ไดเอทใบหน้า กับ ฉีดโบท็อกหน้าเรียว หน้าเรียวใน 2 วีค

ฉีดโบท็อกหน้าเรียวไดเอทใบหน้ากับการ ฉีดโบท็อกหน้าเรียว หน้าเรียวขึ้นใน 2 วีค

หน้ากลม หน้าบวม หน้าใหญ่ หน้าบาน สารพัดปัญหาเกี่ยวกับใบหน้าที่หลายคนไม่อยากเจอ เพราะด้วยค่านิยมในสมัยนี้ทำให้ใคร ๆ ก็อยากมีใบหน้าเรียวเล็ก ได้รูปแบบ V-shape กันทั้งนั้น แต่นั้นก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อีกต่อไป เพราะอย่างที่เราทราบกันดีว่า เดี๋ยวนี้เทคโนโลยีทางการแพทย์พัฒนาไปไกลมาก มีหลากหลายเทคนิคที่สามารถช่วยให้เราหน้าเรียวดั่งใจได้ การจะมีใบหน้า V-shape จึงไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

สารบัญ

สาเหตุของใบหน้าใหญ่ เกิดจาก

สาเหตุที่ทำให้เราหน้าใหญ่ หน้าบาน ไม่เรียวเล็กนั้น เกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย โดยมักจะเกิดขึ้นจาก 3 สาเหตุใหญ่ ๆ ดังนี้

เกิดจากปริมาณไขมัน

สาเหตุนี้เกิดขึ้นได้ทั้งจากกรรมพันธุ์มาโดยกำเนิด และ เกิดขึ้นได้จากการใช้ชีวิตประจำวันของเราเอง อย่าเช่น คนที่ชอบทานของมัน ของหวาน อาหารจำพวกแป้ง น้ำตาล เกลือ ไขมัน อาหาร junk food รวมไปถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ น้ำอัดลด แน่นอนว่าทุกคนทราบว่าสิ่งเหล่านี้จะทำให้เกิดไขมันสะสม แต่ไม่ใช่แค่บริเวณร่างกาย แต่ใบหน้าก็มีไขมันสะสมได้เช่นกัน คนที่ใบหน้าบวม หน้ากลม จึงมักเกิดจากไขมันมักสะสมบริเวณแก้ม หรือ ใต้คางเยอะนั่นเอง

เกิดจากกล้ามเนื้อ

ปัญหานี้เกิดจากกล้ามเนื้อบริเวณกราม มีความแน่น แข็งแรงมากเกินไป โดยสาเหตุมักจะมาจากการใช้ชีวิตประจำวันของแต่ละคนไป เช่น คนที่ชอบเคี้ยวหมากฝรั่งเป็นประจำ คนที่ทานอาหารที่มีความเหนียว เคี้ยวยากต้องออกแรงกล้ามเนื้อกรามเยอะ ๆ ฯลฯ สิ่งเหล่านี้จึงเป็นกระตุ้นให้กรามทำงานหนักมากขึ้น ใบหน้าจึงดูบานกว้าง เกิดปัญหาหน้าใหญ่ตามมา

เกิดจากโครงสร้างกระดูก

โดยส่วนใหญ่สาเหตุนี้มักจะเป็นมาตั้งแต่กำเนิด เพราะเกิดขึ้นจากกรรมพันธุ์ อย่างเช่น คนที่สัดส่วนโครงหน้าผิดปกติ ทำให้ดูใบหน้าไม่มีความสมมาตร หรือ ใบหน้าดูเบี้ยวได้ อีกทั้งคนที่กระดูขากรรไกรใหญ่กว่าปกติ ก็ทำให้ใบหน้าไม่เรียวเล็ก

