการเติมวิตามินให้ผิววิธีอื่น ๆ เช่นการทานอาหารเสริม ที่ร่างกายสามารถดูดซึมและนำไปใช้ได้จริงเพียงแค่ 20-40% เท่านั้น ซึ่ง IV Drip ดริปวิตามินผิวมีให้เลือก 11 สูตร ที่ Apex Medical Center

ถ้าอยากมีผิวพรรณที่ดูเปล่งปลั่ง กระจ่างใส ลดความหมองคล้ำและรอยดำ แนะนำเป็น 2 ตัวนี้เลย IV Drip สูตร Celebrity Secret และ สูตร Skin Bright

ดริปวิตามิน คืออะไร?

ดริปวิตามิน หรือ Vitamin drip นิยมกันมากในหมู่สาวๆ บรรดาเซเลบ แม้กระทั่งดารา Hollywood เพราะเห็นผลได้ทันที อีกทั้งยังช่วยรักษาอาการปวดเมี่อย นอนไม่หลับ ไม่สดใส สามารถรักษาอาการเหล่านี้และฟื้นฟูร่างกายได้อย่างรวดเร็ว ให้ประสิทธิภาพที่ดีแถมยังปลอดภัยอักด้วย

การผสมวิตามินและแร่ธาตุเข้ากับน้ำเกลือในปริมาณที่เหมาะสม ตามความต้องการของร่างกายของแต่ละคน และให้ทางเส้นเลือดเข้าสู่ร่างกายโดยตรง ซึ่งร่างกายจะสามารถนำไปใช้ได้เลยทันทีค่ะ แตกต่างจากการเติมวิตามินให้ผิววิธีอื่น ๆ เช่นการทานอาหารเสริม ที่ร่างกายสามารถดูดซึมและนำไปใช้ได้จริงเพียงแค่ 20-40% เท่านั้น

IV Drip สูตร Celebrity Secret  

IV Drip สูตร Celebrity Secret เป็นสูตรที่ช่วยบำรุงผิวพรรณให้สวย เปล่งปลั่ง กระจ่างใส เนียนนุ่มแบบมีออร่า อีกทั้งยังช่วยฟื้นคืนสภาพผิวที่มีความแห้งกร้านให้กลับมาชุ่มชื้น มีชีวิตชีวาอีกครั้ง สูตรนี้เหมาะสำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลาดูแลตัวเอง หรืออยากได้ทางลัดที่ทำให้ผิวดูสวยขึ้นในระยะเวลาอันรวดเร็ว

ผิวใส เนียนนุ่น เหมือนกับคุณพลอย หอวัง ต้องสูตร Celebrity secret ค่า~

IV Drip สูตร Skin Bright

ใครมีผิวที่หมองคล้ำ ไม่กระจ่างใส IV Drip สูตร Skin Bright ตัวนี้จช่วยฟื้นฟู และบำรุงผิวให้มีความกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ ลดความหมองคล้ำ รอยดำของผิวพรรณได้เร็วขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื้น เนียนนุ่ม ดูเปล่งปลั่งแบบมีออร่า และช่วยให้ผิวดูอ่อนกว่าวัยได้อีกด้วย เหมาะกับคนที่ต้องการตัวช่วยให้ผิวใสขึ้นในระยะเวลาอันรวดเร็ว

ประโยชน์ของการดริปวิตามิน

  • เพิ่มการดูดซึมวิตามินของเซลล์ได้ 100% ร่างกายดูซึมวิตามินเหล่านั้นไปใช้ได้ทันที 
  • เพิ่มความชุ่มชื้น เติมวิตามิน เกลือแร่ และสารต้านอนุมูลอิสระให้ร่างกาย ปกป้องผิวจากสารอนุมูลอิสระ และส่งเสริมให้ผิวแข็งแรงผิวใส
  • ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน ต้านทานเชื้อโรค ใครที่ป่วยง่ายๆ ก็จะหายเร็วและจะป่วยยากขึ้น
  • สารบางชนิดจะเพิ่มการทำงานของระบบขับของเสียในร่างกายทำให้ร่างกายขับสารพิษดีขึ้น 
  • บางสูตรมีสารที่ช่วยเรื่องของการเร่งการเผาผลาญตามธรรมชาติของร่างกาย เหมาะกับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก
  • ลดอาการล้าของสมองและบางสูตรช่วยลดอาการไมเกรนได้ด้วย

