ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า.. สิ่งแรกสำหรับคนที่สนใจอยากลดริ้วรอย และปรับรูปหน้าให้สวยขึ้น ต้องนึกถึงการฉีดโบท็อกซ์ Botox ก่อนเสมอ เพราะเป็นหัตถการที่ง่าย รวดเร็ว ไม่ต้องผ่าตัดก็สวยได้ จึงเรียกได้ว่าเป็นหัตถการสุดฮิต ที่ไม่ว่าใครๆ ในยุคนี้อยากฉีดโบท็อกซ์กันทั้งนั้น เพราะอย่างที่เราทราบกันดีว่า โบท็อก ช่วยให้ใบหน้าใหญ่ๆ เล็กลงได้พริบตา หน้าเรียวเล็ก วีเซฟได้แบบง่ายๆ แถมยังสามารถฉีดลดริ้วรอยได้อีกด้วย จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมใครๆ ก็อยากฉีดโบท็อกซ์กัน
โบท็อก Botox คือ?
แท้จริงแล้วคำว่าโบท็อกซ์ Botox ที่เราคุ้นชื่อและพูดกันจนติดปาก มาจากชื่อยี่ห้อของสารที่ใช้ลดริ้วรอยจากบริษัท Allergan ผู้ผลิต พัฒนา และจัดจำหน่ายเวชภัณฑ์ และเครื่องมือแพทย์รายใหญ่ของประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นผู้ผลิตสาร Botulinum toxin A เป็นรายแรก และได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย โดยผ่านการรับรองจาก FDA ของสหรัฐอเมริกาว่าสามารถช่วยลดริ้วรอยต่างๆ ช่วยยกกระชับและยับยั้งการเกิดเหงื่อได้ หลังจากนั้นจึงมีประเทศอื่นอีกมากมายผลิตออกมา เลยเป็นสาเหตุที่ทำให้ผลิตภัณฑ์ที่ฉีดเพื่อช่วยลดเรือนริ้วรอย ไม่ว่ายี่ห้ออะไร หรือมาจากประเทศไหนก็มักจะถูกเรียกว่าโบท็อกเหมือนกันหมดนั่นเอง
โบท็อก (BOTOX) หรือ โบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ (Botulinum toxin A) คือ สารจากโปรตีนชนิดหนึ่ง ที่สกัดจากแบคทีเรียที่มีประโยชน์อย่าง คลอสตริเดียม โบทูลินั่ม (Clostridium botulinum) มีฤทธิ์ช่วยให้กล้ามเนื้อที่หดตัวเกิดการคลายตัว กล้ามเนื้อในบริเวณที่ฉีดทำงานได้น้อยลงชั่วคราว โดยโบท็อกซ์มีการใช้มาอย่างยาวนาน เริ่มจากการนำมารักษาคนไข้กล้ามเนื้อกระตุก ตาเหล่ ตาเข รวมไปถึงอาการปวดหัวไมเกรน ต่อมาได้มีการพัฒนามาใช้ในวงการผิวพรรณและความงามมากขึ้น เช่น การนำมาใช้เพื่อช่วยปรับรูปหน้า ลดเลือนริ้วรอย และลดเหงื่อ
โบท็อก มีหลักการทำงานอย่างไร?
เมื่อแพทย์ทำการฉีดโบท็อกเข้าไปในบริเวณกล้ามเนื้อที่ต้องการ ตัวสารจะออกฤทธิ์เข้าไปจับที่ปลายประสาท ลดการทำงานการหลั่งสารสื่อประสาทมาที่กล้ามเนื้อ จึงทำให้กล้ามเนื้อส่วนนั้นอ่อนแรงลง และเกิดการคลายตัวในที่สุด ส่งผลให้ริ้วรอยลดเลือนลง ผิวเรียบเนียนขึ้น นอกจากนั้นเมื่อกล้ามเนื้ออ่อนแรง ไม่สามารถขยับได้ กล้ามเนื้อจะค่อยๆ ลีบเล็กลง ส่งผลให้บริเวณที่กล้ามเนื้อมีความแข็ง หดเกร็ง หรือกล้ามเนื้อมีขนาดใหญ่ อย่างบริเวณกราม หรือน่องเล็กลงได้ โดยการฉีดโบท็อกซ์จะสามารถเห็นผลลัพธ์ได้ภายใน 2-3 วันหลังฉีด และสามารถเห็นผลลัพธ์ได้เต็มที่ใน 1-2 สัปดาห์ ซึ่งผลลัพธ์ของการฉีดโบท็อกซ์จะสามารถอยู่ได้นานถึง 6-8 เดือน จากนั้นตัวโบท็อกจะค่อยๆ หมดฤทธิ์ และกล้ามเนื้อจะเริ่มหดตัวกลับมากเป็นปกติ ทำงานได้ตามเดิม
ฉีดโบท็อก ช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง?
