เช็กด่วน ! คุณหรือเปล่าที่ไม่เหมาะ ลดน้ำหนักแบบ IF

ลดน้ำหนักแบบ IFใคร ๆ ต่างก็อยากมีหุ่นดีควบคู่ไปกับสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรง ปัจจุบันนี้จึงมีวิถีลดน้ำหนักและดูแลรูปร่างใหม่ ๆ ออกมาให้สายรักสุขภาพทดลองไม่ขาด อย่างเทรนด์การ ลดน้ำหนักแบบ IF หรือ Intermittent Fasting ก็เป็นที่รู้จักแพร่หลายมานานหลายปี และเป็นหนึ่งในวิธีที่หลายคนสนใจเลือกใช้ เพราะเป็นการควบคุมอาหารตามตารางเวลาที่หลากหลาย ไม่ยุ่งยากซับซ้อน ทั้งปรากฏผลลัพธ์มากมายที่บ่งชี้ว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพ ทว่าถึงจะเป็นแนวทางที่ดีแค่ไหน ก็ไม่พ้นก่อให้เกิดโทษต่อร่างกายได้เช่นกันค่ะ เพราะใช่ว่า IF นั้นจะเหมาะกับคนทุกประเภท ฉะนั้นไม่ว่าคุณจะลองทำมาสักระยะ แต่ไม่ได้ผลดีดังหวัง หรือกำลังคิดจะผันตัวเข้าสู่วงการ IF ละก็ ลองเช็กดูสักนิดค่ะ ว่าคุณเข้าข่ายคนที่ไปกันไม่ได้กับวิธีนี้หรือเปล่า

IF หรือ Intermittent Fasting คือการกำหนดให้ร่างกายของคุณสามารถกินอาหารได้ในช่วงเวลาหนึ่ง และอดอาหารในระยะเวลาหนึ่ง เพื่อให้ในระหว่างนั้นร่างกายมีการเผาผลาญพลังงานไขมันที่สะสมไว้มากขึ้น และยังผลให้ระดับอินซูลินลดน้อยลง จึงช่วยเพิ่มระดับโกรทฮอร์โมน ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยสลายไขมันและสร้างมวลกล้ามเนื้อ โดยนอกจากช่วยลดความอ้วนแล้ว IF ยังช่วยลดการอักเสบต่าง ๆ ของร่างกาย ช่วยซ่อมแซมเซลล์ที่สึกหรอ เร่งกระบวนการขับของเสีย ที่สำคัญยังกระตุ้นการสร้างยีนที่ทำให้อายุยืนและช่วยชะลอวัยอีกด้วยค่ะ

โดยรูปแบบการทำ IF ที่ได้รับความนิยมและเหมาะกับมือใหม่มากที่สุดคือ สูตร 16:8 ค่ะ โดยจะเป็นการอดอาหารนาน 16 ชั่วโมง และกินอาหารใน 8 ชั่วโมง โดยคุณสามารถเริ่มเวลาไหนก็ได้ ซึ่งปรับได้ตามความต้องการและความเหมาะสม นอกจากนี้ยังมีแบบที่ยากขึ้นมาอย่างอดต่อเนื่อง 19 ชั่วโมง มีเวลากินอาหารแค่ 5 ชั่วโมง หรืออดติดต่อกัน 24 ชั่วโมงให้ได้ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ หรือแบบอดวันเว้นวันก็มีเช่นกันค่ะ

ใครที่ไม่เหมาะกับการ ลดน้ำหนักแบบ IF บ้าง ?

ระยะแรกที่ทำ IF ย่อมทำให้คุณรู้สึกหิวโหยมากกว่าปกติ ซึ่งอาจส่งผลต่อสภาพอารมณ์ สมาธิ ทั้งอาจมีอาการอ่อนเพลีย และสมองล้า ทว่าอาการทั้งหมดมักดีขึ้นเมื่อทำไปสักระยะค่ะ แต่ถึงแม้ IF จะเป็นวิธีที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ทั้งยังได้รับความนิยมและยอมรับอย่างแพร่หลายในวงกว้าง ทว่ามีคนหลายกลุ่มที่ไม่เหมาะกับวิธีเหล่านี้ เพราะการอดอาหารอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพในแง่ลบค่ะ

  1. อายุน้อยกว่า 25 ปี

หากอายุยังน้อย ย่อมหมายถึงร่างกายยังเจริญเติบโตไม่เต็มที่ ฉะนั้นจึงต้องการสารอาหารต่าง ๆ เพื่อให้ร่างกายพัฒนาต่อไปค่ะ ด้วยเหตุนี้การอดอาหารต่อเนื่องนาน ๆ ย่อมส่งผลให้เกิดปัญหาฮอร์โมนไม่สมดุล ซึ่งอาจขัดขวางกระบวนการเจริญเติบโต ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ และสามารถกลายเป็นปัญหาสุขภาพต่าง ๆ ตามมาได้อีกมากทีเดียว

  1. ผู้ที่เพิ่งผ่าตัด

หากคุณกำลังอยู่ในช่วงพักฟื้นหลังอาการเจ็บป่วยใด ๆ หรือหลังจากการผ่าตัด ย่อมไม่เหมาะกับการทำ IF อย่างยิ่งค่ะ เพราะร่างกายกำลังต้องการสารอาหารไปฟื้นฟูและซ่อมแซมส่วนที่เสียหาย ดังนั้นหากคุณอยากทำ IF ละก็ ควรรอให้สภาพร่างกายกลับมาแข็งแรงเป็นปกติก่อนนะคะ