“ใครอยากที่อยากมีผิวขาวกระจ่างใสแบบเร็วทันใจ ต้องลอง IV drip ดริปวิตามินผิวเลยค่าา~~”

เตรียมผิวก่อนแต่งหน้า

เรามาเริ่มแต่งหน้ากันเลยดีกว่าค่ะซิส ก่อนการแต่งหน้าเราต้องเตรียมผิวกันก่อนค่ะ ซึ่งจะออกมาปังหรือพังเนี่ย มันขึ้นอยู่กับการเตรียมผิวก่อนแต่งหน้านี่แหละสาว แต่จะไปกลัวอะไรเพราะเราดริปวิตามินผิวมาแล้วยังไงก็รอด อิอิ

ขั้นตอนการเตรียมผิวก่อนแต่งหน้า เป็นการเตรียมผิวให้มีความชุ่มชื้นมากพอเพื่อที่จะให้เครื่องสำอางติดทนนาน ไม่เป็นคราบและยังให้ฟินิชลุคที่สวยเป๊ะ! ซึ่งขั้นตอนการเตรียมผิวมีดังนี้เลยค่ะ 

 

ใช้สเปรย์น้ำแร่ก่อนลงสกินแคร์ เป็นเหมือนการเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว เพื่อที่ผิวจะได้รับการบำรุงจากวิตามินต่าง ๆ ของสกินแคร์ได้ดียิ่งขึ้นค่ะ 

 

ลงสกินแคร์ก่อนการแต่งหน้า การลงสกินแคร์ก่อนแต่งหน้านั้นสามารถใช้สกินแคร์ที่เราใช้ในชีวิตประจำวันได้เลยค่ะ ขอแนะนำว่าให้ใช้สกินแคร์น้อยๆ ก็พอค่ะ แต่ 2-3 ตัว แต่ต้องเป็นสกินแคร์ที่มีเนื้อบางเบา ซึมง่าย ไม่หนักผิว มีความชุ่มชื้น

 

ลงโทนอัพ หรือ ครีมกันแดด – ขั้นตอนต่อมาเป็นการลงตัวโทนอัพหรือครีมกันแดด ตัวโทนอัพจะช่วยปรับสภาพผิวให้ดูกระจ่างใสก่อนลงเครื่องสำอางค่ะ บางยี่ห้อโทนอัพก็สามารถป้องกันแสงแดดได้ด้วย ส่วนครีมกันแดดบางยี่ห้อก็จะมีส่วนช่วยปรับโทนผิวให้มีความกระจ่างใสขึ้นด้วย

 

เทคนิคการแต่งหน้า

มาถึงขั้นตอนการแต่งหน้ากันแล้วนะคะ ซึ่งจะบอกว่าการแต่งหน้างานผิวแบบนี้จะต้องใช้เครื่องสำอางที่น้อยที่สุด สาดรองพื้นโบกหน้าๆ มันก็ไม่ใช่แล้วไหมแม่ ไปดูเทคนิคกันค่ะ

 

ใช้คอนซีลเลอร์แทนรองพื้น – ใช้คอนซีลเลอร์ป้ายตรงบริเวณที่ต้องการปกปิดก็พอค่ะ ผิวหน้าใครที่ยังมีรอยสิวอยู่สามารถใช้คอนซีลเลอร์ช่วยปกปิดได้ค่ะ หากไม่ใช้คอนซีลเลอร์สามารถหารองพื้นที่มีความเบาบาง ไม่หนา ไม่ตึ๊บ! เช่น เนื้อลิควิด เนื้อทินท์ เพราะเนื้อรองพื้นเหล่านี้จะให้ความเบาบางเป็นงานผิวสุด

 

เติมสีแก้มด้วยครีมบลัชแทนเนื้อฝุ่น – เติมสีแก้มให้เหมือนมีเลือดฝาด เราจะใช้บลัชออนเนื้อครีมแทนบลัชออนเนื้อฝุ่นนะคะ เพราะว่าถ้าใช้เนื้อฝุ่นผิวดูแมทท์ทันทีเลยค่ะ สีที่ใช้ควรเป็นสีที่ดูธรรมชาติมากที่สุด เช่น สีแดง แดงอมส้ม หรือสีชมพูอมแดงแบบนี้ก็ได้

 

เซทแป้งฝุ่น บริเวณที่ผิวมันง่าย – หากใครมีผิวที่มันค่อนข้างง่าย สามารถใช้แป้งฝุ่นในการเซทผิวไม่ให้ผิวมันเพิ่มได้ โดยเฉพาะตรงบริเวณ T-zone ใช้แปรงแต่งหน้าค่อยๆ แท็ปๆ ลงไปนะคะไม่งั้นจะกลายเป็นผิวแมทได้ค่าา

