เคล็ดลับเด็ด! แก้ หน้าเหี่ยว แบบที่ครีมลดริ้วรอยก็ทำไม่ได้
เคยเป็นไหม? ซื้อครีมบำรุงผิวลดเลือนริ้วรอยราคาแพง ๆ มาใช้แต่ก็ไม่เห็นผล ปัญหาผิวหน้าไม่ว่าจะเป็นผิวเหี่ยวย่น หย่อนคล้อยก็ยังคงอยู่เหมือนเดิม แถมยิ่งอายุมากขึ้น ริ้วรอยก็มีแต่จะเพิ่ม และแก้ปัญหาให้หายไปยากมากยิ่งขึ้นไปอีกด้วย เนื่องจากปัญหาผิวนั้นเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ดังนั้นถ้าได้รับการดูแลแก้ไขปัญหาอย่างตรงจุด หรือได้รับการแก้จากต้นตอของปัญหาผิวอย่างแท้จริง ก็จะทำให้เห็นผลลัพธ์ที่ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ปัจจัยที่ทำให้ผิวหน้าเหี่ยว
แม้ว่าปัญหาผิวเหี่ยวย่น มีความหย่อนคล้อย ส่วนใหญ่จะมาพร้อมกับอายุที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้คอลลาเจนและอิลาสตินเริ่มเสื่อมสภาพ ส่งผลให้เกิดปัญหาผิวต่าง ๆ เหล่านี้ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในปัจจุบันมีอีกหลายหลายปัจจัยที่ทำให้มีปัญหาผิวหน้าก่อนวัยได้เร็วมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น
- มลลภาวะทางอากาศ ที่เราต้องเจอเป็นประจำทุกวันไม่ว่าจะเป็นฝุ่น ควัน จากท่อไอเสียต่าง ๆ รวมถึงรังสียูวีจากแสงแดด แสงสีฟ้าจากหน้าจอคอม หน้าจอมือถือก็มีส่วนที่ส่งผลให้ผิวหน้าของเราเสื่อมสภาพเร็วขึ้น ผิวเกิดความแห้งกร้าน ความยืดหยุ่นของผิวลดลง ซึ่งทำให้เกิดปัญหาริ้วรอยเหี่ยวย่น และความหย่อนคล้อยได้
- การรับประทานอาหาร แน่นนอนว่าอาหารที่เรารับประทานเข้าไปย่อมส่งต่อร่างกายทั้งภายในและภายนอกโดยตรง โดยเฉพาะอาหารประเภท Junk food อาหารประเภทแป้ง ไขมัน น้ำตาล ที่มีส่วนทำให้ผิวเหี่ยวย่นได้ง่ายขึ้น เนื่องจากอาหารเหล่านี้จะทำให้น้ำตาลในเลือดสูงขึ้น เซลล์ผิวเกิดการอักเสบ ส่งผลต่อคอลลาเจนและอิสลาเจนเสื่อมสภาพเร็วยิ่งขึ้น ดังนั้นควรลดอาหารจำพวกนี้และเพิ่มการทานอาหารประเภทต้านสารอนุมูลอิสระให้มากขึ้น นอกจากจะช่วยให้ผิวหน้าจะดีขึ้นแล้ว สุขภาพร่างกายยังแข็งแรงขึ้นด้วย
- ปาร์ตี้บ่อย ทั้งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่ รวมไปถึงการอดหลับอดนอน พักผ่อนไม่เป็นเวลา สิ่งเหล่านี้ส่งผลต่อสุขภาพกาย และสุขภาพผิวโดยตรง ยิ่งนานวันเข้าก็จะทำให้ผิวเสื่อมโทรมเร็วมากขึ้น
- ความเครียดสะสม นอกจากจะแสดงออกชัดผ่านทางสีหน้า ทำให้ใบหน้าดูบูดบึ่งขมวดคิ้วแล้ว ความเครียดยังทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล ตัวการที่ทำให้เกิดอนุมูลอิสระที่ไปทำลายเซลล์ผิว ซึ่งทั้งหมดนี้ส่งผลต่อผิวพรรณทำให้เกิดริ้วรอยได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
เคล็ดลับเด็ดแก้หน้าเหี่ยว