  1. ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์และให้นมบุตร

สำหรับคุณผู้หญิงที่กำลังวางแผนจะตั้งครรภ์ กำลังตั้งครรภ์ หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร ควรหลีกเลี่ยงการทำ IF ค่ะ เพราะในช่วงนี้ร่างกายต้องการสารอาหารอย่างมากเพื่อบำรุงครรภ์ ผลิตน้ำนม ทั้งสำหรับเด็กและตัวเอง เนื่องจากการอดอาหารแบบ IF อาจนำมาซึ่งภาวะอ่อนเพลีย รวมถึงขาดสารอาหารได้

  1. ผู้ที่เป็นโรคกลัวอ้วน (Anorexia Nervosa)

ในผู้ที่เป็นโรคกลัวอ้วน (Anorexia Nervosa) รวมถึงโรคบูลิเมีย (Bulimia nervosa) หรืออาการป่วยที่ชอบทำให้ตัวเองอาเจียนหลังกินอาหาร ผู้ที่ป่วยด้วยอาการเหล่านี้มักกลัวการกินอาหารแทบทุกประเภทอยู่แล้ว ซึ่งอาจขาดสารอาหารอย่างรุนแรงเป็นทุนเดิม ดังนั้นการทำ IF จะทำให้สุขภาพยิ่งแย่ จึงไม่ควรทำ IF โดยเด็ดขาดค่ะ

  1. น้ำหนักตัวน้อยกว่ามาตรฐาน

หากคุณมีน้ำหนักตัวน้อยกว่ามาตรฐาน หรือผอมมากอยู่แล้ว การทำ IF อาจไม่เหมาะและไม่มีความจำเป็นค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากผิดวิธี ย่อมส่งผลให้ขาดสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายมากกว่าเดิมได้ค่ะ

  1. มีโรคประจำตัว

ไม่ว่าจะผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง-ต่ำ ไขมันในเลือด หรือโรคประจำตัวอื่น ๆ หากต้องการทำ IF แนะนำให้หลีกเลี่ยง หรือควรปรึกษาแพทย์ก่อนการทำค่ะ เพราะอาจส่งผลกระทบต่ออาการของโรค สุขภาพร่างกาย และเกิดอันตรายได้

แม้การทำ IF จะเป็นวิธีลดน้ำหนักที่ได้ผล ทั้งยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายในระยะยาวเมื่อปฏิบัติควบคู่กับการออกกำลังกาย ทว่าวิธีนี้ไม่ได้เหมาะสำหรับทุกคนอย่างแน่นอนค่ะ โดยเฉพาะในผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ และผู้ที่ร่างกายต้องการสารอาหารมากเป็นพิเศษ แม้ IF จะมีข้อดี แต่ก็มีข้อเสียที่สุ่มเสี่ยงต่อสุขภาพอยู่เช่นกัน ดังนั้นหากคุณพบว่าตัวเองคือหนึ่งในบุคคลที่ไม่เหมาะกับการทำ IF ลองมองหาวิธีควบคุม และลดน้ำหนักแบบอื่นที่เหมาะสมย่อมปลอดภัยต่อตัวเองมากกว่าค่ะ

ทว่าหากคุณไม่อยากอดอาหาร หรือต้องคอยคร่ำเคร่งกับการลดน้ำหนักจนเกิดภาวะเครียด ทั้งบั่นทอนสุขภาพจิตในระยะยาวตามมา ยังมีวิธีซึ่งทั้งสะดวกและปลอดภัยอย่าง CoolSculpting อยู่ค่ะ การสลายไขมันด้วยความเย็นนี้ เป็นเทคโนโลยีที่ได้รับมาตรฐานความปลอดภัยระดับโลก โดยการทำหนึ่งครั้งสามารถช่วยกำจัดไขมันส่วนเกินในทุกบริเวณที่ต้องการได้มากถึง 20-30% โดยไม่มีผลข้างเคียง ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องเจ็บตัว ทั้งยังไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้นหลังทำเสร็จอีกด้วยค่ะ

CoolSculpting จะเป็นการส่งความเย็นที่อุณหภูมิต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง เข้าไปทำลายเซลล์ไขมันใต้ชั้นผิวหนังในบริเวณที่คุณต้องการลดสัดส่วนให้ตายลง โดยไม่เป็นอันตรายต่อเซลล์อื่น ๆ ซึ่งกระบวนการทั้งหมดใช้เวลาเพียง 35-45 นาทีเท่านั้นเองค่ะ หลังจากนั้นเซลล์ไขมันที่ตายแล้วจะถูกกลไกธรรมชาติของร่างกายคุณค่อย ๆ ขจัดออกผ่านระบบขับถ่าย และจะสามารถเห็นความเปลี่ยนแปลงที่พึงพอใจได้อย่างชัดเจน ในระยะเวลาราว 1-3 เดือนค่ะ

และที่ APEX เรามีทีมผู้เชี่ยวชาญประสบการณ์สูงด้านสลายไขมันด้วยความเย็นอย่าง Coolsculpting Specialist ที่พร้อมให้คำแนะนำและดูแลคุณอย่างมืออาชีพตลอดการรักษาด้วย CoolSculpting เพื่อให้คุณมั่นใจว่าจะได้รูปร่างสวยกระชับตามที่ต้องการ หมดกังวลเรื่องไขมันส่วนเกิน และกลับไปเป็นคุณที่เปี่ยมด้วยความมั่นใจอีกครั้ง

 

ปรึกษา และสอบถามเพิ่มเติม โทร. 063-310-8000
FB inbox : click http://m.me/apexprofoundbeauty
Line : http://line.me/ti/p/@apexcallcenter