 

ไฮไลท์เนื้อลิควิด – อีกสิ่งที่จะทำให้หน้าเราดูฉ่ำวาวก็คือการลงไฮไลท์นั่นเองค่ะ เพื่อเติมแสงให้ผิวดูวาวเพิ่มขึ้น หากไม่ลงไฮไลท์ผิวก็จะดูไม่วาว ขาดความเป็น Glass skin อย่างที่สุด! ดังนั้นไฮไลท์ที่แนะนำเป็นแบบลิควิด เพื่อการกระจายแสงได้อย่างทั่วถึงมีเท็กซ์เจอร์ที่ดูเนียนกลมกลืนเป็นเนื้อเดียวกันกับผิวค่ะ จะลงไฮไลท์ในส่วนที่สูงที่สุดบนใบหน้าค่ะ หรือส่วนที่แสงกระทบบนผิว

 

เพิ่มความโกลวด้วยไฮไลท์เนื้อฝุ่น – ถึงแม้ว่าเราจะทาไฮไลท์เนื้อลิควิดแล้วนะคะ เราจะเพิ่มความวาวให้อีกนิดหนึ่งค่ะ ขั้นตอนนี้ถ้าทุกคนเห็นว่าเออมันได้งานผิวแล้ว ก็ข้ามขั้นตอนนี้ไปได้เลยเนอะ แต่ถ้าใครไม่ข้ามเนี่ยก็สามารถเอาไฮไลท์เนื้อฝุ่นมาทาเลยได้ แต่ลงแต่นิดเดียวพอนะคะ ไม่งั้นแล้วเนี่ยมันจะดูไม่เป็นธรรมชาตินะคะ การลงก็เหมือนเดิมเลยค่ะลงส่วนที่สูงที่สุดบนใบหน้าค่ะ หรือส่วนที่แสงกระทบบนผิวนั่นเอง

ลิปกรอส เพิ่มความฉ่ำวาวให้กิบริมฝีปาก – จะว่าไปทั้งหน้าก็ดูฉ่ำวาวแล้วเนอะ ดังนั้นริมฝีปากก็ต้องฉ่ำวาวด้วยเช่นกันค่ะ เราจะใช้ลิปทินท์ทาลงไปก่อนชั้นแรก หลังจากนั้นตามด้วยกรอสใสหรือกรอสที่เป็นสีก็ได้ ค่อยๆ แท็ปๆ ลงทนริมฝีปากค่ะกรอสจะได้ไม่หนักปากจนเกินไปค่ะ

 

เป็นยังไงกันบ้างคะสาวๆ กับเทคนิคแต่งหน้าลุคโชว์ผิว Glass skin อยากจะบอกว่าเป็นลุคที่ดูผิวสุขภาพดีมากกก จริงๆ แต่งหน้าลุคนี้อาจจะออกไปใช้ชีวิตข้างนอกไม่ได้นานสำหรับสาวไทยนะคะ เพราะออกไปเจอแดดเจอลมเจอฝุ่นหน้าก็ไปแล้วค่าา ส่วนใหญ่ในลุคนี้เขามักจะแต่งออกงานซะมากกว่า ดูลุคเป็นไฮโซท่านหนึ่ง 

แต่ถ้าอยากได้ลุคที่เป็นธรรมชาติ แค่ทาครีมกันแดดออกจากบ้านก็จบ แต่คือต้องผิวดีมากๆ ด้วยนะ อยากได้ผิวสวยโดยไม่ต้องบำรุงสกินแคร์อะไรมากๆ แนะนำทางลัดอย่าง IV Drip หรือ ดริปวิตามินผิวกันดูนะคะ เพราะการสวยจากภายในสู่ภายนอกมันดีอยู่แล้วเนอะ ยิ่งถ้าคนไม่ค่อยมีเวลาแล้วอยากจะดูแลผิวแนะนำเป็น IV Drip เลยค่า

 

รับโปรโมชัน ดริปวิตามินพรีเมียม 👉🏻 https://lin.ee/somJkar

สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 

APEX Medical Center 36 สาขาทั่วไทย

Line : @apexlifecenter 

☎️ 0627096891 / 0850000855

#ดริปวิตามินต้องAPEX #ดริปวิตามิน #IVDrip #VitaminDrip