วิธีลดพุง ด้วย 8 สุดยอดอาหาร กินยังไงก็ไม่มีอ้วน!

วิธีลดพุงพุง ไม่ว่าใครก็คงไม่อยากจะมี เพราะเมื่อมีพุงแล้ว ก็ทำให้หาเสื้อผ้าใส่ยาก หรือทำให้ดูบุคลิกภาพไม่ดี แต่ก็ต้องยอมรับว่าการลดพุงนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แม้ว่าจะมี วิธีลดพุง ออกมาหลากหลายวิธีก็ตาม แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะสามารถลดพุงได้อย่างที่คาดหวัง เพราะด้วยปัจจัยต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสุขภาพ ไลฟสไตล์การใช้ชีวิต หรือแม้แต่วินัยในการดูแลตัวเองของแต่ละคน ก็ทำให้ วิธีลดพุง บางวิธีไม่สัมฤทธิ์ผลในบางคน แต่อย่าเพิ่งท้อใจไปค่ะ ใครที่ออกกำลังกายลดพุงไม่ได้ หรือควบคุมอาหารแล้วไม่เห็นผล ลองหันมารับประทานอาหารเหล่านี้ที่เราหยิบมาแนะนำก็สามารถลดพุงได้เช่นกันค่ะ แต่จะมีอาหารอะไรบ้างที่ช่วยลดพุงได้ ลองมาดูกันเลยค่ะ

1. ถั่ว

ถั่วเป็นหนึ่งในอาหารที่อุดมด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมากมาย ซึ่งก็มีการศึกษาหนึ่งพบว่า การรับผประทานถั่วชนิดต่าง ๆ ในปริมาณที่เหมาะสมเป็นประจำจะสามารถช่วยลดไขมันในช่องท้องได้อีกด้วย เนื่องจากถั่วเป็นธัญพืชที่มีโปรตีนสูง ซึ่งโปรตีนจากถั่วนั้นมีส่วนช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญให้ทำงานได้ดีมากขึ้น และทำให้คุณอิ่มนานขึ้น จึงช่วยลดการรับประทานจุบจิบที่อาจยิ่งเพิ่มพุงได้ แต่ก็ต้องระวังเรื่องปริมาณในการรับประทานด้วยนะคะ เพราะถั่วบางชนิดก็มีแคลอรีค่อนข้างสูง หากรับประทานเยอะเกินไปก็อาจทำให้อ้วนได้เหมือนกัน

2. อะโวคาโด

อะโวคาโด เป็นผลไม้ที่ได้ครับความนิยมในกลุ่มคนที่รักสุขภาพ เพราะผลไม้ชนิดนี้อุดมไปด้วยไขมันไม่อิ่มตัวโมเลกุลเดี่ยว ซึ่งเป็นไขมันที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมาก ซึ่งถ้าหากรับประทานในปริมาณที่เหมาะสมเป็นประจำจะช่วยลดไขมันหน้าท้องได้อย่างมีประสิทธิภาพเลยล่ะ โดยในปัจจุบันอะโวคาโดก็หารับประทานง่าย แถมยังสามารถนำไปทำเมนูได้อย่างหลากหลายเลยล่ะค่ะ

3. ธัญพืชต่าง ๆ 

สำหรับคนที่ชอบรับประทานกลาโนลา ขอบอกค่ะว่าคุณมาถูกทางแล้ว เพราะล่าสุดมีการศึกษาจากมหาวิทยาลัยรัฐเพนซิลเวอเนีย ในประเทศสหรัฐอเมริกาพบว่าการรับประทานอาหารจำพวกธัญพืชชนิดต่าง ๆ สามารช่วยลดไขมันใหน้าท้องได้เนื่องจากธัญพืชนั้นมีปริมารณแมกนีเซียมสูง แถมยังมีแร่ธาตุที่ช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญของเราได้ ดังนั้นถ้าอยากพุงยุบแล้วล่ะก็ รับประทานธัญพืชชนิดต่าง ๆ นี่ล่ะค่ะช่วยได้ดีเลย