ซึ่งการแก้ปัญหาหน้าใหญ่ของทั้ง 3 สาเหตุนี้จะมีวิธีที่แตกต่างกันออกไป โดยในปัจจุบันมีด้วยกันหลายวิธีที่ช่วยให้ใบหน้าเรียวเล็กลงได้ เรามีมาแนะนำด้วยกัน 2 วิธีคือ การไดเอทใบหน้า และ การฉีดโบท็อกหน้าเรียว ทั้ง2วิธีนี้จะช่วยแก้ปัญหาหน้าใหญ่ได้อย่างไร เราหาคำตอบมาฝากกันแล้วค่ะ

ไดเอทใบหน้า

ไดเอทใบหน้า เปรียบเสมือนการออกกำลังกายอย่างหนึ่งเลยค่ะ ช่วยให้ใบหน้ากระชับขึ้นได้ วิธีนี้เหมาะมาก ๆ กับคนที่มีไขมันสะสมบนใบหน้าเยอะ ๆ จนดูหน้าใหญ่ หน้าบวม ซึ่งวิธีการการไดเอทใบหน้านั้นทำได้ง่าย ๆ ไม่ยากเลย มีด้วยกันหลายท่าทาง อย่างท่าที่นำมาแนะนำกันนี้สามารถทำได้ตลอดเวลาที่เรานึกขึ้นได้เลยค่ะ หรือ ถ้าใครไม่สะดวกทำเป็นเซ็ตเฉพาะช่วงเช้าก็ได้เช่นกัน

ไดเอทใบหน้า
ท่าที1 : แก้ปัญหาแก้มบวม

สำหรับท่านี้คนที่มีปัญหาหน้าบวม มีไขมันสะสมบริเวณแก้มเยอะ แก้มห้อย แก้มย้อย แนะนำให้ทำท่านี้เป็นประจำเลยค่ะ สามารถช่วยยกกระชับใบหน้า ให้ดูเต่งตึงมากขึ้น โดยให้เราตั้งใบหน้าและลำตัวให้ตรง จากนั้นอ้าปาก เป่าลมเข้า จนแก้มป่องขึ้น แล้วค้างไว้ประมาณ 5 วินาที จากนั้นค่อย ๆ เป่าลมออก ทำซ้ำเช่นนี้ 5 เซ็ต

ท่าที่ 2 : บริหารกราม

ท่านี้จะเหมาะกับคนที่มีไขมันสะสมใต้คอ หรือที่หลาย ๆ คนมักเรียกกันว่าเหนียง สามารถทำท่าบริหารใบหน้าได้ด้วยการ ตั้งใบหน้า และ ลำตัวให้ตรง จากนั้นแลบลิ้นออกมา เงยหน้าขึ้น จนรู้สึกว่าช่วงคอเต่ง ๆ เสร็จแล้ว ค่อย ๆ ก้มหน้าลงมาจนอยู่ในท่าหน้าตรงเหมือนเดิม ทำซ้ำเหมือนเดิม ประมาณ 5 เซ็ต

ท่าที 3 : ยืดกล้ามเนื้อกราม

สำหรับคนที่กล้ามเนื้อกรามแน่นมาก ๆ ลองทำท่านี้ดูค่ะ จะช่วยยืดและผ่อนคลายกล้ามเนื้อกรามไม่ให้แข็งตึงจนเกินไป สามารถทำได้ง่าย ๆ โดยการออกเสียงตัว E และตัว O ในภาษาอังกฤษ ขณะออกเสียงให้ค้างไว้สัก 5 วินาที ท่านี้สามารถทำได้บ่อยเท่าที่ต้องการเลยค่ะ หรือจะลองทำเซ็ตละประมาณ 5-10 ครั้งก่อนได้เช่นกัน

