ทุเรียน กินเยอะไประวังอ้วน แถมเสี่ยงสุขภาพพัง !

ทุเรียน
เมื่อพูดถึงผลไม้ไทย ทุเรียน ย่อมเป็นหนึ่งในสิ่งที่หลาย ๆ คนพลาดไม่ได้เมื่อฤดูกาลของมันเวียนมาถึง นอกจากรสชาติหวานมันกลมกล่อมพร้อมกลิ่นอันแสนเป็นเอกลักษณ์แล้ว ผลไม้แสนอร่อยที่หลายคนติดอกติดใจนี้ก็ขนสารอาหารมาเต็มเปี่ยม ทั้งโพแทสเซียม ฟอสฟอรัส แคลเซียม และแน่นอนว่ายังมีคาร์โบไฮเดรต แถมให้พลังงานสูงมากอีกด้วย ฉะนั้นแม้มีประโยชน์แค่ไหน แต่ขืนกินตามใจปากมากไป ย่อมส่งผลกระทบต่อสุขภาพรวมไปถึงขนาดรอบเอวของคุณอย่างไม่ต้องสงสัยค่ะ

ในเนื้อทุเรียนแสนอร่อยนั้น อุดมไปด้วยสารอาหารสำคัญต่อร่างกายหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นเส้นใยอาหารโพแทสเซียม โปรตีน ธาตุเหล็ก วิตามินอี วิตามินซี และแคลเซียม ส่วนในแง่ของการให้พลังงาน ขอลองยกตัวอย่างทุเรียนลูกเล็ก ๆ สักลูก ที่อาจมีเนื้อประมาณ 600 กรัม ซึ่งเทียบเท่ากับให้พลังงานได้ถึง 885 แคลอรี่ คาร์โบไฮเดรต 163.1 กรัม โดยมากกว่าร้อยละ 50 ของปริมาณที่แนะนำให้ทานต่อวันทีเดียวค่ะ ในขณะที่ไขมันมีอยู่ราว 32.1 กรัม และส่วนใหญ่เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว (Monounsaturated) ซึ่งเป็นไขมันดีที่สามารถช่วยลดไขมันไม่ดีในร่างกายของคุณ แต่แน่นอนว่าคุณค่าทางสารอาหารของทุเรียนมาพร้อมแคลอรี่และปริมาณคาร์โบไฮเดรตที่สูงมาก หากคุณเผลอตัวเผลอใจกินมากเกินไปก็ย่อมต้องยอมรับกับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นด้วยค่ะ

ความเชื่อ และข้อควรระวังกับการกิน ทุเรียน

  1. ทุเรียน มีคอเลสเตอรอลสูง

หลายคนอาจเข้าใจผิดว่าทุเรียนมีคอเลสเตอรอลสูง ที่จริงแล้วทุเรียนนั้นมีคอเลสเตอรอลเป็นศูนย์ค่ะ ซึ่งคอเลสเตอรอลจะพบได้เฉพาะในอาหารประเภทที่มีกรดไขมันอิ่มตัว เช่น เนื้อสัตว์ ไขมันจากสัตว์ เครื่องใน อาหารทะเล รวมถึงอาหารที่ทำจากนมทั้งหลาย ทว่าไขมันที่มีในทุเรียนคือไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว ซึ่งมีส่วนช่วยลดระดับไขมันชนิดไม่ดีในร่างกาย แถมยังช่วยปรับสมดุลความดันโลหิตได้อีกด้วย

  1. ห้ามกินทุเรียนพร้อมยาลดไข้

มีความเชื่อกันว่าห้ามกินทุเรียนพร้อมยาพาราเซตามอล เนื่องจากปกติทุเรียนมีฤทธิ์ร้อนที่ช่วยเพิ่มอุณหภูมิให้ร่างกาย ซึ่งเมื่อกินพร้อมยาลดไข้จึงอาจเสี่ยงต่อการเกิดปฏิกิริยาที่เป็นพิษ แต่มีงานวิจัยที่ทดสอบหาข้อเท็จจริงเรื่องนี้กับหนูทดลอง และพบว่าอุณหภูมิในร่างกายของหนูไม่ได้เพิ่มขึ้นแต่อย่างใดค่ะ ทว่าอุณหภูมิของหนูทดลองกลับลดต่ำลง ถึงอย่างนั้นในแง่ที่อาจก่อพิษต่อร่างกาย ปัจจุบันยังคลุมเครือเพราะยังไม่ได้รับการพิสูจน์ที่ชัดเจนค่ะ

  1. ห้ามกินพร้อมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

จากผลการศึกษาพบว่าการกินทั้งสองอย่างพร้อมกันอาจส่งผลต่อร่างกายจริง ทว่าโดยทั่วไปจะไม่รุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตค่ะ ด้วยทุเรียนนั้นจะทำให้เอนไซม์ที่มีผลต่อกระบวนการเผาผลาญแอลกอฮอล์ในร่างกายไม่สมบูรณ์ จึงก่อให้เกิดอาการหน้าแดง เหงื่อออก ชา วิงเวียน คลื่นไส้อาเจียน แต่ในบางรายอาจมีปฏิกิริยารุนแรงจนทำให้เกิดภาวะหายใจลำบาก หัวใจล้มเหลว และอันตรายถึงชีวิตดังที่เป็นข่าวได้ค่ะ ทั้งนี้การกินทุเรียนพร้อมดื่มแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปริมาณที่มากเกินพอดี อาจส่งผลให้ท้องอืด อาหารไม่ย่อย เนื่องจากตับต้องทำงานหนักเพื่อเผาผลาญทั้งไขมัน และน้ำตาลพลังงานสูงที่รับเข้าไปนั่นเองค่ะ

กินทุเรียนอย่างไรให้ดีต่อสุขภาพ ?

