เหนียงเยอะ หน้ากลมเรียกได้ว่าเป็นปัญหาอันดับต้น ๆ ของคนวัย 30+ เลยก็ว่าได้ สาเหตุก็มาจากไขมันที่มาสะสมบริเวณแก้ม กรอบหน้าและใต้คางเยอะขึ้นจนเกิดเป็นไขมันส่วนเกินนั่นเอง โดยเฉพาะคนที่ชอบรับประทานอาหารที่มีแคลลอรี่สูง ๆ เช่นอาหารจำพวกแป้ง น้ำตาล ไขมัน เป็นต้น ซึ่งไขมันสะสมบริเวณกรอบหน้าถือเป็นส่วนที่แก้ไขเองได้ค่อนข้างยาก เนื่องจากต้องใช้ระยะเวลาในการลดพอสมควร หลาย ๆ คนจึงถอดใจยอมแพ้ไปซะก่อน พยายามหาตัวช่วยที่สามารถช่วยลดเหนียง ทำให้กรอบหน้ากลับมาชัดขึ้น หน้าเรียวเล็ก ได้แบบเดิม ซึ่งในปัจจุบันนี้ก็มีด้วยกันหลายวิธี แต่วิธีที่หลาย ๆ คนมักนึกถึงกันบ่อย ๆ ก็คือการฉีดฟิลเลอร์กรอบหน้า กับ การฉีดเมโสแฟต ว่าแต่วิธีไหนจะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่ากันนะ เรามาหาคำตอบไปพร้อมกันในบทความนี้เลย
ฟิลเลอร์กรอบหน้า VS เมโสแฟต
ฟิลเลอร์ (Filler) ในปัจจุบันนิยมฉีดสารไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) หรือที่เรียกสั้นๆว่า HA ซึ่งเป็นสารที่สร้างขึ้นมาเลียนแบบ สารที่มีอยู่แล้วในร่างกาย ดังนั้นจึงเรียกได้ว่ามีความปลอดภัย ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายแน่นอน อีกทั้งฟิลเลอร์ยังสามารถสลายตัวเองได้หมด 100% ไม่ทิ้งสารตกค้างไว้อีกด้วย
โดยหลักการทำงานของฟิลเลอร์ เมื่อแพทย์ฉีดฟิลเลอร์เข้าไปในจุดที่ต้องแก้ไขใต้ชั้นผิวหนัง สารไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) จะช่วยให้เนื้อเยื่อบริเวณรอบ ๆ สามารถอุ้มน้ำได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ผิวดูเต็มขึ้น ดูอิ่มฟู มีความชุ่มชื้น หยืดหยุ่นมากขึ้น นอกจากนั้นยังช่วยปรับรูปหน้า และปรับสภาพให้เรียบเนียน ริ้วรอยจางลงได้อีกด้วย
ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์กรอบหน้า คือเทคนิคการฉีด HA เข้าไปบริเวณใบหน้าช่วงล่าง อย่างเช่นกราม แนวขากรรไกร และคาง เพื่อปรับกรอบหน้าให้มีความคมชัดมากยิ่งขึ้น หรือผสมผสานกับการฉีดฟิลเลอร์เทคนิคยกกระชับปรับรูปหน้าให้มีความสมดุล ได้สัดส่วน แก้ปัญหาแก้มห้อย ยกหน้าให้ดูกระชับขึ้นได้
เมโสแฟต (Mesofat) เป็นการฉีดตัวยาเฉพาะเข้าไปในชั้นไขมัน เพื่อเป็นการสลายไขมันส่วนเกิน ถือว่าเป็นวิธีการลดไขมันและลดเซลลูไลท์แบบเฉพาะจุดโดยไม่ต้องผ่าตัดอีกด้วย เพื่อให้ผิวบริเวณที่เราฉีดเข้าไปเกิดความกระชับ ได้รูปเล็กลงตามที่ต้องการ ซึ่งหลักการทำงานของการฉีดเมโสแฟตเพื่อสลายไขมัน คือเมื่อฉีดตัวยาเข้าไปแล้วไขมันเกิดการแตกตัว และสลายตัวลงในที่สุด จากนั้นไขมันจะถูกขับออกมาทางระบบขับถ่าย
ข้อดี-ข้อเสียของฟิลเลอร์กรอบหน้า VS เมโสแฟต
ข้อดีฟิลเลอร์กรอบหน้า
- เห็นผลลัพธ์กรอบหน้าชัดขึ้นได้ทันทีหลังฉีดฟิลเลอร์เสร็จ แถมยังไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
- หากยังไม่พอใจในผลลัพธ์สามารถฉีดเพิ่ม หรือฉีดสลายฟิลเลอร์เพื่อปรับแต่งแก้ไขรูปทรงได้ในทันที
