นวัตกรรมใหม่ล่าสุดของการ ร้อยไหม ! ไหมตาข่าย ยกหน้าพร้อมกระตุ้นคอลลาเจนได้มากขึ้น

ร้อยไหมถ้าอยากรู้เรื่องการ ร้อยไหม กูรูเบอร์ต้นๆ ของเมืองไทยคงไม่พ้นหมอนัน พญ.นันทภัทร์ สุภาพรรณชาติ เราจึงแวะมาขอสัมภาษณ์และขอข้อมูลเกี่ยวกับวงการร้อยไหมกับคุณหมอ ซึ่งคุณหมอนันแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยศาสตร์ผิวพรรณ อาจารย์สอนที่ศูนย์เลเซอร์ผิวหนังโรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล และผู้ก่อตั้ง Apex Medical Center เรียกได้ว่าคุณหมอเป็นเบอร์หนึ่ง ในเรื่องของการยกกระชับใบหน้าเลยนะคะ ไม่ว่าจะเป็นการฉีด อย่างโบท็อก ฟิลเลอร์ หรือการใช้เครื่องมือยกกระชับ อย่างอัลเทอร่า เทอร์มาจ คุณหมอก็ได้รับรางวัลการันตีมาแล้วมากมายจากทั้งในและต่างประเทศ

คุณหมอนันเป็นแพทย์ผู้นำเทคโนโลยีการ ร้อยไหม “Aptos” การยกกระชับหน้าด้วยไหมก้างปลาเข้ามาใช้ในประเทศไทยเป็นท่านแรกตั้นแต่กว่า 20 ปีที่แล้ว โดยคุณหมอนันได้เล่าถึงวิวัฒนาการและพัฒนาการของการร้อยไหมให้เราฟังไว้ว่า

จุดเริ่มต้นการร้อยไหมในไทย

ไหมชนิดแรกที่เริ่มใช้ในไทยคือ ไหม Aptos ซึ่งไหมชนิดนี้เกิดขึ้นมามากว่า 20 ปีแล้ว เราอาจจะรู้จักกันดีในชื่อของไหมเงี่ยง หรือ ไหมก้างปลา โดย APEX เป็นที่แรกที่นำเข้าไหมAptos มาใช้ในประเทศไทย แต่ในช่วงนั้นการใช้ไหมชนิดนี้ยังไม่ค่อยเป็นที่แพร่หลายมากนัก เพราะมีแพทย์ไม่กี่ท่านที่สามารถใช้ไหมตัวนี้ในการรักษาได้ เนื่องจากลักษณะของไหมที่มีเส้นใหญ่ และร้อยยาก จึงทำให้ร้อยได้ในวงจำกัด แต่ในปัจจุบันนี้ เส้นไหมได้มีการพัฒนาไปไกลมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องขนาดของเส้นไหม ความปลอดภัยในการร้อยไหม และเทคนิควิธีการร้อยไหมแบบใหม่ ๆ ซึ่งเราสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มไหมไม่ละลาย และ กลุ่มไหมละลาย

กลุ่มไหมไม่ละลาย

ไหม Aptos threads หรือ ไหมก้างปลา มีลักษณะเป็นเงี่ยงยื่นออกมา ลักษณะเหมือนก้างปลา ซึ่งในปัจจุบันนี้ไม่เป็นที่นิยมแล้ว เนื่องจากมักจะเกิดปัญหากับคนไข้ที่ร้อยไหมชนิดนี้ และเมื่อร้อยไหมชนิดนี้ไปเป็นเวลานาน ๆ ตัวก้างปลาที่ยึดเกี่ยวกับผิวหนังมักจะหัก ทำให้ใบหน้าที่เคยตึงกระชับ กลับมาหย่อนคล้อยอีกครั้ง และเงี่ยงไหมอาจโผล่ออกมาผิวได้ จนตัดผ่าตัดเอาไหมออก และผลลัพธ์ของไหมประเภทนี้อยู่ได้ไม่นานนัก