อย่างที่บอกไปว่าการไดเอทใบหน้า หรือ บริหารใบหน้า เปรียบเสมือนการออกำลังกาย ซึ่งถ้าถามคนที่ออกกำลังหลายคน ๆ นั้นมักจะไม่ได้ออกกำลังกายอย่างเดียว แต่จะควบคุมอาหารควบคู่ไปด้วย เพื่อให้ได้ผลลัพธ์รูปร่างที่ผอมลงอยากชัดเจนและรวดเร็วขึ้น นอกจากรูปร่างที่ลดลงแล้ว ของแถมที่ได้สำหรับบางคนก็คือ ใบหน้าเรียวเล็กได้เช่นเดียวกัน ดังนั้นใครจะทำทั้งบริหารใบหน้า และ ควบคุมอาหารควบคู่กันไปก็ได้นะคะ โดยมีทริคเพิ่มเติมง่าย ๆ ตามนี้เลย

1.ทานผักผลไม้ให้มากขึ้น

อย่างที่เราทราบกันดีว่าผักและผลไม้มีประโยชน์ต่อร่างกาย ช่วยให้สุขภาพและผิวพรรณดีขึ้น เพราะในผักผลไม้มีกากใยช่วยให้ระบบการขับถ่ายดีขึ้น ช่วยขับของเสียออกมา แต่เราควรเลือกทานผักผลไม้ที่ปลอดสารพิษ และ เลือกผลไม้ที่รสชาติไม่หวานเกินไป ไม่อยากนั้นถ้าทานเข้าไปเยอะ ๆ จากที่จะช่วยไดเอท กลายเป็นอ้วนขึ้นได้นะคะ

2.เปลี่ยนจากข้าวขาว เป็นข้าวกล้อง

ข้าวขาว เป็นข้าวที่ผ่านขบวนการในการขัดสี ทำให้สูญเสียประโยชน์และวิตามินไปเยอะมาก ซึ่งข้าวขาวมักไปกระตุ้นให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น ผลที่ตามมาก็คือ ร่างกายจะสะสมไขมันไว้มากกว่าปกติ และ ทำให้หิวได้บ่อยอีกด้วย ซึ่งถ้าใครอยากไดเอทใบหน้า หรือ ร่างกาย ลองเปลี่ยนมาทานข้าวกล้องดูค่ะ เพราะว่าข้าวกล้องสารอาหารอยู่ครบ จะช่วยให้เราอิ่มเร็วขึ้น ดังนั้นจึงเป็นทางเลือกที่ดีของคนที่ต้องการลดน้ำหนัก

3.ดื่มน้ำวันละ 2 ลิตร

ร่างกายของเราประกอบไปด้วยน้ำถึง 70 % ดังนั้นในแต่ละวันเราควรดื่มน้ำอย่างน้อย 8-10 แก้ว แต่ก็มีการวิจัยมาว่าการดื่มน้ำเยอะ ๆ นั้นส่งผลดีต่อร่างกายได้มากขึ้น ฉะนั้นจะให้ดีลองดื่มน้ำให้ได้วันละ 2 ลิตร ดูค่ะ เพราะจะส่งผลให้ระบในร่างกาย และ ลำไส้ทำงานได้ดีขึ้น ลดอาการท้องผูก ของเสียในร่างกายก็จะถูกขับออกมา ผิวพรรณรูปร่างดีขึ้น

4.เลี่ยงอาหารเค็ม

อาหารที่มีรสชาติเค็มนี่แหละที่เป็นตัวการสำคัญทำให้ร่างกายเกิดความบวมได้ โดยเฉพาะหน้าบวม สาเหตุเกิดมาจากร่างกายได้รับโซเดียมในปริมาณที่สูงเกินไป ทำให้เกิดอาการบวมน้ำ เนื่องจากร่างกายกักเก็บน้ำไว้ชั้นใต้ผิวและเนื้อเยื่อในบริเวณต่าง ๆ ของร่างกายมากขึ้นกว่าปกติ ในระยะสั้นส่งผลให้ร่างกายดูบวม และ ในระยะยาวน้ำหนักจะเพิ่มมากขึ้น

