7 เหตุผลที่ทำให้คุณ ทำ IF ไม่สำเร็จ !!

ทำ IFIF หรือ Intermittent Fasting แม้เป็นวิธีลดน้ำหนักที่มีมานานแล้ว แต่สายลดน้ำหนักยังคงให้ความสนใจ และเลือกทำอย่างแพร่หลาย เพราะนอกจากสามารถช่วยควบคุมอาหารและลดน้ำหนักอย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ยังส่งผลดีต่อระบบร่างกายอีกด้วย ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่า IF จะได้ผลดีสำหรับทุกคนเสมอไปค่ะ เพราะบางคนระยะแรกอาจน้ำหนักลดจนดีต่อใจ แต่หลัง ๆ กลับไม่เห็นผลหรือเจอปัญหาน้ำหนักดีดกลับ หรือขึ้น ๆ ลง ๆ จนถอดใจไม่อยากทำต่อ ซึ่งหากคุณกำลังเจอปัญหาทำนองนี้ เป็นไปได้ว่าอาจ ทำ IF แบบผิด ๆ โดยไม่รู้ตัวอยู่ก็ได้ ซึ่งนอกจากทำไปเรื่อย ๆ จะไม่เห็นผลลัพธ์แล้ว ยังอาจเสี่ยงระบบเผาผลาญพังอีกด้วย ฉะนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะเหล่านี้ ตามมาดูกันค่ะว่าคุณเผลอทำทั้ง 7 ข้อต่อไปนี้กันหรือเปล่า

1. ทำ IF เพื่อลดน้ำหนักอย่างเดียว

แม้การทำ IF สามารถช่วยให้คุณลดน้ำหนักได้จริง แต่ก็เป็นเพียงหนึ่งในวิธีมากมายเพื่อช่วยให้การลดน้ำหนักมีประสิทธิภาพค่ะ แท้จริง IF สามารถใช้เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันได้ตามปกติ โดยไม่จำเป็นต้องมีเป้าหมายเพื่อลดความอ้วนเพียงอย่างเดียว เพราะอาจทำให้คุณรู้สึกเหนื่อย ท้อ หรือเกิดความเครียดได้ง่าย ดังนั้นลองตั้งเป้าหมายให้ IF เป็นมากกว่าแค่การลดน้ำหนัก เช่น เพิ่มความคิดว่า ทำ IF เพื่อให้มีสุขภาพร่างกายที่ดีขึ้น หรือชีวิตที่ยืนยาวแข็งแรงมากขึ้น เป็นต้น

2. เปลี่ยนแปลงเวลากินอาหารเร็วเกินไป

สำหรับใครที่เพิ่งเริ่มทำ IF หรือกำลังวางแผนจะทำ พึงระวังไว้ว่าการเปลี่ยนแปลงเวลากินอาหารกะทันหันเกินไป อาจส่งผลให้ร่างกายของคุณปรับตัวตามไม่ทัน จนนำไปสู่ภาวะเครียดตามมา ซึ่งคุณอาจทำไม่ไหว และอยากเลิกเพราะทุกข์ทรมานกับอาการหิว โดยเฉพาะคนที่ติดกินหวานหรือขนมจุกจิกจะทำ IF ได้ยากกว่าคนอื่น ฉะนั้นเพื่อให้ร่างกายค่อย ๆ ปรับตัวจนชินกับการทำ IF อย่างมีประสิทธิภาพ คนที่ติดนิสัยกินหวานหรือขนมจุกจิกควรเริ่มจากการงดกินระหว่างมื้อ และทำ IF ที่ 12/12 ก่อน จากนั้นค่อยเปลี่ยนเวลาหยุดกินที่นานขึ้นเรื่อย ๆ แทนค่ะ

3. กินอาหารน้อยเกินไป

โดยธรรมชาติ หากร่างกายของเรากินอาหารน้อยเกินไป มันจะเริ่มปรับระบบเผาผลาญพลังงานให้ทำงานช้าลง เพื่อให้ร่างกายเข้าสู่ภาวะรักษาพลังงานไว้นานที่สุด ดังนั้นหากคุณทำ IF จึงควรกินอาหารให้อิ่มในปริมาณที่เหมาะสมกับร่างกาย ไม่ควรกินน้อยเกินไป เพื่อให้ระบบเผาผลาญทำงานเป็นปกติ และลดน้ำหนักอย่างได้ผล ทั้งนี้ควรเลือกกินอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตต่ำจะดีที่สุดค่ะ

4. กินคาร์โบไฮเดรตมากเกินไป

การทำ IF คือวิธีกระตุ้นให้ร่างกายผลิตอินซูลินน้อยลง ดังนั้นการที่คุณกินคาร์โบไฮเดรต จำพวกแป้งหรือน้ำตาลมากเกินไป ย่อมส่งผลให้อินซูลินสูงขึ้นสวนทางกัน ด้วยเหตุนั้นร่างกายของคุณจะยังคงเก็บไขมันมากขึ้น ส่งผลให้อ้วนง่าย หิวง่าย การลดน้ำหนักแบบ IF จึงย่อมไม่ได้ผลค่ะ