ส่วนเคล็ดลับที่เราจะนำมาแนะนำ เพื่อแก้ปัญหาผิว หน้าเหี่ยว หย่อนคล้อย อย่างได้ผลแบบที่ครีมลดริ้วรอยก็ทำไม่ได้ เนื่องจากครีมลดเลือนริ้วรอยต้องใช้อย่างต่อเนื่อง และใช้เวลานานกว่าจะเห็นผลลัพธ์ อีกทั้งบางตัวก็อาจจะช่วยแค่ชะลอให้ริ้วรอยเกิดขึ้นช้าลง แต่ไม่ได้ช่วยแก้ถึงต้นตอของปัญหาผิว ทำให้ริ้วรอยก็ยังคงอยู่เหมือนเดิม ซึ่งวิธีที่ถือว่าเป็นเคล็ดลับเด็ดในการช่วยก็ปัญหาผิวหน้าเหี่ยวย่น หย่อนคล้อย ก็คือ เทคโนโลยียกกระชับผิว Ulthera (อัลเทอร่า) นั่นเอง
หลาย ๆ คนที่กำลังกังวลใจเกี่ยวกับปัญหาผิวคงจะเคยได้ยินชื่อของ เทคโนโลยียกกระชับผิว Ulthera (อัลเทอร่า) กันมาบ้างแล้ว วันนี้เราจะพามารู้จักกับเทคโนโลยีตัวนี้ให้มากขึ้นว่าทำไมถึงสามารถช่วยแก้ปัญหาผิวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้แบบที่ใครได้ทำ ก็ต่างพึ่งพอใจในผลลัพธ์เป็นอย่างมาก
Ultherapy / Ulthera คืออะไร
Ulthera (อัลเทอร่า) เป็นเครื่องมือยกกระชับผิวได้โดยไม่ตัดผ่าตัด ช่วยลดความหย่อนคล้อย และฟื้นฟูสภาพผิว ผ่านเทคโนโลยีคลื่นเสียงความถี่สูงอัลตราซาวด์ชนิดเจาะจง (Focused Ultrasound) เป็นคลื่นชนิดเดียวกับที่ใช้ตรวจครรภ์ โดยสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อนจุดเล็ก ๆ จำนวนมากยิงลงตรงเข้าสู่ชั้นใต้ผิวหนังถึงระดับ SMAS ซึ่งเป็นชั้นกล้ามเนื้อที่แพทย์จะผ่าตัดดึงหน้า ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ของการทำอัลเทอร่ามีความใกล้เคียงกับการผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้าเลยทีเดียว แต่มีความปลอดภัยมากกว่า แถมไม่ต้องพักฟื้น และยังได้ความแม่นยำในการปล่อยพลังงานสู่ผิวอย่างตรงจุดอีกด้วย เนื่องจาก Ulthera เป็นเครื่องมือที่มีหน้าจอแสดงผลของชั้นผิวในระหว่างที่ทำ ซึ่งเป็นตัวช่วยให้แพทย์มองเห็นทุกปัญหาของผิวคนไข้ และวางแผนการรักษาได้แบบเฉพาะบุคคล โดยเป็นเทคนิคล่าสุดอย่าง Ulthera SPT ที่ถูกออกแบบมาให้ยกกระชับผิวและได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนที่สุดตอบโจทย์แบบรายบุคคล ประกอบไปด้วย 3 ขั้นตอน ดังนี้
S = SEE: แพทย์สามารถมองเห็นชั้นผิวขณะทำการรักษาผ่านหน้าจอแสดงผลชั้นผิวแบบ Real Time
P = PLAN: การวางแผนการใช้พลังงานในแต่ละชั้นผิวแบบรายบุคคลโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เนื่องจากปัญหาผิวของคนไข้แต่ละคนนั้นมีความแตกต่างกัน ดังนั้นจึงไม่สามารถใช้แผนการรักษาได้เหมือนกันทุกคน
T = TREAT: การรักษาที่มีความมั่นยำ เลือกหัวความลึกที่แตกต่างกัน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ ตอบโจทย์ความต้องการของคนไข้แต่ละคนมากที่สุด
