เข้าคลินิกความงามทั้งที แน่นอนว่าทุกคนต้องอยากให้ผลลัพธ์ที่ได้ออกมาดีที่สุด ยิ่งเดี๋ยวนี้มีนวัตกรรม หรือเทคนิคต่าง ๆ มากมาย ที่สามารถช่วยปรับรูปหน้าของเราให้เรียวสวยขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเทคนิคที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก คงจะหนีไม่พ้น การฉีดโบท็อก Botox และนวัตกรรมยกกระชับผิวอัลเทอร่า Ulthera แต่สองเทคนิคนี้แตกต่างกันอย่างไร ทำ Ulthera แล้ว ฉีด Botox ได้หรือไม่? วันนี้เราได้รวบรวมข้อมูลมาให้แล้ว มาอ่านกันได้ในบทความนี้เลยค่ะ
อัลเทอร่า Ulthera
เป็นเครื่องมือยกกระชับผิว อัลเทอร่า Ulthera เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อย ผิวไม่กระชับ มีริ้วรอย เพราะสามารถช่วยแก้ปัญหาและฟื้นฟูได้อย่างล้ำลึก ให้ผิวหน้ากลับมายกกระชับ ผิวเรียบเนียน ดูอ่อนกว่าวัยได้อีกครั้ง ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้จากการทำอัลเทอร่านั้นเทียบเท่ากับการผ่าตัดดึงหน้าเลยทีเดียว แต่ให้ความเป็นธรรมชาติมากกว่า แถมยังไม่มีแผลจากการผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้นให้เสียเวลา
โดยเครื่อง Ulthera สามารถปล่อยพลังงานคลื่นเสียงความถี่สูงในรูปแบบอัลตราซาวนด์ที่มีความเฉพาะเจาะจง (Focused Ultrasound) เข้าสู่ชั้นผิวได้ลึกถึงระดับ SMAS และจะเปลี่ยนแปลงพลังงานความร้อนจุดเล็ก ๆ เพื่อเข้าไปกระตุ้นให้กล้ามเนื้อในชั้น SMAS เกิดการหดตัว นอกจากนั้นยังช่วยให้เกิดการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินใหม่เพิ่มขึ้น และกระตุ้นคอลลาเจนเดิมที่เสื่อมสภาพให้กลับมากทำงานได้ดีขึ้น จึงส่งผลให้ใบหน้าที่มีความหย่อนคล้อย กลับมากยกกระชับ เต่งดึงขึ้นได้อย่างเป็นธรรมชาติ รวมถึงผิวหน้ายังได้รับการฟื้นฟูให้มีความเรียบเนียน ริ้วรอยลดเลือนลง ผิวสุขภาพดีมากยิ่งขึ้น
ซึ่งผลลัพธ์จากการทำ Ulthera สามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำเลยค่ะ จะเห็นได้เลยว่าใบหน้ายกขึ้นกว่า 10-15% หลังทำเสร็จทันที และภายใน 1-3 เดือน ผิวหน้ายกกระชับและเรียบเนียนมากขึ้นอย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยผลลัพธ์จะคงอยู่ได้นานถึง 1 ปีเลยทีเดียว
โบท็อก Botox
เป็นเทคนิคการฉีดเพื่อปรับรูปหน้าที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะขั้นตอนในการทำไม่ยุ่งยาก แถมเห็นผลลัพธ์ได้อย่างรวดเร็ว โดยการฉีดโบท็อกสามารถช่วยลดขนาดกล้ามเนื้อ ให้ใบหน้าเรียวเล็กลง และยังช่วยลดเลือนริ้วรอย ให้ผิวหน้าเรียบเนียนขึ้น อีกทั้งการฉีดโบท็อกยังช่วยยกกระชับใบหน้า และบริเวณลำคอได้อีกด้วย