5.ไม่อดนอน

การอดนอนส่งผลกระทบต่อร่ายกายในหลาย ๆ ด้าน เพราะถ้าเรานอนหลับพักผ่อนไม่เป็นเวลา เวลาชีวิตเราก็จะร่วน แน่นอนว่าจะรับประทานอาหารไม่เป็นเวลา และ ไปทานหนักในมื้อเย็น หรือ ทานอาหารดึก ๆ นอกจากสุขภาพจะเสียแล้ว ก็ยังทำให้อ้วนได้ง่าย ไขมันสะสมมากขึ้นอีกด้วย

ฉีดโบท็อกหน้าเรียว

ฉีดโบท็อกหน้าเรียว หรือ ฉีดโบท็อกกราม ถือว่าเป็นหัตถการแรก ๆ สำหรับคนที่มีปัญหาหน้าใหญ่ หน้าบาน สนใจนิยมเลือกทำกัน เพราะด้วยขั้นตอนที่ไม่ยุ่งยาก ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น ฉีดโบท็อกแป๊บเดียวก็ได้หน้าเรียวสวยทันใจเหมือนสั่งได้ เพราะเราสามารเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังฉีดเสร็จ และใบหน้าจะค่อย ๆ เล็กลงเรื่อยๆ ภายใน 2 สัปดาห์ จนได้ใบหน้าที่เรียวสวยสุด ๆ ใคร ๆ ก็เลยเลือกวิธีนี้เป็นตัวช่วยในการปรับรูปหน้าให้สวยได้รูป ส่วนใครที่สงสัยว่า ทำไมการฉีดโบท็อกถึงช่วยให้หน้าเรียวได้รวดเร็ว เราลองมาหาคำตอบไปพร้อมกันเลยค่ะ

โบท็อกคืออะไร?

จริง ๆ แล้วคำว่า โบท็อก เป็นชื่อทางการค้าของ บริษัท Allergan USA ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายยาและเครื่องมือแพทย์ของประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นผู้ผลิตสาร Botulinum toxin A เป็นเจ้าแรก ก่อนที่ประเทศอื่นจะมีการผลิตออกมา จนทำให้หลาย ๆ คนเรียกสารชนิดนี้ว่า โบท็อก กันจนติดปาก ไม่ว่าจะผลิตมาจากประเทศไหน ยี่ห้ออะไร ก็มักจะถูกเรียกว่า โบท็อกเหมือนกันหมด

โบท็อก (BOTOX) หรือ Botulinum toxin A เป็นสารที่ใช้ทางการแพทย์มาอย่างยาวนาน โดยในเริ่มแรกแพทย์ใช้เพื่อรักษาโรค ตาเข ตาเหล่ อาการปวดหัวไมเกรนของคนไข้ เพราะว่าโบท็อกมีฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อ ต่อมาจึงเริ่มมีการนำมาใช้ในทางเสริมความงาม ช่วยแก้ปัญหาริ้วรอย ช่วยลดขนาดของกล้ามเนื้อ ส่งผลให้ใบหน้าดูเรียว และ อ่อนเยาว์ลงได้ในเวลาไม่นาน

ฉีดโบท็อกหน้าเรียว

ทำไมโบท็อกถึงทำให้หน้าเรียวได้?

หลักการทำงานของโบท็อก คือ เมื่อแพทย์ฉีดโบท็อกเข้าไปบริเวณที่ต้องการแก้ไขปรับรูปหน้า ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นบริเวณกราม ตัวยาจะเข้าไป จับที่ปลายประสาท ทำให้เซลล์ประสาทบริเวณนั้นไม่สามารถหลั่งสารสื่อประสาทมายังกล้ามเนื้อได้ ส่งผลให้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นอ่อนแรงลงชั่วคราว เมื่อกล้ามเนื้ออ่อนแรงลงก็จะไม่สามารถขยับได้บ่อย และเมื่อกล้ามเนื้อส่วนนั้นไม่ได้ขยับบ่อย ๆ ก็จะมีขนาดที่เล็กลง นอกจากนั้นกล้ามเนื้อจะเกิดการคลายตัว ส่งผลให้ ผิวหน้า ริ้วรอยดูเรียบขึ้น

