3 เคล็ดลับ สลายไขมันส่วนเกินด้วยการ กินไขมัน !

กินไขมันทุกวันนี้น่าจะพอทราบกันบ้างแล้ว ว่าแท้จริง “ไขมัน” ไม่ได้มีบทบาทเป็นเพียงตัวร้ายสำหรับร่างกายเสมอไป เพราะไขมันมีทั้งชนิดไม่ดี และชนิดที่มีประโยชน์ เนื่องจากไขมันจากอาหารบางชนิดมีส่วนช่วยฟื้นฟูส่งเสริมสุขภาพเมื่อกินเข้าไป มิหนำซ้ำยังสามารถลดไขมันไม่ดีที่สะสมในร่างกายเราได้อีกด้วย เช่นวิธีควบคุมอาหารซึ่งกำลังแพร่หลายในปัจจุบันอย่างคีโตเจนิค (Ketogenic Diet) ที่เน้น กินไขมัน ดีโดยเฉพาะ ทว่าหลาย ๆ คนคงไม่สะดวก หรือไม่อยากควบคุมอาหารขนาดนั้น ซึ่งไม่ต้องหนักใจไปค่ะ ขอแค่รู้ว่าควรเลือกกินหรือเลี่ยงไขมันแบบไหน เพียงเท่านี้สุขภาพแข็งแรงก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว

ไขมันดี และไขมันไม่ดี คืออะไร ?

ไขมันดี (High Density Lipoprotein)

ไขมันดี คือไขมันที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูง เต็มไปด้วยกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย ทั้งยังมีส่วนช่วยลดคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี และช่วยเพิ่มคอเลสเตอรอลชนิดที่ดี ซึ่งสามารถช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจ โรคหลอดเลือด และโรคอื่น ๆ ที่มีไขมันเป็นสาเหตุค่ะ

ไขมันไม่ดี (Low Density Lipoprotein)

ไขมันที่มีกรดไขมันอิ่มตัวสูง และเป็นต้นตอของโรคต่าง ๆ ภายในร่างกายของเราค่ะ เพราะไขมันชนิดนี้มักจะไปสะสมตามอวัยวะต่าง ๆ ซึ่งมักพบได้ในเนื้อสัตว์ ไขมันจากสัตว์หรือไขมันจากพืชบางชนิด ไขมันจากนม เนย และชีส เป็นต้นค่ะ

โดยไขมันมีความจำเป็นอย่างมากต่อร่างกายคนเราค่ะ ด้วยเซลล์ทุกเซลล์มีไขมันเป็นส่วนประกอบ ทั้งจำเป็นต้องใช้ในการดูดซึมวิตามินเอ วิตามินดี วิตามินอี และวิตามินเคนั่นเอง นอกจากนี้ยังช่วยในการสร้างฮอร์โมนบางชนิด เป็นตัวช่วยในการห่อหุ้มอวัยวะและกระดูก ช่วยให้ผิวพรรณมีความชุ่มชื้น รวมถึงมอบพลังงานแก่ร่างกาย ซึ่งในแต่ละวันร่างกายของเราต้องการไขมัน 20-35% ของพลังงานทั้งหมดที่ควรได้รับต่อวันค่ะ ซึ่งร่างกายสร้างไขมันบางชนิดเองไม่ได้ จึงต้องได้รับจากการกินอาหารเท่านั้น

ไขมันอิ่มตัวจะพบมากในไขมันสัตว์ นม เนย ชีส น้ำมันมะพร้าว น้ำมันปาล์ม หรือกะทิ ส่วนไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวจะพบมากในน้ำมันมะกอก ถั่วลิสง อะโวคาโด และอัลมอนด์ค่ะ ขณะที่ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อนจะอยู่ในน้ำมันถั่วเหลืองหรือน้ำมันรำข้าว สุดท้ายไขมันทรานส์ที่มักเป็นอันตรายต่อร่างกายหากกินมากจนเกินไปจะพบได้มากในอาหาร และเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของเนยเทียม เนยขาว และครีมเทียมนั่นเองค่ะ

1. ไม่กินอาหารที่มีส่วนผสมของไขมันทรานส์

ไขมันชนิดนี้มักจะชอบไปสะสมตามอวัยวะต่าง ๆ ภายในร่างกาย ซึ่งหากสะสมมากเข้าอาจก่อให้เกิดโรคร้ายต่าง ๆ ตามมาค่ะ ดังนั้นคุณควรเลือกหลีกเลี่ยง หรือกินในปริมาณที่เหมาะสมไว้ก่อนเป็นดี แต่ไขมันทรานส์ก็มักพบในของอร่อยชนิดต่าง ๆ เช่น ขนมอบ เบเกอรี่ที่มักใช้ส่วนผสมจากมาการีน เนยขาว เนยเทียม ชีส หรือวิปปิ้งครีม เครื่องดื่มชงสำเร็จรูปที่มีครีมเทียม นมข้นหวาน นมข้นจืด และอาหารทอดซ้ำ เพราะไขมันทรานส์นั้นเกิดจากไขมันที่เปลี่ยนจากของเหลวเป็นของแข็งโดยการเติมไฮโดรเจนลงไปค่ะ เมื่อกินเข้าไปจะทำให้ปริมาณไขมันไม่ดีสูงขึ้น และทำให้ระดับไขมันดีต่ำลง จึงเป็นการเพิ่มความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมองได้นั่นเอง