ไหมทอง หรือ Gold Thread เป็นไหมที่ทาด้วยทองคำบริสุทธิ์ 99.99%  ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ดี แม้ว่าการร้อยไหมชนิดนี้จะอยู่ได้นาน แต่บางครั้งก็ทำให้เกิดปัญหาในระยะยาวได้ เช่น ต้องหลีกเลี่ยงการทำเลเซอร์ เพราะเลเซอร์บางตัวจะทำให้เส้นไหมขาด ไม่สามารถเข้าเครื่อง Xray ได้ เกิดอาหารผิวแพ้ ผิวเกิดแผลเป็นได้ง่าย และด้วยความที่เป็นไหมไม่ละลาย อยู่ในร่างกายได้นาน อาจจะทำให้เกิดสารตกค้างได้

ไหมSilhouette Lift ไหมอีกชนิดนึง คือ ไหมไม่ละลาย (Silhouette Lift) ที่มีลักษณะเส้นเล็ก ไหมชนิดนี้เมื่อร้อยไปแล้วจะช่วยสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง แต่ไม่สามารถช่วยยกกระชับผิวหน้าได้ดีนัก เพียงแค่ช่วยให้ผิวหน้าแข็งแรงขึ้น จากการสร้างคอลลาเจนในระยะยาวเท่านั้น

การร้อยไหม

กลุ่มไหมละลาย

ไหมผูก ไม่ค่อยเป็นที่นิยมมากนัก แม้ว่าจะยึดเกี่ยวกับผิวได้ดี ซึ่งทำให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานก็จริง แต่ข้อเสียก็มีเยอะเช่นกัน เนื่องจากถ้าไหมถูกทิ้งไว้นาน ๆ ใบหน้าจะถูกดึง เมื่อเวลาใบหน้าขยับไปมาจะเกิดอาการเจ็บ เกิดปม และรูปหน้าผิดรูปได้ โดยหลักการแล้วจึงแทบไม่ได้ใช้ไหมชนิดนี้เลย

ไหมไม่ผูก ไหมชนิดนี้ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน ซึ่งเส้นไหมที่ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยา (อย.) มี 3 ชนิด คือ

  •   ไหมโคน ไหมชนิดนี้เข้ามาในไทยเป็นชนิดแรก โดยข้อดีของไหมโคน คือ ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นานกว่า เพราะตัวโคนของเส้นไหมมีความใหญ่ ทำให้ดึงได้ดีกว่า แต่ก็มีข้อเสียเช่นกันคือ เส้นไหมขาดง่าย ช่วงหลังมานี้จึงไม่เป็นที่นิยมมากนัก เพราะไม่ค่อยมีความแข็งแรง
  •    ไหมสองข้าง ไหมชนิดนี้จะมีเข็มสองข้าง ที่คอยช่วยยึดเกี่ยวเนื้อเยื่อได้2จังหวะ ข้อดีของไหมชนิดนี้คือสามารถดึงยกกระชับหน้าได้เป็นมุมชัดเจน แต่ก็มีข้อเสียตรงที่ว่าต้องใช้เข็มแหลมในการร้อยไหม ดังนั้นอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงในการร้อยไหมได้ เช่น เกิดอาการบวม ช้ำ มากว่าการร้อยไหมที่ใช้เข็มที่อในการร้อย
  •     ไหมตาข่าย ไหมชนิดนี้ถือว่าเป็นไหมที่ดีที่สุดในตอนนี้เลยก็ว่าได้ เพราะด้วยคุณสมบัติของไหมตาข่ายที่เส้นไหมขาดยาก เส้นไหมมีลักษณะเป็นหนามทั้งเส้นทำให้มีความแข็งแรง ยึดเกี่ยวกับชั้นผิวหน้าได้ดี นอกจากนั้นมียังมีโครงตาข่ายอยู่รอบเส้นไหมอีกด้วย ซึ่งทำให้ดึงคอลลาเจนเข้ามารอบโครงตะข่ายได้ดี ส่งผลให้ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ยกกระชับ และ ช่วยพยุงผิวหน้าได้ดีขึ้น ทำให้ไหมตาข่ายเห็นผลลัพธ์ได้ไว และผลลัพธ์ยังอยู่ได้นานกว่าไหมทั่วไป แต่ข้อเสียของไหมตาข่ายคือเส้นไหมมีความใหญ่ ดังนั้นการร้อยไหมชนิดนี้ต้องได้รับการร้อยจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพราะถ้าร้อยผิดอาจจะทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ เช่น เกิดอาการช้ำบวม หรือหนักกว่านั้นคือร้อยไปเข้าเส้นเลือด ต่อมน้ำลาย หรือเนื้อเยื่อที่อยู่บริเวณที่ร้อยไหม ก็จะเกิดอันตรายได้

ร้อยไหม

นวัตกรรมล่าสุด “ไหมตาข่ายเส้นไหมที่ดีที่สุดในตอนนี้!

