ปัจจุบันสาวๆที่รู้สึกว่ารูปร่างของตัวเองนั้นไม่เป็นที่น่าพอใจสักเท่าไรเริ่มมองหารูปแบบการลดน้ำหนักที่เห็นผลและยังไม่ทำให้รู้สึกท้อในการ ลดน้ำหนัก อีกด้วย เนื่องจากการตอบสนองต่อการลดความอ้วนของแต่ล่ะคนนั้นไม่เหมือนกัน ซึ่งในตอนนี้การลดน้ำหนักด้วยวิธี IF หรือ Intermittent Fasting ที่สามารถทำได้ทุกวันที่ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันโรคให้กับร่างกายและยังลดโรคได้นั้นเป็นอย่างไร วันนี้เราได้รวบรวมข้อมูลของ IF มาฝากทุกคนกันค่ะ
IF คืออะไร
IF หรือ Intermittent Fasting คือวิธีการ ลดน้ำหนัก แบบจำกัดช่วงเวลาในการรับประทาน โดยผู้ริเริ่มคือ Dr.Joseph Mercda ซึ่งใครที่กำลังสนใจวิธีนี้อยู่นั้นจะต้องทราบว่า การทำ IF นั้นจะมีช่วงเวลาที่ถูกแบ่งออกเป็น 2 ช่วงคือ
- ช่วงอด ( Fasting )
- ช่วงกิน ( Feeding )
และยังมีเงื่อนไขที่สำคัญมากอยู่ 3 ข้อที่จะต้องทำเป็นกิจวัตรประจำวันคือ
- ต้องงดอาหาร 1 มื้อในแต่ละวัน หรือทานให้ครบ 3 มื้อภายในช่วงเวลาเท่านั้น
- หลีกเลี่ยงการทางอาหารในช่วงเวลาดึก
- ทานอาหารได้ตามปกติในช่วงเวลาที่ไดเอต
ซึ่งการทำงานของ IF คือการเผาผลาญไขมันภายในร่างกาย โดยเมื่อเราอยู่ในช่วงอดอาหารนั้น อินซูลินในร่างกายจะลดลงและ Growth Hormone จะสูงขึ้น และจะดึงไขมันสะสมในร่างกายออกมาใช้
พอกล่าวถึงตรงนี้แล้ว ใครที่กำลังกังวลใจว่าแล้วจะต้องอดตอนไหน กินตอนไหนดี วันนี้เรามีทางเลือกมาฝากกันถึง 3 วิธีซึ่งเวลาที่ ลดน้ำหนัก แบบ IF นี้จะมีรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป
– Lean Gain
วิธีนี้เป็นที่นิยมอย่างมาก โดยจะต้องอดอาหาร 16 ชั่วโมงและทานได้ 8 ชั่วโมง มีข้อแนะนำสำหรับสาวๆที่กำลังจะเริ่มวิธีนี้ ขอแนะนำให้ทาน 10 ชั่วโมง และอด 14 ชั่วโมงก่อนแล้วค่อยๆปรับเวลาให้มากขึ้น โดยสามารถเลือกช่วงเวลาได้ตามความเหมาะสมของตัวเองค่ะ
– Eat Stop Eat
วิธีนี้จะต้องอดอาหารหรือทานอาหารแคลลอรีต่ำ 24 ชั่วโมงเป็นเวลา 1-2 สัปดาห์ และวันที่เหลือสามารถเลือกทานได้ตามปกติ
– Intermittent Fasting ADF (Alternate Day Fasting)
คือการอดอาหารแบบวันเว้นวัน เรียกได้ว่าเป็นวิธีที่ฮาร์ดคอที่สุด เนื่องจากจะต้องอด 1 วันและทาน 1 วันสลับกันไป แต่วิธีนี้มีข้อแม้ในการทำคือ สามารถเลือกทานอาหารแคลลอรีต่ำได้ เพราะจะทำให้เห็นผลได้ดีกว่าการอดอาหารไปเลย
รู้แบบนี้แล้วใครที่กำลังหาวิธีลดน้ำหนักที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ของตัวเองอย่าลืมมองวิธีการทำ IF ไว้ด้วยนะคะ และหากใครที่กำลังใช้วิธีนี้แล้วยังอยากให้ร่างกายดูผอมเพรียวมากกว่าเดิม สามารถใช้วิธีการดูดไขมันเป็นตัวช่วยได้ด้วยค่ะ ซึ่งการดูดไขมันควบคู่ไปด้วยนั้นจะช่วยดึงเซลล์ไขมันออกมาและยังช่วยในการกระชับกล้ามเนื้อโดยจะเห็นผลได้อย่างชัดเจน แต่อย่าลืมว่าการดูดไขมันนั้นคือการผ่าตัดชนิดหนึ่ง ดังนั้นควรศึกษาข้อมูลของแพทย์ที่ทำการรักษาและสถานพยาบาลที่เลือกนั้นต้องได้รับมาตรฐาน ซึ่งที่ APEX เรามีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมจะให้คำแนะนำด้านการ ดูดไขมัน และให้บริการการรักษาได้มีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังมีเทคนิคในการดูดไขมันให้ผู้เข้ารับบริการเลือกถึง 5 แบบ พร้อมด้วยห้องผ่าตัดที่ได้มาตรฐานความปลอดภัยระดับ 10K ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องกังวลถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น หุ่นสวยกระชับจนต้องยิ้มแก้มปริกลับบ้านแน่นอนค่ะ
ปรึกษาศัลยแพทย์เฉพาะทางที่มีประสบการณ์เพื่อทำให้คุณเห็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในการดูดไขมัน
LINE@: http://line.me/ti/p/%40APEXsurgery
Call Center 0888-7000-39 และ 0888-7000-16