โดยแพทย์จะใช้สารโบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ (Botulinum toxin A) ฉีดเข้าไปยังบริเวณกล้ามเนื้อในจุดที่มีปัญหา เพื่อให้สารโบท็อกออกฤทธิ์ต่อการทำงานของกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อที่มีความหดเกร็ง เกิดคลายตัว และทำงานหรือขยับได้น้อยลงชั่วคราว เมื่อกล้ามเนื้อไม่ค่อยได้ขยับ จากที่มีความใหญ่ แข็ง จะเริ่มนิ่ม และมีขนาดเล็กลง ส่งผลให้รูปหน้าของเราเรียวเล็กลงตามไปด้วย และริ้วรอยที่เคยมี จะเรียบตึงมากขึ้น
นอกจากนั้นยังสามารถฉีดโบท็อกลิฟกรอบหน้า เพื่อช่วยยกกระชับใบหน้า ให้กรอบหน้าคมชัด มีมิติมากขึ้น อีกทั้งยังเหมาะกับคนที่ฉีดโบท็อกลดกรามมาแล้ว ใบหน้ายุบตัวเล็กลงมาก ๆ จนผิวเกิดความหย่อนคล้อย กรอบหน้าไม่กระชับ สามารถฉีดโบท็อกลดกราม ควบคู่กับการฉีดโบท็อกลิฟกรอบหน้าได้เช่นกัน เพื่อผลลัพธ์ของใบหน้าที่มีความเรียวกระชับ สวยงามมากยิ่งขึ้น ซึ่งผลลัพธ์ของการฉีดโบท็อกจะเริ่มเห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้ใน 4-7 วัน และคงอยู่ได้นาน 6-8 เดือน โดยที่สารโบท็อกจะสลายตัวหมดไปได้เอง ไม่ทิ้งสารตกค้างไว้ จึงไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
ทำ Ulthera แล้ว ฉีด Botox ได้หรือไม่?
สำหรับคนที่ทำ Ulthera ไปแล้วสามารถ ฉีด Botox เพิ่มได้ค่ะ โดยการทำอัลเทอร่าควบคู่ไปกับการฉีดโบท็อกจะช่วยให้ผลลัพธ์ที่ได้มีความชัดเจน เห็นผลการเปลี่ยนแปลงของรูปหน้าได้รวดเร็วยิ่งขึ้น และเนื่องจากทั้งสองเทคนิคมีหลักการทำงานคนละชั้นผิวกัน ดังนั้นจึงไม่ส่งผลกระทบ หรือเกิดอันตรายใด ๆ ต่อร่างกายแน่นอนค่ะ
ยกตัวอย่างเช่น คนที่มีปัญหากรอบหน้าไม่คมชัด ผิวหย่อนคล้อย ไม่กระชับ หางคิ้ว หางตาตก มีริ้วรอย สามารถฟื้นฟูผิวอย่าล้ำลึกด้วยการทำ Ulthera เพื่อยกกระชับผิว ให้มีความตึงกระชับมากขึ้น แต่อัลเทอร่า แม้ว่าจะช่วยยกกระชับได้ทั้งใบหน้าและลำคอ แต่มีบางบริเวณที่ต้องฉีด Botox เพิ่มเติม เช่น ในส่วนที่อัลเทอร่าเข้าไม่ถึงอย่าง ริ้วรอยขมวดคิ้ว รอยย่นหน้าผากสำหรับคนที่มีรอยลึก หรือ คนที่มีปัญหากรามใหญ่จากกล้ามเนื้อ โดยแพทย์จะแนะนำให้ทำอัลเทอร่าควบคู่ไปกับการฉีดโบท็อก เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
แต่เพื่อผลลัพธ์ที่ออกมาสวยงามอย่างเป็นธรรมชาติ และมีความปลอดภัย เราควรเลือกปรับรูปหน้ากับคลินิกที่มีความน่าเชื่อถือ และแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้วยนะคะ เพียงเท่านี้ไม่ว่าจะทำอัลเทอร่า ฉีดโบท็อก หรือทำทั้งสองเทคนิคควบคู่กันไป ก็จะได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ ตอบโจทย์ในการแก้ไขปัญหาบนใบหน้าของเราได้อย่างแน่นอนค่ะ