อย่างที่หลายคนรู้กันว่าการฉีดโบท็อกซ์สามารถฉีดเพื่อลดริ้วรอย และปรับรูปหน้าให้เรียวเล็ก แต่นอกจากนั้นโบท็อกซ์ยังสามารถช่วยแก้ปัญหาใบหน้าได้อีกหลายอย่าง รวมทั้งยังสามารถช่วยแก้ปัญหาผิวกายได้อีกด้วย ดังนี้
- ลดริ้วรอย : โบท็อก ออกฤทธิ์ให้กล้ามเนื้อที่กดเกร็งตัวอยู่เกิดการคลายตัว ส่งผลให้ริ้วรอยจางลง ผิวเรียบเนียนขึ้น เช่น ริ้วรอยหน้าผาก ริ้วรอยตีนกา รอยย่นระหว่างคิ้ว โดยจะเห็นผลลัพธ์ได้ใน 2-3 วันหลังฉีด ริ้วรอยจะค่อยๆดูจางลง เมื่อริ้วรอยบนใบหน้าลดเลือนลงก็จะช่วยให้เราอ่อนวัย ดูเด็กลงได้อีกด้วย
- ลดขนาดกล้ามเนื้อ : โบท็อกจะทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง ลดการทำงานลงชั่วคราว ส่งผลให้กล้ามเนื้อเริ่มลีบเล็กลง บริเวณที่นิยมฉีดโบท็อกให้กล้ามเนื้อมีขนาดเล็กลง เช่น กราม ขากรรไกร เพื่อปรับให้รูปหน้าเรียวเล็ก และบริเวณน่องขา เพื่อให้ขาเรียวเล็กสวยงาม ซึ่งการฉีดโบท็อกซ์ลดขนาดกล้ามเนื้อ สามารถเห็นผลลัพธ์เต็มที่หลังฉีดไปแล้ว 1-2 เดือน
- ลดเหงื่อ : โบท็อกสามารถยับยั้งการทำงานของต่อมเหงื่อได้ บริเวณที่คนไข้นิยมฉีดกัน คือ ใต้รักแร้ นอกจากนั้นยังสามารถฉีดบริเวณฝ่ามือ ฝ่าเท้า ไรผมได้อีกด้วย โดยผลลัพธ์ของการฉีดโบท็อกลดเหงื่อ จะเริ่มเห็นผลว่าเหงื่อลดลงใน 2-3 วันแรกหลังฉีด
- ฟื้นฟูสภาพผิว : หลายคนยังไม่รู้ว่าโบท็อกสามารถฉีดปรับสภาพผิวหน้าได้อีกด้วย โดยโบท็อกช่วยลดขนาดรูขุมขนได้ ผิวเรียบเนียนขึ้น โดยแพทย์จะฉีดโบท็อกเข้าบริเวณกล้ามเนื้อและต่อมไขมัน ส่งผลให้ต่อมไขมันมีขนาดเล็กลง ผิวจะดูเนียนละเอียดขึ้นหลังจากฉีด 2-3 วัน
ฉีดโบท็อกซ์เจ็บไหม?
หลายคนกังวลเรื่องความเจ็บ โดยเฉพาะคนที่กลัวเข็ม ทำให้ไม่กล้าฉีดโบท็อกซ์สักที แต่บอกเลยว่าไม่น่ากลัวอย่างที่คิด เพราะก่อนฉีดเรามีการทายาชา ประคบน้ำแข็งให้ และเข็มที่ใช้ฉีดโบท็อกซ์ก็เป็นเข็มขนาดเล็ก อีกทั้งยังเป็นการฉีดที่ชั้นผิวตื้นๆ เท่านั้น รวมถึงคุณหมอมือเบา มีเทคนิคพิเศษในการฉีดที่ใช้ตัวยาปริมาณน้อยแต่ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน ดังนั้นเรื่องความเจ็บ หายห่วงได้เลย
ฉีดโบท็อก อันตรายไหม?
