ทุกคนล้วนทราบกันดีอยู่แล้วว่า โปรตีน คือสารอาหารที่ร่างกายต้องการเป็นปริมาณมากในแต่ละวันเช่นเดียวกับไขมัน หรือคาร์โบไฮเดรต ซึ่งหากใครกำลังลดน้ำหนัก หรือชอบการออกกำลังกายย่อมรู้ถึงความสำคัญของโปรตีนดี ถึงอย่างนั้นการตั้งหน้าตั้งตาทานโปรตีนมากเกินไป ซึ่งผลที่ตามมาอาจไม่ใช่แค่กล้ามเนื้อเป็นมัด ๆ หรือมวลกล้ามเนื้อที่เพิ่มขึ้น แต่อาจจะทำให้ร่างกายได้รับพลังงานส่วนเกินจากโปรตีน และส่งผลเสียได้มากกว่าที่คิดอีกด้วย
โปรตีนมีหน้าที่สร้างและซ่อมแซมเนื้อเยื่อส่วนที่สึกหรอ เสริมสร้างมวลกล้ามเนื้อ คงความสมดุลแก่ของเหลวในร่างกาย รวมถึงสร้างภูมิต้านทาน และช่วยสมานแผล นอกจากนี้ยังเป็นองค์ประกอบสำคัญในทุก ๆ ส่วนของร่างกายอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นกระดูก กระดูกอ่อน กล้ามเนื้อ ผิวหนัง หรือแม้แต่เส้นผมและเล็บ ทั้งนี้หลายคนที่ชอบออกกำลังกาย หรือต้องการจะลดความอ้วน ก็มักจะเลือกทานโปรตีนเป็นพิเศษเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อ หรือให้ช่วยซ่อมแซมมวลกล้ามเนื้อที่สูญเสียไประหว่างออกกำลัง แต่มีหลายคนอาจยังเข้าใจผิดว่ายิ่งทานมากก็ยิ่งดี แท้จริงหากโปรตีนที่คุณรับประทานนั้นปริมาณเกินกว่าที่ร่างกายต้องการ ตับและไตของคุณจะต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อขับส่วนเกินนั้นออกไปค่ะ
โดยในช่วงแรก ๆ ตับและไตอาจยังทำงานได้ดี แต่หากคุณยังทานโปรตีนมากเกินจำเป็นซ้ำ ๆ อาจเสี่ยงต่อภาวะเลือดเป็นกรด และอาจทำให้ตับ ไตเสื่อมสภาพเร็วขึ้นกว่าปกติอีกด้วย
ทั้งนี้การรับประทานโปรตีนมากเกินไป อาจทำให้ร่างกายของคุณขับโปรตีนส่วนเกินออกไม่ทัน และทำให้โปรตีนส่วนเกินโดนลำเลียงกลับไปยังลำไส้ใหญ่ ถูกแบคทีเรียย่อยสลายให้เป็นแอมโมเนีย และเมื่อถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือด มีโอกาสเกิดภาวะซึม ชัก หมดสติ สมองเสื่อม ตัวหรือตาเหลือง และเป็นดีซ่านได้
อีกหนึ่งผลเสียคือ หากร่างกายของคุณได้รับโปรตีนมากเกินไปและใช้ไม่หมด นอกจากขับออกตามกลไกธรรมชาติแล้ว มันยังอาจนำโปรตีนไปเก็บสะสมในรูปแบบของพลังงานไขมัน ด้วยเหตุนั้นแทนที่จะผอมลง น้ำหนักตัวคุณอาจเพิ่มขึ้นนั่นเองค่ะ
ดังนั้น เพื่อสุขภาพที่ดี และรูปร่างในฝัน คุณควรต้องระมัดระวังไม่เผลอทาน โปรตีน มากเกินไป ซึ่งปกติสัดส่วนในการทานโปรตีนคือ 1 ใน 4 ของมื้ออาหาร แต่ทั้งนี้ก็ต้องนำเอาน้ำหนักตัว อายุ เพศ หรือพฤติกรรมการเคลื่อนไหวร่างกายในแต่ละวันมาพิจารณาร่วมด้วย ถึงจะทราบว่าร่างกายของเราได้รับโปรตีนเท่าไรถึงจะเหมาะสม โดยทั่วไปน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ควรทานโปรตีน 1.4-2.0 กรัม