จากชนิดของเส้นไหมที่เราได้กล่าวไปข้างต้น จะเห็นได้ว่า “การร้อยไหมตาข่าย” เป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุดของการยกกระชับหน้าด้วยเส้นไหม ทำจากวัสดุที่สามารถย่อยสลายได้โดยกระบวนการธรรมชาติภายในร่างกาย ทำให้ไม่ตกค้าง(Absorbable Polydioxanone – POD) ซึ่งเป็นเส้นไหมที่ปลอดภัยผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) , CE Mark และ KFDA (อย.เกาหลี) โดยเส้นไหมมีลักษณะคล้ายไหมก้างปลาแต่มีโครงตาข่ายล้อมรอบตัวไหม ดังนั้นตัวโครงตาข่ายนี้จะช่วยให้เนื้อเยื่อคอลลาเจนมาเกาะได้ดีมากยิ่งขึ้น สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังร้อยไหม ช่วยให้ใบหน้ายกกระชับได้มากขึ้น ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่แตกต่างจากไหมชนิดอื่น ๆ downtime และอาการบวมช้ำน้อย สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติหลัง ร้อยไหม ทันที 

เส้นไหมที่ดี กับ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญย่อมได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า

เส้นไหมที่ได้รับรองจากจากสำนักงานอาหารและยา (อย.) มีเพียงแค่ไหมในกลุ่มไหมละลายเท่านั้น แม้ว่าในปัจจุบันจะมีเส้นไหมอยู่หลายชนิดที่สามารถช่วยยกกระชับใบหน้าได้ แต่ก็พบว่าเส้นไหมเหล่านั้นยังมีข้อเสียอยู่พอสมควร ไม่ว่าจะเป็นเส้นไหมขาดง่าย ไม่ค่อยมีความแข็งแรง ทำให้ผลลัพธ์อยู่ได้ไม่นานนัก อีกทั้งเทคนิคการ ร้อยไหม บางชนิดที่ต้องเข็มแหลม อาจจะทำให้ใบหน้าบอบช้ำได้ง่าย ดังนั้นคงจะดีกว่า ถ้าเราได้ร้อยไหมกับเส้นไหมที่มีคุณสมบัติตอบโจทย์ทั้งเรื่องของระยะเวลาของผลลัพธ์ที่อยู่ได้นาน และ เส้นไหมที่มีความพิเศษ อย่าง ไหมตาข่าย

ร้อยไหมขั้นตอนการยกกระชับด้วยการร้อยไหมโครงตาข่าย

  1. ใช้ยาชาในบริเวณที่ต้องการทำการร้อยไหม
  2. แพทย์ประเมินและออกแบบการร้อยไหม
  3. ใส่ท่อร้อยไหมไปในตำแหน่งที่กำหนดไว้
  4. จำนวนเส้นที่ใช้ในการร้อยขึ้นอยู่กับปัญหามาก-น้อย ของแต่ละบุคคล

ข้อดีของ ไหมตาข่าย

   ไหมตาข่ายเป็นไหมละลายนวัตกรรมใหม่ล่าสุด เส้นไหมแบบ 3 มิติ (3D) ที่มีโครงตาข่ายล้อมรอบอยู่ทั้งเส้นไหมแบบ 360 องศา อีกทั้งวัสดุที่ทำเส้นไหมสามารถย่อยสลายได้ภายในร่ายกาย ไม่มีสารตกค้าง

   ด้วยความที่เส้นไหมเป็นแบบ 3มิติ (3D) มีโครงตาข่ายแบบ 360 องศา ทำให้สามารถยึดเกี่ยวกับเนื้อเยื่อได้ดีขึ้น เพราะเส้นไหมมีความแข็งแรงต่างกับไหมชนิดอื่น ๆ