มีหลายคนไม่กล้าฉีดโบท็อก เพราะคิดว่าเป็นวิธีที่อันตรายและคำกล่าวที่ว่า “โบท็อกซ์คือสารพิษ” ที่เค้าเล่าต่อๆ กันมา หรืออาจจะเคยเห็นตามข่าวมาว่ามีคนฉีดโบท็อกแล้วเกิดข้อผิดพลาด ใบหน้าเบี้ยวผิดรูปบ้าง หน้าแข็งตึง ยิ้มไม่สุดบ้าง โดยสาเหตุข้อผิดพลาดเหล่านี้มาจากคนไข้เลือกฉีดโบท็อกซ์ไม่มีคุณภาพ หรือฉีดกับแพทย์ที่ไม่ความเชี่ยวชาญ อย่างเช่น หมอกระเป๋า
ซึ่งจริงๆ แล้วการฉีดโบท็อกถือเป็นหัตถการที่ความปลอดภัยสูง แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินในเลือกคลินิกและแพทย์ในการฉีดโบท็อกของเราด้วย ถ้าคลินิกมีมาตรฐาน แพทย์มีความชำนาญ มีเทคนิคและประสบการณ์ก็มั่นใจถึงความปลอดภัย ไม่เป็นอันตรายอย่างแน่นอน
โบท็อก ฉีดส่วนไหนได้บ้าง?
หลายคนอาจจะคุ้นกับการฉีดโบท็อกบริเวณใบหน้า เพราะเป็นจุดที่นิยมฉีดมากที่สุด เช่น ฉีดโบท็อกกราม ฉีดโบท็อกหน้าผาก ฉีดโบท็อกลดริ้วรอยหางตา เป็นต้น แต่ยังมีอีกหลายบริเวณที่ยังสามารถฉีดโบท็อกได้อีก ไม่ใช่แค่บริเวณใบหน้าอย่างเดียวเท่านั้น เช่น
- โบท็อกริ้วรอยหน้าผาก
- โบท็อกริ้วรอยระหว่างคิ้ว
- โบท็อกริ้วรอยหางตา
- โบท็อกริ้วรอยบริเวณคอ
- โบท็อกรัดแกนจมูก
- โบท็อกลดปีกจมูก
- โบท็อกลดโหนกแก้ม
- โบท็อกลดกราม
- โบท็อกลิฟหน้าเรียว
- โบท็อกลดน่อง
- โบท็อกลดเหงื่อใต้วงแขน ฝ่ามือ ฝ่าเท้า
- โบท็อกกระชับรูขุมขน
ฉีดโบท็อก หน้าเรียวจริงไหม?
จริงๆ แล้วปัญหาหน้าใหญ่ หน้าบาน กรามเยอะ เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นจากโครงสร้างกระดูกขากรรไกรใหญ่ ไขมัน และกล้ามเนื้อ แต่อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่าหลักการทำงานของโบท็อกซ์นั้นจะออกฤทธิ์ต่อบริเวณที่เป็นกล้ามเนื้อที่มีความหดเกร็ง ให้มีขนาดเล็กลงได้ ดังนั้นการฉีดโบท็อกซ์หน้าเรียวจึงช่วยแก้ปัญหาสำหรับคนที่มีใบหน้า หรือกรามใหญ่ ที่เกิดขึ้นมาจากปัญหาของกล้ามเนื้อแน่น กล้ามเนื้อมีความแข็ง ซึ่งจะให้เห็นผลลัพธ์ได้ดีกว่า คนที่มีปัญหาหน้าใหญ่มาจากสาเหตุอื่นๆ โดยการฉีดโบท็อกซ์นอกจากจะช่วยให้กล้ามเนื้อกรามลดลงแล้ว ยังสามารถฉีดปรับรูปหน้าให้มีความ V–shape ดูเรียวได้รูปขึ้น หรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่าการฉีดโบท็อกลิฟกรอบหน้านั่นเอง
โบท็อก Botox ลิฟหน้าช่วยเรื่องอะไรบ้าง?