2. เลือกกินไขมันชนิดไม่อิ่มตัว

ลองเลือกใช้น้ำมันมะกอกหรือน้ำมันรำข้าวประกอบอาหาร แทนที่จะเป็นน้ำมันที่มีไขมันอิ่มตัวอย่างน้ำมันปาล์มหรือเนยดูค่ะ แน่นอนว่าไขมันไม่อิ่มตัวทั้งดีต่อสุขภาพ และสามารถเข้าไปช่วยลดปริมาณไขมันไม่ดีในร่างกายได้ ที่สำคัญยังลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคอีกหลายชนิดด้วย นอกจากนี้ควรเลือกกินไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวจนติดเป็นนิสัย โดยจะมีมากในน้ำมันงา น้ำมันดอกคำฝอย อะโวคาโด ปลาทะเล และเมล็ดธัญพืชชนิดต่าง ๆ ค่ะ

3. จำกัดปริมาณการ กินไขมัน อิ่มตัว

แน่นอนว่าไม่ว่าจะกินอะไรเข้าสู่ร่างกาย การกินในบริมาณที่พอเหมาะเป็นพื้นฐานสำคัญค่ะ โดยเฉพาะกับไขมันอิ่มตัว ซึ่งไม่ควรให้เกินวันละ 15 กรัม

นอกจากเปลี่ยนวิถีการกินแล้ว การปรับพฤติกรรมด้านอื่น ๆ ก็จำเป็นไม่แพ้กันค่ะ เช่น การออกกำลังกายควบคู่อย่างสม่ำเสมอ หรือการดูแลระบบย่อยอาหาร ทั้งนี้อย่าหลงกลโฆษณาชวนเชื่อเรื่องอาหารไขมันต่ำมากจนเกินไปค่ะ เพราะบางครั้งแม้ระบุว่าไขมันต่ำ แต่ไม่ได้รับรองว่าแคลอรี่จะต่ำไปด้วย เพราะในอาหารชนิดนั้นอาจมีทั้งส่วนประกอบของน้ำตาล สารเพิ่มความเหนียว และสารปรุงแต่งอื่น ๆ อีกเพียบ กลับกลายเป็นปริมาณแคลอรี่สูงกว่าอาหารธรรมดาไปเสียอีก ฉะนั้นก่อนเลือกซื้อหามากิน อย่าลืมพิจารณาข้อมูลบนบรรจุภัณฑ์กันดี ๆ นะคะ

เลือก กินไขมัน ไม่ไหว ต้องทำอย่างไร?

แต่ถ้าคุณทำใจละทิ้งของโปรดของอร่อยที่ชอบไม่ได้ หรืออยากหาวิธีลดสัดส่วนอย่างปลอดภัยควบคู่กับการเลือกทานอาหาร แต่ขี้เกียจออกกำลังกาย ฉะนั้นวิธีสลายไขมันด้วยความเย็น หรือ CoolSculpting Elite อาจเป็นตัวเลือกที่คุณกำลังมองหาค่ะ เพราะการสลายไขมันด้วยวิธีนี้ไม่ต้องเสี่ยงเจ็บตัวจากการผ่าตัด จึงปราศจากผลข้างเคียง และไม่จำเป็นต้องเสียเวลาพักฟื้น นอกจากนี้ในการทำแต่ละครั้งยังใช้เวลาแค่ 35-45 นาทีเท่านั้น ที่สำคัญ CoolSculpting Elite ยังเป็นนวัตกรรมที่ช่วยให้คุณเลือกสลายไขมันเฉพาะจุดตามร่างกายได้อย่างหลากหลายอีกด้วย

โดยการทำหนึ่งครั้งสามารถช่วยกำจัดไขมันส่วนเกินในบริเวณนั้นได้มากถึง 20-30% ซึ่ง CoolSculpting Elite จะเป็นการใช้ความเย็นที่อุณหภูมิ -11 ถึง -13 องศาเซลเซียสเข้าสลายไขมันเฉพาะจุดที่คุณต้องการ ไม่ว่าจะเป็นต้นแขน ต้นขา หน้าท้อง ปีกหลัง ใต้คางหรือส่วนอื่น ๆ หลังจากนั้นเซลล์ไขมันที่ถูกทำให้ตายลงจะถูกกลไกตามธรรมชาติของร่างกายขจัดออก ซึ่งใช้เวลาราว 1-3 เดือนในการเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน ซึ่งระหว่างนี้คุณไม่จำเป็นต้องออกกำลังกายเลยก็ได้ค่ะ ทว่าหลังทำหากคุณออกกำลังกายหรือควบคุมอาหารร่วมด้วยจะยิ่งเสริมให้ผลลัพธ์ดียิ่งขึ้น ที่สำคัญต่อให้หุ่นคุณกลับมาเผละอีกครั้ง บริเวณที่ผ่านการทำ CoolSculpting Elite จะไม่กลับมาย้วยหรืออ้วนเท่าเดิม เนื่องจากเซลล์ไขมันบริเวณนั้น ๆ โดนกำจัดออกไปแล้วนั่นเอง

ถ้าไขมันส่วนเกินทำให้คุณขาดความมั่นใจ และอยากกลับไปมีรูปร่างที่กระชับได้สัดส่วนอีกครั้ง โดยไม่ต้องคร่ำเคร่งกับการออกกำลังกายหรือควบคุมอาหาร ที่ APEX มีเทคโนโลยี CoolSculpting Elite พร้อมทีมงานผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านการสลายไขมันด้วยความเย็นพร้อมให้คำปรึกษาและบริการอย่างมืออาชีพ เพื่อให้คุณได้มีสัดส่วนดูดีอย่างที่ต้องการค่ะ

ปรึกษา และสอบถามเพิ่มเติม โทร. 063-310-8000
FB inbox : click http://m.me/apexprofoundbeauty
Line : http://line.me/ti/p/%40apexwomen