จะสังเกตได้ว่าตัวโบท็อกนั้นจะออกฤทธิ์ต่อบริเวณที่เป็นกล้ามเนื้อ ดังนั้นวิธีการฉีดโบท็อกหน้าเรียว จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาหน้าใหญ่ หน้าบาน ที่มีสาเหตุมาจากกล้ามเนื้อที่แน่น หรือ กล้ามเนื้อมีความแข็ง ซึ่งจะเห็นผลลัพธ์ได้ดีกว่า คนที่มีปัญหาหน้าใหญ่มาจากสาเหตุอื่น ๆ ซึ่งการฉีดโบท็อกบริเวณนี้นอกจากจะช่วยให้กล้ามเนื้อกรามลดลงแล้ว ยังสามารถฉีดปรับรูปหน้าให้มีความ V-shape ดูเรียวได้รูปขึ้น หรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่าการฉีดโบท็อกลิฟกรอบหน้านั่นเอง 

วิธีดูแลตัวเองก่อน-หลังฉีดโบท็อกหน้าเรียว

ก่อนเข้ารับการฉีดโบท็อก

-ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการฉีดโบท็อกให้ดี เลือกคลินิกที่ได้รับรองและมีใบอนุญาตจากกระทรวงสาธารสุข อีกทั้งแพทย์ที่จบมาเฉพาะทางด้านผิวหนัง มีประสบการณ์ด้านการฉีดมาอย่างยาวนาน ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ช่วยให้ความมั่นใจกับเราได้ว่า การทำหัตถการนั้นมีความน่าเชื่อถือ และ มีความปลอดภัย

– งดทายาในกลุ่มแอสไพริน และ อาหารเสริม วิตามินก่อนเข้ารับการฉีดโบท็อก อย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพราะอาจจะทำให้เกิดรอยช้ำของเข็ม และ ทำให้เลือดหยุดไหลได้ยาก หรือ เลือดแข็งตัวช้าได้

ฉีดโบท็อกหน้าเรียว
หลังเข้ารับการฉีดโบท็อก

– หลังการ ฉีดโบท็อกหน้าเรียว หรือ โบท็อกกรามนั้น ให้พยายามขยับใบหน้าบริเวณกราม หรือ ในส่วนที่ฉีด เป็นเวลาประมาณ 30 นาที อาจจะกัดฟัน หรือ เตรียมหมากฝรั่งไว้เพื่อช่วยให้ขยับได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะช่วยให้โบท็อกเกิดการกระจายตัว และ ออกฤทธิ์ได้ดี ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

-งดสัมผัส นวด คลึง กด บีบ ในบริเวณที่เพิ่งฉีดโบท็อกเข้าไป 6-8 ชั่วโมง เพราะว่าอาจจะทำให้โบท็อกเคลื่อนที่ไปยังบริเวณที่เราไม่ต้องการได้

-หลังฉีดโบท็อกถ้ามีอาการบวมแดงที่เกิดขึ้นจากเข็ม สามารถใช้ผ้าห่อน้ำแข็งแล้วประคบเย็นบริเวณทีมีอาการบวมได้

-หลีกเลี่ยงการสัมผัสความร้อนด้วยตรง 2 สัปดาห์หลังฉีดโบท็อก เช่น ซาว์ดหน้า อบไอน้ำ ยิงเลเซอร์ เพราะอาจจะทำให้ตัวยาสลายตัวได้เร็วมายิ่งขึ้น

-หลังฉีดโบท็อกแล้ว ควรเว้นระยะในการกลับมาฉีดซ้ำ ไม่ควรฉีดโบท็อกติดต่อกัน น้อยกว่า 3 เดือน เพราะจะส่งผลให้เกิดความเสี่ยงในการดื้อโบท็อก 

เลือกฉีดโบท็อกหน้าเรียวที่ไหนดี?