แม้ว่าการฉีดโบท็อกซ์กรามจะช่วยให้ใบหน้าเรียวเล็กลงได้แล้ว แต่แพทย์มักจะแนะนำให้คนไข้ฉีดโบท็อกซ์ลิฟหน้าเพิ่มด้วย เพื่อเป็นการช่วยเสริมผลลัพธ์ของการฉีดโบท็อกลดกราม เนื่องจากเมื่อกรามเริ่มยุบตัวเล็กลง ผิวหนังบริเวณกรอบหน้ามักจะหย่อนคล้อย การฉีดโบท็อกลิฟหน้าจึงเป็นการช่วยให้กรอบหน้าสวยสมบูรณ์ มีมิติมากยิ่งขึ้น นอกจากนั้นการฉีดโบท็อกลิฟหน้ายังช่วยยกผิวใต้คางและแก้มให้ดูกระชับขึ้นได้อีกด้วย
โบท็อกแต่ละยี่ห้อแตกต่างกันอย่างไร?
ในปัจจุบันมีโบท็อกผลิตออกมาสู่ท้องตลาดหลากหลายยี่ห้อ หลากหลายประเทศ ทำให้โบท็อกแต่ละตัวมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันบ้าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของกระบวนการผลิต ขนาดโมเลกุล และปริมาณ สิ่งเหล่านี้จะทำให้การทำงานและราคาของโบท็อกมีความแตกต่างกันนั้นเอง ซึ่งในประเทศไทยโบท็อกที่ได้รับความนิยมส่วนใหญ่ จะมาจากประเทศสหรัฐอเมริกา ประเทศเยอรมัน และประเทศเกาหลี
โบท็อกอเมริกา : Botox Allergan USA ถือว่าเป็นโบท็อกยี่ห้อแรก มีการผลิตและใช้จริงมากอย่างยาวนาน ซึ่งได้รับกาพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังมีงานวิจัยรองรับกว่า 4,000 งานวิจัย ทำให้ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายไปทั่วโลก เรียกได้ว่าเป็นโบท็อกซ์ที่มีประสิทธิภาพและมีความปลอดภัยมากที่สุด โดยมีข้อดีคือ มีโมเลกุลใหญ่ ทำให้เมื่อแพทย์ฉีดเข้าไปมีความแม่นยำ ตรงจุด ควบคุมการกระจายตัวได้ดี สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ภายใน 2-3 วัน และอยู่ได้นานถึง 6-8 เดือนเลยทีเดียว
โบท็อกเยอรมัน : Xeomin เป็นโบท็อกอีกหนึ่งตัวที่ค่อนข้างได้รับความนิยม โดยได้รับการพัฒนาคุณสมบัติให้มีความบริสุทธิ์สูง ทำให้ไม่กระตุ้นการต้าน toxin หรือไม่ทำให้ดื้อยา จึงเหมาะกับคนที่มีภาวะดื้อโบท็อก แต่ต้องเป็นเคสที่หยุดฉีดโบท็อกมาแล้วอย่างน้อย 2-3 ปี โดยผลลัพธ์ที่ได้จะมีความเป็นธรรมชาติ และสามารถคงอยู่ได้นาน 4-6 เดือน
โบท็อกเกาหลี : Neuronox , Botulax ถือว่าได้รับความนิยมในไทยมากเช่นกัน เนื่องจากกระแสความงามจากดารา ไอดอลชาวเกาหลีใต้ อีกทั้งโบท็อกเกาหลีมีราคาที่ค่อนข้างถูกกว่า แต่ก็มีประสิทธิภาพเช่นกัน แต่อาจจะเห็นผลลัพธ์ได้ช้า และสลายเร็วกว่าโบท็อกอเมริกา โดยสามารถเห็นผลลัพธ์ใน 4-5 วันหลังฉีด อยู่ได้นาน 3-4 เดือน
ทั้งนี้โบท็อกของเกาหลียังไม่มีงานวิจัยรับรอง ว่าในบางเคสอาจจะเกิด Side Effect ในระยาวได้หรือไม่ ซึ่งแตกต่างจากโบท็อกอเมริกา ที่มีการศึกษาทดลองมาอย่างยาวนานกว่า 50 ปี และมีงานวิจัยรองรับผลมากมาย และไม่กี่ปีมานี้ อย. ไทยยังได้เรียกคืน โบท็อกเกาหลี ยี่ห้อ Neuronox เนื่องจากพบว่ามีการปลอมแปลงข้อมูลผลวิเคราะห์ และสารที่ใช้ยังไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งอาจจะส่งผลต่อความปลอดภัยได้
เคล็ดลับหลังฉีดโบท็อก!