4. พริกหวานสีแดง

พริกหวานนั้นมีหลากหลายสี แต่ที่เราจะหยิบมาแนะนำก็คือ พริกหวานสีแดงค่ะ เพราะพริกหวานสีแดงนั้น มีสารไลโคปีน เบต้าแคโรทีน และวิตามินซีในปริมาณที่ค่อนข้างสูง ซึ่งสารทั้งสามชนิดนี้เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญต่อร่างกาย ช่วยป้องการการอักเสบในร่างกาย ในขณะเดียวกันก็สามารถช่วยในการลดไขมัน และช่วยกระตุ้นการเผาผลาญให้กับร่างกายอีกด้วย ใครที่อยากพุงยุบ ลองหาพริกหวานสีแดงมารับประทานดูนะคะ ช่วยได้ดีเลยล่ะค่ะ

5. น้ำมันคาโนลา

น้ำมันคาโนลาเป็นน้ำมันที่มีไขมันชนิดที่ดี โดยเฉพาะไขมันโอเมก้า 3 ซึ่งเป็นไขมันที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมากมาย โดยเฉพาะในเรื่องของการลดไขมันที่สะสมอยู่บริเวณหน้าท้อง เพราะไขมันโอเมก้า 3 นั้นมีฤทธิ์ในการช่วยลดระดับอินซูลินในร่างกาย อันเป็นสาเหตุของการสะสมของไขมันส่วนเกินในร่างกาย ไม่เพียงเท่านั้น ไขมันโอเมก้า 3 ยังดีต่อหัวใจ และระบบหลอดเลือดอีกด้วย ใครที่อยากมีสุขภาพที่ดีไปพร้อม ๆ กับการมีหน้าท้องที่แบนราบ ลองเปลี่ยนจากการใช้น้ำมันปาล์ม หรือน้ำมันถั่วเหลืองมาใช้น้ำมันคาโนลาในการปรุงอาหารดูนะคะ แล้วคุณจะเห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอนค่ะ

6. บรอกโคลี

บรอกโคลี เป็นหนึ่งในซูเปอร์ฟู้ดที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เนื่องจากมีไฟเบอร์สูง และมีสารเบต้าแคโรทีน ที่ช่วยในการสลายไขมันในช่องท้อง ขณะเดียวกัน วิตามินซี และวิตามินเค ในบรอกโคลีซึ่งมีส่วนช่วยกระตุ้นการเผาผลาญไขมันในร่างกายอีกด้วย ดังนั้นการรับประทานบรอกโคลีนั้นสามารถช่วยลดพุงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะเดียวกันก็ช่วยให้คุณอิ่มนาน และไม่รับประทานจุบจิบให้กลับมาอ้วนอีกด้วยล่ะค่ะ

7. ไข่ขาว

ไข่เป็นอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมาก โดยเฉพาะไข่ขาว ซึ่งเป็นอาหารที่คนมักนิยมนำมารับประทานเพื่อลดน้ำหนัก เนื่องจากมีโปรตีนสูง ไขมันต่ำ ซึ่งสามารถช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญให้ทำงานได้มากขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ไข่ขาวยังไม่มีคอเลสเตอรอลอีกด้วย รับประทานมากแค่ไหนก็ไม่ต้องกลัวว่าจะอ้วน หรือมีปัญหาเรื่องคอเลสเตอรอลสูงเลยล่ะค่ะ

8. แฟลกซ์ซีด

เมล็ดแฟลกซ์เป็นอีกหนึ่งซูเปอร์ฟู้ดที่ดีกับร่างกายมาก ๆ เพราะในธัญพืชชนิดนี้มีไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำอยู่ในปริมาณที่สูง โดยไฟเบอร์ชนิดนี้มีคุณสมบัติในการดักจับไขมันในร่างกาย และขับออกจากร่างกายในรูปแบบของเสีย จึงเหมาะสำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนัก ไม่เพียงเท่านั้น เพราะในแฟลกซ์ซีดยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยในการกระตุ้นระบบเผาผลาญในร่างกาย เรียกได้ว่ากำจัดไขมันในร่างกายได้ทีเดียว 2 ต่อเลยล่ะค่ะ 