ในปัจจุบันมีคลินิกมามายที่มีบริการฉีดโบท็อก แต่เราจะเลือกฉีดโบท็อกที่ไหนเพื่อที่จะได้ผลลัพธ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของเรา และ มีความปลอดภัย เรามีคำแนะนำสำหรับคนที่กำลังตัดสินใจที่จะฉีดโบท็อก คือ ต้องเลือกคลินิกที่มีความความน่าเชื่อถือ สามารถตรวจสอบได้ ว่าโบท็อกที่ใช้มีคุณภาพ เพราะถ้าเป็นโบท็อกปลอมอาจจะทำให้เกิดการดื้อโบท็อก ฉีดแล้วไม่เห็นผล บางคนโชคดีพัก 1-2ปี สามารถกลับมาฉีดใหม่ได้ แต่ถ้าโชคร้ายอาจจะแพ้โบท็อกไปตลอดชีวิต ไม่สามารถฉีดได้อีกเลย นอกจากนั้นความชำนาญ ประสบการณ์ของแพทย์ที่เป็นผู้ฉีดให้เราก็สำคัญ เพราะแพทย์จะสามารถประเมินใบหน้า และ ฉีดโบท็อกให้เราได้อย่างตรงจุด แม่นยำ 

ซึ่ง Apex Medical Center มีประสบการณ์ด้านสุขภาพและความงาม มามากว่า 25 ปี อีกทั้งทีมแพทย์ของเรายังมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านผิวหนังโดยเฉพาะ ได้รับการอบรมเทคนิคการฉีดมากมาย เรียกได้ว่ามีเทคนิคอะไรใหม่ ๆ ออกมา ทีมแพทย์ของเรารีบเข้าร่วมทั้งที เพื่อให้คนไข้ได้รับผลลัพธ์ที่ออกมาเป็นธรรมชาติ อีกทั้ง APEX ยังได้รรางวัลที่เป็นการการันตีความสามารถ และ ความน่าเชื่อถือได้อย่าง รางวัล Top Allergan Aesthetics Valued Customer in Total Porfolio 2020 (Facial Aesthetics & Body Contouring) รางวัลนี้ถือว่าเป็นรางวัลสำหรับคลินิกที่มีการฉีดโบท็อกซ์และฟิลเลอร์สูงสุดในประเทศไทย จาก Allergan ซึ่งเป็นบริษัทผู้พัฒนา นำเข้าจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยา อุปกรณ์ทางการแพทย์ และอุปกรณ์ทางความงามของอเมริการ อย่าง BOTOX, JUVÉDERM FILLER, COOLSCULPTING ที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก สิ่งเหล่านี้เองที่สามารเป็นเครื่องยืนยันถึงความใส่ใจ และ ความน่าเชื่อถือที่ APEX มอบให้กับผู้เข้าใช้บริการทุกท่าน

รางวัล

สำหรับใครที่ยังไม่แน่ใจว่า ปัญหาใบหน้าใหญ่ หน้าบาน หน้าบวมของเราเกิดมาจากสาเหตุอะไร มาจากกล้ามเนื้อ หรือ ไขมัน ลองเข้ามาให้แพทย์เป็นผู้ช่วยพิจารณา และ แนะนำวิธีแก้ปัญหาได้เลยค่ะ เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด ไม่ต้องเสียเวลาไปกับสิ่งที่ไม่ใช่ เพราะหน้าเรียวเล็กแบบนี้รอนานไม่ได้ อยากสวยต้องรีบทำเลยค่ะ

สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ Line@ : @apexbeauty (มี @ นำหน้า) หรือจองคิวเพื่อเข้าปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยตรงก็สามารถทำได้เช่นกันค่ะ