- มีความปลอดภัยสูง ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย เพราะฟิลเลอร์ที่เป็นสารไฮยาลูรอนิค แอซิด สามารถสลายได้
ข้อเสียฟิลเลอร์กรอบหน้า
- ผลลัพธ์ไม่ถาวรสามารถคงอยู่ได้ประมาณ 8-24 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและชนิดของฟิลเลอร์ที่เลือกฉีด เทคนิคการฉีดฟิลเลอร์ของแพทย์ และการดูแลตัวหลังฉีดฟิลเลอร์ของคนไข้เองด้วย
- อาจมีอาการบวมแดงในบริเวณที่ฉีดได้ แต่อาการเหล่านี้จะหลายไปเองภายใน 1-2 วัน ไม่เป็นอันตรายต่อผิว
ข้อดีเมโสแฟต
- ช่วยสลายไขมันส่วนเกินลงได้ในเวลาค่อนข้างเร็วกว่ากายออกกำลังลดสัดส่วน ฉีดได้ทุกบริเวณที่มีไขมัน ส่วนใหญ่จะฉีดบริเวณแก้ม เพื่อให้ใบ หน้าเรียวเล็ก และบริเวณใต้คาง เพื่อลดเหนียง
ข้อเสียเมโสแฟต
- ไม่สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังฉีด ต้องรอประมาณ 1-2 สัปดาห์
- สำหรับคนไข้บางรายอาจจะเกิดอาการแพ้สารหรือตัวยาที่ฉีดเข้าไปได้ ซึ่งมีอาการได้ตั้งแต่ปวดบวม มีรอยช้ำ ไปจนถึงชั้นไขมันอักเสบได้
- ตัวยาที่ใช้ฉีดเมโสแฟต หลาย ๆ ตัวยังไม่ผ่านการรับรองจากอย.ในประเทศไทย อีกทั้งยังไม่มีวิจัยรองรับอีกด้วยว่าการฉีดเมโสแฟตสามารถช่วยลดหรือสลายไขมันได้ ดังนั้นจึงต้องตัดสินใจให้ดีก่อนเข้ารับบริการ เลือกคลินิกและแพทย์ที่มีความน่าเชื่อ เพื่อไม่ให้เกิดผลข้างเคียงตามมาหลังฉีด
ฟิลเลอร์กรอบหน้า VS เมโสแฟต อันไหนดีที่สุด?
จากที่ได้กล่าวไปด้านบน ทุกคนน่าจะรู้ถึงข้อดีและข้อเสียของการฉีดฟิลเลอร์กรอบหน้า และฉีดเมโสแฟตกันมากขึ้นแล้ว ซึ่งทั้งสองวิธีก็มีทั้งข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป แต่สามารถลดเหนียง และช่วยให้ใบหน้าดูเรียวขึ้นได้เหมือนกัน ดังนั้นจึงอยากแนะนำให้ทุกคนเลือกดูความปลอดภัยมาเป็นอันดับแรก โดยการฉีดฟิลเลอร์ประเภทไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) เรียกได้ว่าเป็นสารที่มีความปลอดภัยต่อร่ายกายสูง เพราะสามารถสลายได้เองหมดทั้ง 100% ซึ่งเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาใบหน้าดูอ้วนดูใหญ่เพราะความหย่อนคล้อย กรอบหน้าไม่คมชัด รวมไปถึงคนที่คางดูสั้น การฉีดฟิลเลอร์ยกกระชับและสร้างกรอบหน้าก็จะสามารถช่วยให้ใบหน้าดูเรียวขึ้นได้ แต่ถ้าหากปัญหาหน้าใหญ่ หน้าอ้วนเกิดจากไขมัน โดยสังเกตได้ง่าย ๆ ด้วยการใช้มือหยิบแก้ม ถ้ามีความหนาเยอะการฉีดเมโสแฟตเพื่อสลายไขมันก็จะเหมาะมากกว่า
ทั้งนี้ไม่ว่าจะทำหัตถการชนิดได้ก็ตาม การศึกษาข้อมูลมาเป็นอย่างดีถือว่ามีความสำคัญที่สุด โดยเราต้องเลือกคลินิกที่ให้บริการที่มีความน่าเชื่อ สามารถให้คำปรึกษาได้อย่างถูกต้อง ใส่ใจทั้งก่อนและหลังบริการ ยิ่งไปกว่านั้นแพทย์ต้องมีความเชี่ยวชาญทั้งในเรื่องของศาตร์และศิลป์ เพราะจะช่วยให้การฉีดปรับรูปหน้าของเราออกมาดูสวยเป็นธรรมชาติแลมีความปลอดภัยมากขึ้นอีกด้วย