ฉีดฟิลเลอร์แล้ว จะไหลจริงรึเปล่า? หากฉีดฟิลเลอร์แล้ว ตกค้างในร่างกายต้องขูดออกอย่างเดียว? ฉีดฟิลเลอร์แล้ว เป็นอันตรายถึงชีวิตจริงไหม? กับร้อยแปดคำถามการฉีดฟิลเลอร์ จากเรื่องที่เราเห็น อ่าน ได้ยินมา หรือฟังเขาเล่าว่า, บอกต่อกันมา.. แล้วอะไรคือความจริง อะไรคือสิ่งที่เชื่อได้สำหรับการฉีดฟิลเลอร์ ไปดูคำตอบกันเลย
ต้องยอมรับว่าปัจจุบันความสวย ความหล่อ สามารถสร้างได้ด้วยฝีมือ แถมเรื่องการฉีด การเสริมต่างๆ ยังเป็นที่ยอมรับกันมากขึ้นในสังคมไทยจนดูเป็นเรื่องธรรมชาติไปแล้ว หากทำแล้วสวยขึ้น หล่อขึ้น ดูดีขึ้นก็ทำไปเถอะ การฉีดสารเพื่อความงามนอกจากการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ “ความเชี่ยวชาญของแพทย์”
ยิ่งการฉีด ฟิลเลอร์ (Filler) ยิ่งต้องใช้ความเชี่ยวชาญของแพทย์สูงมาก เพราะฟิลเลอร์เป็นสาร Hyaluronic Acid ซึ่งเป็นสารที่มีความคงตัวสูง มีคุณสมบัติในการดูดของเหลว การฉีดฟิลเลอร์จึงต้องฉีดให้ถูกชั้นผิวและใช้ในปริมาณที่เหมาะกับปัญหานั้นๆ จริงอยู่ที่ Hyaluronic ในฟิลเลอร์เป็นสารที่เรามีอยู่ในร่างกายอยู่แล้ว แต่ฟิลเลอร์จริงปลอดภัยไม่เสี่ยงต่อการแพ้และไม่เป็นอันตราย แต่การฉีดโดยไม่มีความชำนาญสามารถทำให้ปัญหาที่มีแย่ลงได้ เป็นก้อนและดูไม่เป็นธรรมชาติ ใบหน้าดูแข็งหรือผิดรูปได้
คุณหมอนัน – แพทย์หญิงนันทภัทร์ สุภาพรรณชาติ อาจารย์แพทย์ประจำเอเพ็กซ์ได้เล่าให้ฟังว่า “ในอดีตการฉีด ฟิลเลอร์ เพื่อสร้างความงามบนใบหน้า เรามักพบว่าทำไมฉีดแล้วไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงหรือไม่รู้สึกว่าสวยขึ้น เป็นเพราะเทคนิคการฉีดฟิลเลอร์เมื่อก่อนนั้น จะฉีดเน้นในบริเวณที่ต้องการแก้ไขหรือมีข้อบกพร่อง โดยไม่ได้มีการดูความงามของใบหน้าแบบภาพรวม ซึ่งหากจะฉีดหน้าด้วยฟิลเลอร์ให้สวยและปลอดภัยนั้นควรฉีดโดยการวิเคราะห์หน้าของคนไข้แบบองค์รวม ดูว่าแต่ละส่วนของใบหน้ามีอะไรที่ขาด ที่เกินอยู่บ้าง ไม่ใช่แค่ฉีดเพื่อถมในส่วนที่ขาดให้เต็ม”
ฉีดฟิลเลอร์แล้วฟิลเลอร์ไหล สาเหตุเกิดจากอะไร