เนื่องจากทุเรียนเป็นผลไม้ที่ให้พลังงานและมีน้ำตาลสูง แนะนำว่าคุณควรกินทุเรียนไม่เกินวันละ 2 เม็ดค่ะ ทั้งนี้ไม่ควรกินติดต่อกันทุกวัน เน้นเป็นมื้อเช้าหรือกลางวันจะดีที่สุด ที่สำคัญในมื้อนั้น ๆ ควรลดอาหารกลุ่มข้าว แป้ง และของหวานด้วย หากคุณกินทุเรียนตามใจปากมากเกินไป นอกจากส่งผลต่อน้ำหนักแล้ว ยังอาจก่อให้เกิดแก๊สในกระเพาะ ท้องเสีย อาเจียน หรืออาการแพ้ตามมาได้ในบางรายค่ะ สำหรับผู้ที่ป่วยเป็นโรคเบาหวาน โรคไต โรคหัวใจ หรือความดันโลหิตสูง ควรกินในปริมาณที่น้อยกว่าคนปกติและนาน ๆ ครั้ง เพราะอาจส่งผลต่อระดับน้ำตาลและไขมันในเลือดของคุณได้

หากใครเป็นทั้งสาวกทุเรียนและสายรักสวยรักงามละก็ แม้ชอบกินมากแค่ไหนก็ควรยับยั้งชั่งใจกินในปริมาณที่เหมาะสม และหมั่นออกกำลังกายควบคู่เพื่อสุขภาพที่แข็งแรงนะคะ แต่ถ้าคุณคือคนหนึ่งที่เป็นสายรักการกินยิ่งชีวิตจิตใจ ไม่ว่าจะทุเรียน ของหวาน หรืออาหารประเภทอื่น ๆ ซึ่งแม้พยายามกินในปริมาณที่พอดี ทว่าหุ่นก็ยังไม่สวยเป๊ะ มีไขมันส่วนเกินตรงนู้นตรงนี้โผล่มากวนใจจนท้อ แต่ยังอยากกินของชอบต่อไปโดยไม่ต้องควบคุมอาหาร การทำ CoolSculpting หรือวิธีสลายไขมันด้วยความเย็นช่วยปัดตกปัญหานั้นให้คุณได้สบาย ๆ ค่ะ

เทคโนโลยี CoolSculpting เป็นวิธีกำจัดไขมันอย่างปลอดภัยที่คุณไม่ต้องทนเจ็บ หรือเสี่ยงไปกับการผ่าตัดดูดไขมันแบบเดิม ๆ อีกทั้งใช้เวลาทำเพียง 35-45 นาทีต่อครั้ง แถมไม่ต้องพักฟื้นหลังทำอีกด้วย โดยในระหว่างรักษาคุณจะรู้สึกเย็นในบริเวณที่ทำ ซึ่งหลังจากถอดเครื่องมือออกอาจมีรอยแดงเล็กน้อย แต่เพียงไม่นานก็จะหายไปค่ะ ที่สำคัญในระหว่างนั้นยังทำกิจกรรมเบา ๆ อย่างอ่านหนังสือ หรือเล่นโทรศัพท์ก็ยังได้

โดย CoolSculpting เป็นการส่งความเย็นผ่าน Applicator อุปกรณ์ที่ออกแบบมาเฉพาะเพื่อดูดติดกับผิวหนังในบริเวณที่คุณต้องการทำ โดยความเย็นอุณหภูมิต่ำกว่าจุดเยือกแข็งจะเข้าไปทำลายเซลล์ไขมันให้ตายลง ซึ่งเซลล์ไขมันที่ตายแล้วจะค่อย ๆ ถูกกลไกธรรมชาติของร่างกายขจัดออกผ่านระบบขับถ่าย และภายในระยะเวลา 1-3 เดือน คุณจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของสัดส่วนบริเวณที่ทำอย่างชัดเจนค่ะ ซึ่งการสลายไขมันด้วยวิธีนี้ คุณไม่ต้องกังวลกับผลข้างเคียงใด ๆ รวมถึงปราศจากปัญหาผิวย้วยอีกด้วย

ที่ APEX เราเป็นอันดับหนึ่งในเอเชียด้วยเคสการทำ CoolSculpting มากที่สุด หากคุณสนใจวิธีกำจัดไขมันกระชับสัดส่วนด้วยความเย็น เรามีผู้เชี่ยวชาญประสบการณ์สูงที่พร้อมให้คำปรึกษา ช่วยคุณออกแบบรูปร่าง และดูแลอย่างมืออาชีพจนจบการรักษา เพื่อให้คุณมีรูปร่างที่สวยกระชับขึ้นตามต้องการ โดยไม่ต้องโบกมือลาอาหารที่ชื่นชอบแต่อย่างใดค่ะ

 

ปรึกษา และสอบถามเพิ่มเติม โทร. 063-310-8000
FB inbox : click http://m.me/apexprofoundbeauty
Line : http://line.me/ti/p/@apexcallcenter