และนี่คือ 8 อาหารที่เราคัดมาเน้น ๆ แล้วว่าสามารถช่วยสลายพุงได้ ใครที่อยากจะมีรูปร่างที่ดีก็อย่ารอช้า รีบหามารับประทานกันแบบด่วน ๆ เลยค่ะ แต่ก็อย่าลืมนะคะว่าการรับประทานอาหารนั้นต้องเลือกรับประทานให้เหมาะสม และได้สารอาหารที่ครบถ้วน อย่าหักโหมรับประทานอาหารเพียงบางอย่าง หรือจำกัดอาหารจนน้อยเกินกว่าที่ร่างกายต้องการไม่อย่างนั้น นอกจากพุงจะไม่ยุบแล้ว อาจยิ่งทำให้ร่างกายพังไปยิ่งกว่าเดิมได้ค่ะ

และถ้าหากคุณเป็นคนหนึ่งที่อยากมีรูปร่างที่ดี แต่ไม่อยากรอให้การรับประทานอาหารส่งผลต่อรูปร่างของคุณ ปัจจุบันก็ยังมีวิธีลดพุงอีกมากมายหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการดูดไขมัน ซึ่งเป็นการผ่าตัด และต้องใช้เวลาพักฟื้นนาน หรือจะเป็นการทำทรีตเมนต์แบบต่าง ๆ ซึ่งก็มีออกมาหลากหลายเทคโนโลยี แต่ถ้าจะพูดถึงวิธีที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ก็ต้องยกให้เทคโนโลยีการสลายไขมันด้วยความเย็นอย่าง CoolSculpting ที่มีคนจำนวนไม่น้อยที่สามารถมีรูปร่างที่ดีขึ้นได้จากการทำทรีตเมนต์นี้ค่ะ 

CoolSculpting เทคโนโลยีที่ทำให้สัดส่วนดูดีขึ้น แขนเล็กลง หรือหาใครที่กังวลเรื่องเหนียง คางสองชั้น ก็สามารถจัดการได้ CoolSculpting  เป็นเทคโนโลยีสลายไขมันด้วยความเย็น โดยใช้อุณหภูมิเย็นจัด ที่ -11 ถึง -13 องศา ผ่านผิวหนังไปแช่แข็งไขมัน เพื่อกำจัดเซลล์ไขมันในร่างกาย โดยการสลายไขมันด้วยวิธีนี้ เป็นวิธีที่ได้รับการรับรองจากสถาบันระดับโลกมากมายว่าสามารถทำลายเซลล์ไขมันบริเวณที่ทำได้จริง โดยในการกำจัดไขมันด้วยวิธีนี้ จะสามารถช่วยให้คุณเห็นความเปลี่ยนแปลงได้ตั้งแต่การทำในครั้งแรก เพราะในการทำแต่ละครั้งจะสามารถกำจัดเซลล์ไขมันบริเวณที่ทำได้ 20 – 30% โดยความเย็นจะเข้าไปทำให้เซลล์ไขมันบริเวณที่ทำตายลง จากนั้นร่างกายของเราก็จะกำจัดซากของเซลล์ไขมันผ่านระบบขับถ่ายของเสีย และจะเห็นผลได้อย่างชัดเจนมากขึ้นหลังจากทำไปแล้ว 2 – 3 เดือน ขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละคน แถมยังสามารถกลับมาทำซ้ำได้หลังจากทำครั้งแรกไปแล้ว 2 สัปดาห์ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์จากการลดไขมันเลยล่ะค่ะ 

CoolSculpting ทำส่วนไหนได้บ้าง ?