เพื่อให้โบท็อกซ์ที่ฉีดเข้าไปได้ประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น เรามีเคล็ดลับ หรือข้อแนะนำการปฏิบัติตัว หลังฉีดโบท็อกซ์มาแนะนำกันด้วย
- ขยับกล้ามเนื้อ : หลังฉีดโบท็อกเสร็จแล้ว พยายามขยับกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดบ่อยๆ โดยเฉพาะการฉีดโบท็อกลดกราม ควรพกหมากฝรั่งไว้เคี้ยว หรือกัดฟัน เพื่อเป็นการบริหารกล้ามเนื้อ และช่วยให้โบท็อกกระจายตัว ทำงานได้มากยิ่งขึ้น
- หลีกเลี่ยงการสัมผัส : หลังฉีดโบท็อก 6-8 ชั่วโมง งดนอนราบ จับ กด คลำ บีบ บริเวณที่ฉีดโบท็อกเข้าไป เพราะอาจจะทำให้โบท็อกเคลื่อนที่ไปยังบริเวณที่เราไม่ต้องการได้
- ใช้น้ำแข็งประคบ : ถ้าเกิดอาการบวมแดงหลังฉีด สามารถใช้น้ำแข็งประคบเพื่อเมื่อบรรเทาอาการลงได้ ซึ่งอาการบวมแดงนี้ไม่เป็นอันตราย และสามารถหายเองได้ภายใน 1-2 วัน
- หลีกเลี่ยงความร้อน : ภายในสัปดาห์แรก ควรงดอบซาวน่า เลเซอร์ เพราะความร้อนอาจจะทำให้กล้ามเนื้อหดขยายเสมือนการนวดและอาจจะทำให้โบท็อกซ์ไหลไปกล้ามเนื้อมัดอื่นได้
- เว้นระยะในการฉีด : หลังจากฉีดโบท็อกซ์ไปแล้วควรเว้นระยะในการกลับมาฉีดซ้ำ อย่างน้อย 3 เดือน เพราะอาจจะส่งผลให้เกิดความเสี่ยงในการดื้อโบท็อกได้
ฉีดโบท็อก ที่ไหนดี?
ในปัจจุบันมีคลินิกมากมายที่เปิดให้บริการฉีดโบท็อกซ์ หลายคนจึงมีคำถามว่าเราควรตัดสินใจเลือกฉีดโบท็อกซ์กับคลินิกไหนดีกว่ากัน วันนี้เรามีคำแนะนำมาเพื่อช่วยให้ตัดสินในได้ง่ายขึ้น ดังนี้
- เลือกคลินิกที่มีมาตรฐาน : มีความน่าเชื่อถือ ได้รับการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข สถานที่ภายในคลินิกมีความสะอาด ปลอดภัย มีอุปกรณ์ และเครื่องมือที่ทันสมัย สามารถช่วยเหลือหากเกิดกรณีฉุกเฉินได้ทันท่วงที นอกจากนั้นการบริการก่อน-หลังทำหัตถการก็มีส่วนสำคัญเป็นอย่างมาก
- ใช้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ : ผลิตภัณฑ์ที่นำมาฉีดโบท็อกซ์ให้คนไข้ต้องเป็นของแท้ 100% สามารถตรวจสอบได้
- แพทย์มีความเชี่ยวชาญ : แม้ว่าแพทย์ทุกคนจะสามารถฉีดยาได้ แต่กับการฉีดโบท็อกซ์ต้องอาศัยความชำนาญ ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับใบหน้าและชั้นผิวแต่ละชั้นเป็นอย่างมาก เพื่อให้แพทย์ประเมินปริมาณโบท็อกซ์ที่ใช้ได้อย่างเหมาะสม และสามารถฉีดแก้ไขปัญหาของคนไข้ได้อย่างตรงจุด มีความแม่นยำที่สุด
- มีรีวิวที่น่าเชื่อถือ : มีรีวิวจากผู้เข้ารับบริการจริง ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพ หรือวิดีโอ ที่สามารถช่วยให้เราตัดสินใจได้ง่ายขึ้น และควรมีช่องทางการติดต่อที่สะดวก รวดเร็ว สามารถสอบถาม ปรึกษาข้อสงสัยได้
รีวิวฉีดโบท็อก Botox
รีวิวฉีดโบท็อก Botox คุณ คริส – กฤตย์ ส่งสัมพันธ์ (นักแสดง)
