การนอนหลับถือเป็นสิ่งสำคัญต่อสุขภาพ เพราะถ้าหากพักผ่อนไม่เพียงพอ ก็จะทำให้สุขภาพแย่ลง ซึ่งหนึ่งในปัญหาที่ทำให้นอนหลับไม่สนิท ซึ่งพบได้บ่อยก็คือ อาการนอนกรน เป็นปัญหาที่ไม่ควรมองข้ามเพราะอันตรายถึงชีวิต
แต่เราจะสามารถสังเกตได้อย่างไรว่าจริงๆแล้ว เรามีปัญหานอนกรนหรือไม่ ? บทความนี้มีคำตอบ
หัวข้อ
นอนกรนเกิดจากอะไร
จริงๆแล้วอาการนอนกรนสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ซึ่งสาเหตุการนอนกรนทางกายภาพเกิดจากช่องทางเดินหายใจส่วนต้น เกิดการตีบแคบลง ทำให้เวลาหายใจในตอนนอนลมหายใจที่ผ่านช่องแคบนี้ จะเกิดการกระพือ และทำให้เกิดเสียงกรนขึ้น หลักๆแล้วอาการนอนกรนจะเกิดจาก สิ่งเหล่านี้ ได้แก่
- พฤติกรรมการใช้ชีวิต อาทิเช่น การดื่มแอลกอฮอล์ การรับประทานอาหารที่เกินขนาด
- โรคประจำตัวต่างๆ ได้แก่ โรคภูมิแพ้ เนื้องอกในโพรงจมูก เป็นต้น
- โครงสร้างใบหน้ามีความผิดปกติ เช่น มีคางที่สั้น ขากรรไกรยื่น
- ลิ้นไก่ และเพดานอ่อน มีการสั่นสะเทือนของเนื้อเยื่อบริเวณด้านหลังหลอดลม
วิธีสังเกตอาการนอนกรน
สำหรับอาการนอนกรน สามารถสังเกตอาการได้ง่ายๆ โดยถ้าหากมีคนนอนด้วย ก็ลองให้อีกฝ่ายสังเกตว่าในขณะหลับเรามีเสียงกรนหรือไม่ แต่ถ้านอนคนเดียวควรสังเกตจากอาการหลังตื่นนอนว่า เป็นอย่างไร หากตื่นมาแล้วรู้สึกไม่สดชื่น คอแห้งหรือในระหว่างวันมีอาการง่วง มึนศีรษะบ่อยๆ ก็ควรไปพบแพทย์ เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด หรือถ้าจะให้สะดวกกว่านั้น ในปัจจุบันมีแอปพลิเคชันเช็กการนอนหลับ ที่สามารถช่วยเช็กได้ในเบื้องต้นว่า มีอาการนอนกรนไหม ซึ่งถ้าหากพบว่ามีความเป็นไปได้ที่จะมีอาการนอนกรน ก็ควรรีบไปพบแพทย์เช่นกัน
ทั้งนี้เมื่อไปพบแพทย์แล้ว ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการนอนหลับ จะทำการตรวจวินิจฉัยโดยละเอียด เพื่อยืนยันผลว่าผู้ป่วยมีอาการนอนกรนหรือไม่ มีความรุนแรงมากขนาดไหน จากนั้นจึงจะเลือกใช้วิธีการรักษาที่เหมาะสมกับผู้ป่วยต่อไป โดยในปัจจุบันก็มีเทคนิคการรักษาที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการใช้อุปกรณ์ลดอาการนอนกรนขณะหลับ หรือการผ่าตัดในกรณีที่มีอาการรุนแรงมากๆ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์และความต้องการของผู้ป่วยเอง
นอกจากนี้ยังมีวิธีการแก้ไขปัญหานอนกรนด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดอย่าง SnoreLase ซึ่งเป็นวิธีการใช้พลังงานเลเซอร์ในการเข้าไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนของกล้ามเนื้อบริเวณรอบๆ ทางเดินหายใจ ทำให้กล้ามเนื้อที่หย่อนคล้อยลงมาขวางทางเดินหายใจ จนกลายเป็นอาการนอนกรนกระชับมากขึ้น อาการจึงจะค่อยๆ ลดลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่เจ็บตัวและไม่ต้องพักฟื้น คืนการนอนหลับที่ดี ทำให้คุณหลับสนิทและตื่นมาอย่างสดชื่น สดใสอีกครั้ง