หากพอได้ยินคำว่าฟิลเลอร์ไหล หลายคนคงคิดว่าเป็นเพราะความร้อนทำให้ฟิลเลอร์ที่เป็นก้อนอยู่ละลายและไหลลงมา หลังจากฉีดฟิลเลอร์ สาวๆ หลายคนจึงงดทำกับข้าว อยู่หน้าเตา เพราะกลัวฟิลเลอร์ละลายแล้วไหลลงมา แต่แท้จริงแล้วฟิลเลอร์ไหลมักเกิดจากการใช้ฟิลเลอร์ปลอมหรือสารฟิลเลอร์ชนิดอื่นๆ ที่ไม่ใช่สารไฮยาลูโรนิก
คำว่า ฟิลเลอร์ เป็นคำติดปากที่ใครๆ เรียกสารที่นำมาใช้เติมเต็ม เพราะฉะนั้นการไปฉีดฟิลเลอร์แต่ละครั้งควรถามให้แน่ใจก่อนว่าฟิลเลอร์ที่ใช้ฉีดยี่ห้ออะไร เป็นสารประเภทไหน ซึ่งฟิลเลอร์สามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ คือ
- ฟิลเลอร์แบบชั่วคราว (Temporary Filler) คือ สาร Hyaluronic Acid ซึ่งเป็นสารที่สังเคราะห์ขึ้นมาให้ใกล้เคียงกับที่มีอยู่แล้วในผิวหนัง ฟิลเลอร์ชนิดนี้เป็นฟิลเลอร์ที่นิยมอย่างแพร่หลายทั่วโลก เพราะไม่ทำให้เกิดการแพ้หรือแพ้น้อยมาก เมื่อฉีดเข้าบริเวณที่ต้องการแก้ไขแล้วจะคงอยู่ได้ประมาณ 12-24 เดือน แล้วแต่ชนิดของฟิลเลอร์ จัดว่าเป็นฟิลเลอร์ที่มีความปลอดภัยสูงและสลายได้เองตามธรรมชาติ
- ฟิลเลอร์แบบกึ่งถาวร (Semi-Permanent Filler) เช่น สาร Polymethyl-methacrylate, สาร Polyakylimide เป็นต้น เป็นสารที่สังเคราะห์ขึ้น แต่มีความเข้ากันได้กับเนื้อเยื่อ ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้หรือแพ้น้อย จะมีอายุยาวกว่าการฉีดฟิลเลอร์แบบชั่วคราว อาจอยู่ได้นาน 2 ปี หรือ 2 ปีขึ้นไป ขึ้นกับชนิดของฟิลเลอร์ที่เลือกใช้ มีความปลอดภัยในระดับปานกลางและสารที่ให้ผลยาวนานกว่ามีแนวโน้มจะเกิดผลข้างเคียงมากกว่า
- ฟิลเลอร์แบบถาวร (Permanent Filler) เช่น ซิลิโคนเหลวหรือน้ำมันพาราฟิน เป็นต้น จะให้ผลลัพธ์แบบถาวร แต่ไม่สามารถสลายออกเองได้การฉีดสารประเภทนี้ระบุผลข้างเคียงในระยะยาวไม่ได้อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่ร้ายแรง มีการอักเสบหรือถึงขั้นทำให้บริเวณที่ฉีดเปลี่ยนรูปไป จึงไม่แนะนำให้ฉีดสารชนิดนี้
ในบางเคสที่แพทย์ฉีดฟิลเลอร์ผิดชั้นผิวทำให้บริเวณนั้นดูบวม ดูห้อย ทำให้หลายคนคิดว่าเกิดจากที่ฟิลเลอร์ไหล
วิธีการเอาฟิลเลอร์ออก คือต้องขูดออก?