APEX: ทำไมถึงอยากฉีดโบท็อกซ์ลดกราม
คุณคริส: เวลาที่ต้องออกล้อง มีความกังวลเกี่ยวกับใบหน้า เพราะรู้สึกว่าหน้าดูบวม หน้าใหญ่ กรอบหน้าไม่ชัด ยิ่งต้องถ่ายงานตลอดไม่มีเวลาพักฟื้น การฉีดโบท็อกซ์จึงเป็นวิธีที่ง่าย รวดเร็ว และเห็นผลลัพธ์ชัดเจนอีกด้วย
APEX: ทำไมถึงตัดสินใจมาฉีดโบท็อกซ์ลดกรามที่ APEX
คุณคริส: มีเพื่อนๆ พี่ๆ นักแสดงได้ให้คำแนะนำมาครับ คริสเลยตัดสินใจฉีดโบท็อกซ์กรามที่ APEX เพราะว่าที่นี้ใช้ตัวยาโบท็อกซ์ที่มีคุณภาพ น่าเชื่อถือของ Allergan จากอเมริกา และมีคุณหมอที่เป็นถึงระดับอาจารย์แพทย์ คริสเลยไว้ใจมาฉีดโบท็อกซ์กรามที่ APEX ครับ
APEX: ความรู้สึกหลังฉีดโบท็อกซ์ลดกรามกับ APEX
คุณคริส: คุณหมอมือเบามากครับ ไม่รู้สึกเจ็บเลย แล้วก็รวดเร็วมากด้วย ฉีดแค่ไม่กี่นาทีก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว แถมคุณหมอที่ APEX มีเทคนิคการฉีดพิเศษที่ไม่ใช่แค่ช่วยให้กรามเล็กลง แต่ยังช่วยให้ใบหน้าเรียว กรอบหน้าชัดขึ้นด้วย ผมชอบมากครับ
มาถึงตรงนี้คงตอบปัญหาคาใจของใครหลายคน เกี่ยวกับการฉีดโบท็อกซ์ได้มากขึ้น ถ้าใครยังมีข้อสงสัย สามารถสอบถามเพิ่มเติม หรือขอคำแนะนำกับ APEX ได้ตลอดเวลา เพราะเรามีทีมแพทย์ที่ค่อยช่วยแก้ปัญหาให้กับทุกท่าน ยิ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับการฉีด ไม่ว่าจะเป็นการฉีดโบท็อกซ์ หรือฟิลเลอร์ มั่นใจได้เลยเพราะ APEX เรียกได้ว่าเป็นอันดับ 1 ในเรื่องนี้
เนื่องจากเรามีอาจารย์แพทย์สายฉีดอย่าง หมอนัน – พญ.นันทภัทร์ สุภาพรรณชาติ ผู้บุกเบิกการใช้สารลดเลือนริ้วรอย (Botulinum Toxin A) หรือ โบท็อกซ์ (Botox) และสารเติมเต็ม (HA Filler) เป็นกลุ่มแรกของประเทศไทย จนทำให้ได้รับการจัดอันดับเป็นอันดับ1 ของเอเชียแปซิฟิคกับประสบการณ์การฉีดโบท็อกซ์มากที่สุดเป็นคนแรกของประเทศไทยถึง 8 ปีซ้อน และหมอเอก – นพ.เอกลักษณ์ ธรรมสุนทร อาจารย์แพทย์ผู้ฝึกสอนการฉีดโบท็อกซ์และฟิลเลอร์ให้กับแพทย์ในไทยและต่างชาติทั่วทั้งทวีปเอเชีย-ยุโรป
นอกจากนั้นเอเพ็กซ์ยังมี Training Center เป็นของตัวเอง ทำให้เรามีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมากมาย จนทำให้ APEX ได้รับรางวัลมาแล้วมากมาย อย่างเช่นรางวัล ‘Top Allergan Aesthetics Valued Customer in Total Porfolio 2020 (Facial Aesthetics & Body Contouring)’ เป็นรางวัลสูงสุดสำหรับคลินิคที่ใช้ผลิตภัณฑ์จากทาง Allergan มากที่สุด ที่เราได้รับรางวัลใหญ่นี้ถือว่าเป็นเครื่องการันตีได้ถึงความใส่ใจและมาตรฐานในการเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพดีที่สุด เพื่อผู้เข้ารับบริการทุกท่าน จนเราได้รับความไว้วางใจจากผู้เข้าใช้บริการมาโดยตลอด