หลักการทำงานของ Ulthera
หลักการทำงานของ Ultheraโดยหลักการทำงานของอัลเทอร่า เมื่อแพทย์ยิงเครื่องมือลงสู่ชั้นผิว พลังงานความร้อนจะเข้าไปกระตุ้นเซลล์ชั้นกล้ามเนื้อ ระดับ SMAS ทำให้เกิดการหดตัว และเกิดการสร้างคอลลาเจน อิลาสตินเพิ่มขึ้นมาใหม่ ส่งผลให้ผิวหน้าค่อย ๆ ยกกระชับ มีความเต่งตึงมากขึ้น พร้อมกับผิวที่เรียบเนียน ไร้ริ้วรอยแบบเป็นธรรมชาติ
ซึ่งจะเห็นว่าใบหน้ามีความยกกระชับมากขึ้น 10-15% หลังจากทำอัลเทอร่าเสร็จทันที และหลังจากนั้นอีกประมาณ 2 สัปดาห์จะเริ่มเห็นผลลัพธ์ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เนื่องจากมีการกระตุ้นคอลลาเจนและอิลาสตินใหม่เรื่อย ๆ จนสามารถเห็นผลลัพธ์ได้แบบเต็มประสิทธิภาพในช่วงเวลาประมาณ 2-3 เดือนหลังทำ ซึ่งจะเห็นผลต่อเนื่องไปนานถึง 1-2 ปีเลยทีเดียว แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองหลังทำอัลเทอร่าของแต่ละคนด้วย
ผลลัพธ์ที่ได้จากการทำ Ulthera
- ยกกระชับผิว ที่หย่อนคล้อย แก้มห้อย ปัญหาหางตาตก คิ้วตก มุมปากตก ให้ผิวยกขึ้นและมีความตึงกระชับมากขึ้น ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์เหมือนผิวเด็กได้อีกครั้ง
- ผิวเรียบเนียน ช่วยลดเลือนริ้วรอย และความเหี่ยวย่นของผิวบริเวณใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นรอบดวงตา หน้าผาก หรือลำคอ ให้ผิวกลับมาเรียบตึงได้อีกครั้ง
- ปรับรูปหน้า สำหรับคนที่กรอบหน้าไม่ชัด รูปหน้าไม่เท่ากัน ต้องการปรับรูปหน้าให้เรียวกระชับ มีมิติมากยิ่งขึ้น
- ปรับสภาพผิว เพิ่มคอลลาเจนให้กับผิว ผลลัพธ์ที่ได้ผิวจึงมีความแข็งแรง เรียบเนียน ดูสุขภาพดี
จริงอยู่ที่ปัญหาความเหี่ยวย่นและริ้วรอยต่างๆ เกิดจากหลายสาเหตุและต้องการการแก้ไขที่แตกต่างกัน ซึ่งการทำ Ulthera เปรียบเสมือนการปรับโครงสร้างของบ้านให้มั่นคงและมีรากฐานที่ดี หลังจากนั้นถ้าเราจะทาสีบ้านหรือสร้างต่อเติมอะไรเพิ่ม รากฐานที่มั่งคงนี้ก็จะทำให้ผลลัพธ์ออกมาสวย ดูดี อยู่ได้ยาวนาน ดังนั้นถ้าคุณมีปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อย มีริ้วรอยและดูมีอายุ สิ่งแรกที่ควรนึกถึงคือ Ulthera เลยค่ะ เรียกได้ว่า Ulthera เป็นเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของคนไข้ที่มีปัญหาผิวหน้า สามารถช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ได้อย่างเห็นผลในระยะเวลาอันรวดเร็วอีกด้วย ดังนั้นใครที่กำลังท้อกับการทาครีมบำรุงลดเลือนริ้วรอยเท่าไหร่แต่ก็ไม่เห็นผลลัพธ์สักที การทำอัลเทอร่าจึงถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่สามารถแก้ปัญหา หน้าเหี่ยว ให้เราได้แบบที่ไม่มีครีมลดริ้วรอยตัวไหนทำได้แน่นอน