อย่างที่กล่าวข้างต้นว่า ฟิลเลอร์มีทั้งหมด 3 ชนิด ถ้าคนไข้ฉีดฟิลเลอร์ที่เป็นชนิดชั่วคราวแล้ว ไม่อยากรอให้ฟิลเลอร์สลายเองตามธรรมชาติสามารถฉีดสลายได้ ซึ่งการฉีดสลายใช้เวลาเพียง 5-10 นาทีเท่านั้นแถมยังปลอดภัยไม่มีผลค้างเคียงอีกด้วย แต่ถ้าคนไข้ฉีดฟิลเลอร์แบบกึ่งถาวรหรือแบบถาวร การเอาฟิลเลอร์ออกมีเพียงวิธีการขูดออกเท่านั้น เจ็บตัวและอาจเสี่ยงเสียโฉมได้นั่นเอง
ฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นอันตรายถึงชีวิตจริงหรือไม่
ฟิลเลอร์ที่ฉีดแล้วเป็นอัตรายถึงขั้นพิการหรือเสียชีวิต มักเกิดจาก 2 สาเหตุหลักด้วยกัน คือ ปัญหาจากผลิตภัณฑ์และปัญหาจากแพทย์ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญ
ปัญหาจากผลิตภัณฑ์ส่วนมากเกิดจากการใช้ของที่ไม่มีคุณภาพหรือการใช้ฟิลเลอร์ปลอม ซึ่งการดูว่าฟิลเลอร์ที่ใช้เป็นของจริงหรือของปลอมสามารถสังเกตง่ายๆ ได้ดังนี้
- บนกล่องต้องมีฉลากชื่อผู้นำเข้าถูกต้องเป็นภาษาไทยของจูวีเดิม (Juvéderm) จะพิมพ์ติดมากับตัวกล่อง
- หากเจอฟิลเลอร์ราคา 3-6 พัน ให้คิดไว้ก่อนเลยว่าเป็นฟิลเลอร์ปลอม เพราะราคาต้นทุนสูงมาก
- ผลิตภัณฑ์จะมีล็อตนัมเบอร์ ซึ่งสามารถเช็คกับทางบริษัท Allergan ได้โดยตรงหรือสอบถามบริษัทเลยว่าคลินิกนั้นๆ ใช้ของจริงรึเปล่า
- ชื่อเสียงของคลินิกและชื่อเสียงของแพทย์ 2 สิ่งนี้กว่าจะสร้างมาได้ไม่ใช่เวลาน้อยๆ ซึ่งสถานที่ที่มีชื่อเสียงมักไม่เสี่ยงใช้ของปลอมให้เสื่อมเสียชื่อเสียเด็ดขาด
ปัญหาจากแพทย์ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญ
หลายคนยังมีความเชื่อว่าขึ้นชื่อว่าแพทย์ต้องฉีดยาได้ทุกคนซึ่งเป็นความจริงเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่การฉีดฟิลเลอร์จะต้องใช้ความเชี่ยวชาญมากกว่าการฉีดยาแบบทั่วไปโดยแพทย์จะต้องรู้จักชั้นผิวแต่ละชั้นผิวที่ต้องฉีดเพื่อแก้ปัญหาแต่ละปัญหา รวมไปถึงบริเวณที่ “ห้ามฉีด” ซึ่งบริเวณที่ห้ามฉีดเหล่านี้อันตรายมาก หากผิดพลาดขึ้นมาอาจทำให้เกิดปัญหาตาบอดหรือเสียชีวิตได้เลย
การฉีดฟิลเลอร์เป็นอีกทางเลือกที่จะทำให้ดูเด็กลง เพราะต่อให้ยกกระชับหน้าแต่หากวอลลุ่มบนหน้าหายไป ผลลัพธ์อาจไม่ได้น่าพึงพอใจเท่าที่ต้องการ การฉีดฟิลเลอร์ไม่ได้อันตรายอย่างที่หลายคนคิด แต่การฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดีหรือไม่ดีต้องเลือกสถานที่ที่มีความน่าเชื่อถือ มีความปลอดภัยและแพทย์มีประสบการณ์ในการฉีดฟิลเลอร์ ไม่มัวแต่เปรียบเทียบราคาว่าที่ไหนถูกกว่ากันเพราะต่อให้ฟิลเลอร์ยี่ห้อเดียวกันแต่แพทย์คนละคนฉีดจะให้ผลลัพธ์ที่ไม่เหมือนกันอยู่ดี