   ผลลัพธ์ที่ได้คือ ผิวหน้ายกกระชับได้ไว อีกทั้งไหมตาข่าย ยังเป็นตัวช่วยกระตุ้นคอลลาเจน ช่วยพยุงผิวหน้าทันทีหลังทำการร้อยไหมอีกด้วย

    การร้อยไหมตาข่าย ช่วยให้ผลลัพธ์ความยกกระชับอยู่ได้นานขึ้น เนื่องจากตัวเส้นไหมที่เป็นโครงตาข่าย เมื่อระยะเวลาผ่านไป จะเกิดแรงยึดระหว่างเนื้อเยื่อกับตัวไหมที่แน่นขึ้น

    อุปกรณ์ หรือ เข็มที่ใช้ในการร้อยไหมตาข่าย ถูกออกแบบมาให้ลดอาการบาดเจ็บระหว่างทำโดยเฉพาะ หลังทำเสร็จจึงมีอาการบวมช้ำน้อย หรือ แทบไม่มีเลย

ข้อเสียของ ไหมตาข่าย

    ไหมตาข่ายมีลักษณะเป็นเส้นไหมที่ใหญ่กว่าไหมชนิดอื่นเล็กน้อย และเป็นไหมชนิดใหม่ในไทย ทำให้อาจจะร้อยได้ยากถ้าหากแพทย์ไม่มีความชำนาญมากพอ

ไหมตาข่ายอย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า ไหมตาข่ายนั้นเส้นไหมมีขนาดใหญ่ ทำให้ร้อยยาก ถ้าแพทย์ไม่มีความชำนาญ หรือไม่มีเทคนิคในการร้อยที่ดี ก็อาจจะทำให้เกิดอันตรายได้ อย่างเช่นร้อยผิดไปโดนส่วนอื่น ๆ ในชั้นใต้ผิว ดังนั้นถ้าต้องการทำการร้อยไหม ด้วย ไหมตาข่ายจึงจำเป็นต้องทำกับแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ เพื่อความปลอดภัย และได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิผลที่สุด

และที่ APEX ของเราที่เป็นผู้บุกเบิกนำนวัตกรรมร้อยไหมยกกระชับด้วย ไหมตาข่าย เข้ามาในไทยเป็นที่แรก เนื่องจาก APEX มีความตั้งใจที่จะมอบเทคโนโลยีที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพที่ดีให้กับผู้เข้าใช้บริการทุกท่านอยู่แล้ว เราจึงอัปเดตเทรนด์ความงามต่าง ๆ อยู่ตลอดเวลา เมื่อมีนวัตกรรมไหมตาข่ายออกมา เราจึงศึกษาข้อมูลให้รู้ลึก รู้จริง ว่าไหมตาข่ายสามารถตอบโจทย์ความต้องการของคนไข้ได้ดีกว่าไหมชนิดอื่น ๆ ก่อนที่จะเลือกนำเข้ามาให้ทุกท่านได้ใช้เส้นไหมที่ดีที่สุดกันในตอนนี้เป็นแห่งแรกในประเทศ นอกจากนั้นแล้ว Apex Medical Center ยังมี Training Center เป็นของตัวเอง เพื่ออัปเดตเทคนิค วิธีการใหม่ ๆ และ นวัตกรรมต่าง ๆ ให้กับทีมแพทย์ทุกท่าน ดังนั้นจึงมั่นใจได้ว่าไม่ว่าจะเข้าใช้บริการในสาขาไหนของ APEX ที่ในปัจจุบันมีมากกว่า 30 สาขา ก็จะได้รับคุณภาพและมาตรฐานเดียวกันทั้งหมดอย่างแน่นอนค่ะ

APEX ของเรามีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำแนะนำอยู่ทุกสาขา หากสนใจรับการประเมินรูปหน้า หรืออยากปรึกษาเกี่ยวการยกกระชับผิวหน้าด้วยการร้อยไหม สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Line@ : @apexbeauty (มี @ นำหน้า) หรือที่คลินิค APEX กว่า 30 สาขา ทั่วประเทศไทย