CoolSculpting เป็นการกำจัดไขมันด้วยความเย็นที่ปลอดภัย และออกแบบมาให้สามารถทำได้หลายส่วนของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น ตั้งแต่พื้นที่เล็ก ๆ อย่างบริเวณใต้คาง ปีกเล็ก ๆ ที่ขอบชุดชั้นใน เหนือหัวเข่า จนไปถึงพื้นที่ใหญ่ ๆ อย่างปีกข้างขา สะโพก เอว หน้าท้อง ซึ่งในปัจจุบันได้มีการพัฒนา Applicator ออกมาหลากหลายชนิดเพื่อให้เหมาะกับการทำในแต่ละบริเวณ ดังนั้นหากคุณมั่นใจว่าไขมันส่วนเกินในบริเวณที่คุณกังวลสามารถหนีบได้ก็สามารถทำได้ค่ะ แต่ถ้าคุณไม่แน่ใจก็สามารถให้ผู้เชี่ยวชาญอย่าง CoolSculpting Specialist ช่วยประเมินรูปร่างในเบื้องต้นได้ค่ะ

CoolSculpting อ้วนมาก ๆ ทำได้ไหม

CoolSculpting เป็นเทคโนโลยีที่สามารถกำจัดไขมันชั้นนอก หรือไขมันใต้ชั้นผิวหนังได้เป็นอย่างมีประสิทธิภาพ โดยในจุดที่สามารถทำได้ จะช่วยกำจัดไขมันออกไปได้ถึง 20-30% แต่ในรายที่อ้วนมาก ๆ หรือมีภาวะไขมันในช่องท้องหรือไขมันแทรกตามอวัยวะ อาจต้องใช้การออกกำลังกาย หรือเพิ่มการเผาผลาญพลังงานในการลดไขมัน ทั้งนี้หากไม่แน่ใจว่าตัวเองมีไขมันในร่างกายแบบใด ก็สามารถเข้ารับคำปรึกษา และรับคำแนะนำจาก CoolSculpting Specialist ได้ที่เอเพ็กซ์ทุกสาขาค่ะ

ทำ CoolSculpting เจ็บไหม?

CoolSculpting เป็นการกำจัดไขมันที่มีความปลอดภัยสูง ไม่ต้องผ่าตัด และไม่มีบาดแผล จึงทำให้ไม่มีอาการเจ็บ แต่ในช่วง 5 นาทีแรกของกระบวนอาจรู้สึกไม่สบายผิวเล็กน้อย เนื่องจากความแน่นของหัวเครื่องมือที่ค่อย ๆ ดูดบริเวณผิว หลังจากนั้นจะรู้สึกชาไปตลอดกระบวนการทำ โดยหลังจากทำแล้วอาจมีรอยช้ำเล็กน้อยหลังจากถอดเครื่องมือเท่านั้น ซึ่งใช้เวลาเพียง 1 – 2 ชั่วโมงก็จะหายไป นกอกจากนี้ยังไม่ต้องพักฟื้นเหมือนการกำจัดไขมันเหมือนวิธีอื่น ๆ อีกด้วยค่ะ

ข้อดีของการทำ Coolsculpting

  • มีผลการรับรองจากสถาบันระดับโลกในเรื่องความปลอดภัย
  • เห็นผลความเปลี่ยนแปลงได้จริงตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ
  • ใช้เวลาทำไม่นาน เพียง 35 – 75 นาที ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ทำ
  • ไม่ส่งผลกระทบต่อส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย 
  • ไม่ใช่การผ่าตัด จึงไม่มีบาดแผล และไม่ต้องพักฟื้น
  • สามารถกลับมาทำซ้ำได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์

ใครทำ CoolSculpting ได้บ้าง ?