ทว่าหากแต่ละวันขยับร่างกายเยอะ หรือมีการออกกำลังเพื่อลดน้ำหนัก ควรเพิ่มโปรตีนเข้าไปอีก 2-3 เท่า เพื่อให้โปรตีนเข้าไปทดแทนกล้ามเนื้อที่สูญเสียไปค่ะ ที่สำคัญนอกจากโปรตีนแล้ว อย่าลืมว่าต้องรับประทานอาหารอื่น ๆ ให้ครบทั้ง 5 หมู่ และดื่มน้ำสะอาดอย่างเพียงพอเพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอค่ะ
ได้ทราบแบบนี้แล้ว ใครที่ยังใช้วิธีรับประทานโปรตีนมาก ๆ เพื่อลดน้ำหนัก ก็อาจต้องเปลี่ยนความคิดกันใหม่ และหาตัวช่วยอื่นเพื่อลดน้ำหนัก และสัดส่วนแทน ซึ่งถ้าคุณอยากลดสัดส่วน มีรูปร่างสวยกระชับโดยไม่ต้องออกกำลังกายหนัก ๆ แล้วคอยกังวลว่าปริมาณโปรตีนเพียงพอหรือมากเกินไปหรือเปล่า ยังมีวิธีทั้งสะดวกและปลอดภัยที่ช่วยคุณได้ค่ะ เช่น CoolSculpting หรือการกำจัดไขมันด้วยความเย็น ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ได้รับมาตรฐานความปลอดภัยระดับโลก โดยการทำหนึ่งครั้งสามารถช่วยกำจัดไขมันส่วนเกินในบริเวณที่ต้องการได้มากถึง 20-30% โดยไม่มีผลข้างเคียง ไม่ต้องผ่าตัด และไม่ต้องเจ็บตัวอีกด้วย
CoolSculpting จะเป็นการใช้ความเย็นที่อุณหภูมิ -11 ถึง -13 องศาเซลเซียสเข้าสลายไขมันเฉพาะจุดที่คุณต้องการ ไม่ว่าจะเป็นต้นแขน ต้นขา หน้าท้อง ปีกหลัง ใต้คางหรือส่วนอื่น ๆ ซึ่งใช้เวลาทำต่อจุดตั้งแต่ 35-45 นาทีเท่านั้น หลังจากนั้นเซลล์ไขมันที่ถูกทำให้ตายลงจะถูกกลไกตามธรรมชาติของร่างกายขจัดออก ซึ่งใช้เวลาราว 1-3 เดือนในการเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน ซึ่งระหว่างนี้คุณไม่จำเป็นต้องออกกำลังกายแต่อย่างใดค่ะ ทว่าหลังทำหากคุณออกกำลังกายหรือควบคุมอาหารร่วมด้วยจะยิ่งเสริมให้ผลลัพธ์ชัดเจนยิ่งขึ้น ที่สำคัญต่อให้หุ่นคุณกลับมาเผละอีกครั้ง บริเวณที่ผ่านการทำ CoolSculpting จะไม่กลับมาย้วยหรืออ้วนเท่าเดิม อย่างแน่นอน เรียกว่าหุ่นดีได้ในระยะยาวเลยล่ะค่ะ
ซึ่งที่ APEX เพราะเราเป็นผู้นำด้านการสลายไขมันด้วยความเย็นมานานกว่า 10 ปี พร้อมมีทีมผู้เชี่ยวชาญ Coolsculpting Specialist ประสบการณ์สูงที่ผ่านการฝึกอบรมอย่างเข้มข้น และต่อยอดเสริมความรู้ใหม่ ๆ อยู่เสมอ เรายินดีบริการตั้งแต่ขั้นตอนให้คำปรึกษา แนะนำ ช่วยดูแลออกแบบรูปร่างตามที่คุณต้องการ ตลอดจนเสร็จสิ้นการรักษา เพื่อให้คุณได้ผลลัพธ์ที่ตรงใจ และมั่นใจในรูปร่างตัวเองอีกครั้ง กับ CoolSculpting จาก APEX ทุกสาขาค่ะ