ระดับการนอนกรน
การนอนกรนจะแบ่งออกเป็น 2 ระดับหลักๆด้วยกัน ได้แก่
- การนอนกรนแบบธรรมดา : การนอนกรนประเภทนี้ มีเสียงดังก็จริง แต่ว่าจะไม่ส่งผลเสียร้ายแรงกับร่างกายของเรา
– สาเหตุเกิดจาก การตีบแคบของช่องทางเดินหายใจแค่บางส่วนเท่านั้น ไม่ได้มีการปิดสนิทของทางเดินหายใจทั้งหมด ดังนั้นเวลาเราหายใจตอนนอนยังทำให้มีอากาศไหลผ่านเข้าสู่ร่างกายของเราได้ แต่เสียงกรนที่ดังออกมา เกิดจากช่องคอที่แคบทำให้เกิดการสั่นสะเทือน - การนอนกรนแบบอันตราย : กล้ามเนื้อในช่องคอเกิดการหย่อนตัวลงมากขึ้นกว่าเดิม
– สาเหตุเกิดจาก ผู้ที่นอนกรนแบบธรรมดาข้างต้น มีอาการแย่ลง กล้ามเนื้อในช่องคอหย่อนลงมาจนปิดสนิท ทางเดินหายใจตีบแคบจนไม่สามารถมีอากาศหายใจเข้าสู่ในร่างกายได้ ในขณะนอนหลับจึงอาจมีการสะดุ้งตื่นตอนกลางคืน เพื่อกระตุ้นเอาอากาศเข้าไปในร่างกาย เพื่อใช้ในการหายใจ แต่ถ้าเกิดโชคร้าย ร่างกายไม่มีปฎิกิริยาดึงอากาศเข้าสู่ร่างกายก็อาจทำให้ เราไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย
ปรึกษาฟรีภาวะหยุดหายใจขณะหลับกับการนอนกรน
- ภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ กับการนอนกรน 2 อาการนี้เป็นภาวะอาการที่เกี่ยวข้องกัน ซึ่งทั้ง 2 ภาวะนี้เป็นอันตรายถึงชีวิตอย่างมาก เพราะทุกคน ทุกเพศ และทุกวัย เสี่ยงต่อภาวะนี้ทั้งหมด ซึ่งอาการของภาวะหยุดหายใจขณะหลับมีดังนี้อาการของภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
- ตื่นมาแล้วปวดหัว
- สะดุ้งตื่นตอนกลางคืน
- เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
- รู้สึกปากแห้ง หิวน้ำ ตอนตื่นนอน
- รู้สึกนอนไม่พอแม้จะนอนเยอะมาก
- นอนกัดฟัน
- รู้สึกว่าผีอำ
- มีอาการชักขณะหลับ
- ฝันผวา
ปรึกษาฟรี
สรุป
อาการนอนกรนนั้นเป็นอันตรายที่ใกล้ตัวมาก บทความนี้ตอบทุกข้อสงสัยว่าเราจะรู้ได้ไงว่านอนกรน ถ้าไม่มี คนนอนด้วย ซึ่งต้องสังเกตจากอาการเบื้องต้นอาทิเช่น คอแห้งตอนตื่นนอนหรือเปล่า สะดุ้งตื่นตอนกลางคืนบ่อย มั้ย เป็นต้น ถ้าใครเข้าข่ายมีอาการนอนกรนขั้นรุนแรงต้องรีบรักษาโดยด่วนไม่ควรปล่อยไว้ เพราะอันตรายถึงชีวิต การรักษานอนกรนมีหลากหลายวิธี อาทิเช่นการใช้เลเซอร์นอนกรน เป็นวิธีที่ไม่ต้องผ่าตัด และทำได้รวดเร็ว ใคร สนใจสามารถกรอกลิงค์สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้เลย
รับส่วนลดมูลค่า 5,000 บาท
เมื่อซื้อเลเซอร์แก้อาการนอนกรน SnoreLase