CoolSculpting เป็นเทคโนโลยีที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันสะสม หรือมีความต้องการลดสัดส่วนเฉพาะส่วน โดยเฉพาะคนที่มีปัญหาเรื่องไขมันดื้อ ซึ่งเป็นไขมันที่กำจัดออกได้ยาก หรือจะเป็นคุณแม่ที่เพิ่งผ่านการคลอดบุตรและต้องการรูปร่างที่ดีกลับคืนมาโดยไม่ต้องออกกำลังกายหนัก ๆ หรือควบคุมอาหาร โดยคนที่สามารถทำ CoolSculpting ได้จะต้องมีปริมาณไขมันส่วนเกินที่มากพอที่เครื่องจะสามารถหนีบได้ เพราะหากมีไขมันส่วนเกินที่น้อยเกินไปอาจทำให้เครื่องไม่สามารถดูดได้ และเสี่ยงต่อการที่หัว Applicator จะหลุดระหว่างทำได้ ไม่เพียงเท่านั้น ผู้เข้ารับบริการจะต้องไม่มีปัญหาเรื่องการแพ้ความเย็นอย่างรุนแรง เนื่องจากความเย็นที่ใช้ในการสลายไขมันนั้นมีความเย็นต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง หากเป็นผู้ที่มีอาการแพ้ความเย็นอย่างรุนแรงก็อาจทำให้เป็นอันตรายได้ค่ะ 

อย่างไรก็ตาม การสลายไขมันด้วยความเย็นวิธีนี้ ไม่ใช่แค่เห็นความเป็นเทคโนโลยีที่เหมือนกันก็สามารถทำได้ เนื่องจากในปัจจุบันมีการผลิตเครื่องลอกเลียนแบบ หรือเครื่องที่มีเทคโนโลยีคล้ายกันออกมาอย่างมากมาย ซึ่งอาจให้ผลลัพธ์ที่ไม่ดี หรือทำให้เสี่ยงต้องอาการไม่พึงประสงค์ได้ ซึ่งถ้าอยากให้การสลายไขมันด้วยความเย็นได้ประสิทธิภาพที่ดีเยี่ยมก็ต้องเป็น CoolSculpting ของแท้ เพราะ CoolSculpting คือต้นตำรับด้านการกำจัดไขมันด้วยความเย็น และเป็นเทคโนโลยีของแท้ที่พัฒนาขึ้นจากงานวิจัยที่มีการรับรองอย่างถูกต้อง อีกทั้งถ้าหากเครื่องแท้ก็จะสามารถกำจัดไขมันส่วนเกินออกจากร่างกายได้โดยไม่มีผลข้างเคียง และไม่ต้องเสี่ยงกับการได้รับผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายต่อผิว เช่น อาการเบิร์นเย็น หรือได้ผลลัพธ์ที่ไม่น่าพึงพอใจ อีกด้วยล่ะค่ะ

ดังนั้นถ้าคิดจะใช้วิธีลดพุงด้วย เทคโนโลยีสลายไขมันด้วยความเย็น CoolSculpting แล้วล่ะก็ ควรศึกษาว่าสถานที่ที่ไปทำใช้เทคโนโลยี CoolSculpting ในการ กำจัดไขมันด้วยความเย็น หรือไม่ และมีประสบการณ์ในการทำมากแค่ไหน จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจทีหลังค่ะ

แต่ถ้าไม่อยากเสียเวลาหาข้อมูลหรือไม่อยากเสี่ยงกับการกำจัดไขมันความเย็นเครื่องเลียนแบบล่ะก็ ที่ APEX เราเป็นผู้นำด้านการทำ CoolSculpting เพราะเราเป็นอันดับหนึ่งในเอเชียที่มีเคสการทำ CoolSculpting สูงสุด พร้อมด้วยทีม CoolSculpting Specialist ที่สามารถให้คำปรึกษาและช่วยปรับเปลี่ยนรูปร่างให้คุณด้วย CoolSculpting ช่วยให้คุณกลับมามั่นใจในรูปร่างได้อีกครั้งอย่างปลอดภัยค่ะ

 

ปรึกษา และสอบถามเพิ่มเติม โทร. 063-310-8000
FB inbox : click http://m.me/apexprofoundbeauty
Line : http://line.me/ti/p/@apexcallcenter

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

Apex Profound Beauty

  • Bangkok : 066-3310-8000
  • Korat : 0888-7000-43
  • Phuket : 088-000-2100
  • Pattaya: 087-096-1234