5. กินโปรตีนมากเกินไป

แม้หลายคนทราบว่าโปรตีนนั้นสำคัญต่อร่างกาย โดยเฉพาะการซ่อมแซมและสร้างกล้ามเนื้อในคนที่ออกกำลังกาย ทว่าการกินโปรตีนมาก ๆ ไม่ได้ส่งผลดีเสมอไปค่ะ เนื่องจากถ้าคุณกินโปรตีนมากเกินไป แต่ไม่ได้ออกกำลังกายมากเพียงพอ หรือร่างกายนำโปรตีนไปใช้ไม่หมด แทนที่โปรตีนเหล่านั้นจะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ก็กลับถูกร่างกายเก็บสะสมเอาไว้เป็นพลังงานไขมัน ทำให้คุณอ้วนขึ้นเช่นเดิม ดังนั้นจึงควรทานโปรตีนในปริมาณที่เพียงพอในแต่ละมื้อ ที่ประมาณ 1 ฝ่ามือต่อ 1 มื้อ และเน้นกินโปรตีนจากธรรมชาติ มากกว่าโปรตีนสังเคราะห์อย่างชนิดผงสำหรับชงค่ะ

6. เครียดมากเกินไป

ความเครียดนอกจากส่งผลต่อสุขภาพจิตแล้ว ยังส่งผลต่อร่างกาย โดยเฉพาะการลดน้ำหนักอย่างยิ่งค่ะ เพราะเมื่อเราเกิดอาการเครียด ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนที่ชื่อว่า คอร์ติซอล (Cortisol) โดยเจ้าฮอร์โมนตัวนี้จะทำให้รู้สึกหิวง่ายกว่าปกติ ส่งผลให้อยากอาหารประเภทแป้งหรือน้ำตาลมากขึ้น จึงรบกวนการทำ IF ของคุณ อีกทั้งฮอร์โมนตัวนี้ยังส่งผลไปถึงเซลล์ไขมัน ทำให้ไขมันมาสะสมบริเวณพุงมากขึ้นได้ค่ะ

7. มีโรคประจำตัว

โรคประจำตัวบางชนิดอาจส่งผลกระทบให้คุณไม่เหมาะกับการทำ IF หรือส่งผลต่อการลดน้ำหนัก ซึ่งโรคที่มักส่งผลต่อการลดน้ำหนักส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับฮอร์โมนที่ทำงานผิดปกติ เช่น ไทรอยด์ต่ำ (Hypothyroidism) ต่อมหมวกไตล้า (Adrenal fatigue syndrome) หรือถุงน้ำรังไข่มาก (PCOS) เป็นต้น ทั้งนี้โรคประจำตัวที่ต้องกินยาบางชนิดเป็นประจำก็ส่งผลต่อระบบเผาผลาญของร่างกายได้เช่นกันค่ะ อย่างยานอนหลับ ยาต้านซึมเศร้า หรือยาแก้โรควิตกกังวล เป็นต้น

หากคุณประสบปัญหา ทำ IF ไม่ได้ผล และพบว่าเผลอทำพฤติกรรมจากที่เรานำมาแนะนำโดยไม่รู้ตัว ให้ค่อย ๆ ทำความเข้าใจ และค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนกันดูนะคะ จำไว้ว่าคุณไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงอย่างปุบปับ เพราะอาจทำให้ร่างกายและจิตใจเกิดความเครียดได้ ซึ่งส่งผลเสียต่อการทำ IF โดยตรง ทำไปเรื่อย ๆ ช้า ๆ อย่างสุขใจจึงจะส่งผลดีต่อการลดน้ำหนักอย่างยั่งยืน แข็งแรง และมีประสิทธิผลที่สุดค่ะ

ทว่าหากคุณไม่อยากคร่ำเคร่งกับการ ทำ IF จนเกิดภาวะเครียด หรือกำลังมองหาวิธีลดน้ำหนักควบคู่กับการทำ IF ที่ไม่ใช่การออกกำลังกายแต่เห็นผลชัดเจน วิธีซึ่งทั้งสะดวกและปลอดภัยอย่าง CoolSculpting Elite อาจเป็นสิ่งที่คุณตามหาค่ะ เทคโนโลยีการสลายไขมันด้วยความเย็นนี้ ได้รับมาตรฐานความปลอดภัยระดับโลก โดยการทำหนึ่งครั้งสามารถช่วยกำจัดไขมันส่วนเกินในบริเวณที่คุณต้องการได้มาก 20-30% โดยปราศจากผลข้างเคียง ไม่มีการผ่าตัดจึงไม่ต้องเจ็บตัว ทั้งไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้นหลังทำเสร็จ และไม่มีความเสี่ยงเหมือนการผ่าตัดดูดไขมันแบบเดิม ๆ อีกด้วยค่ะ

โดย CoolSculpting Elite จะเป็นการส่งความเย็นที่อุณหภูมิต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง เข้าไปทำลายเซลล์ไขมันใต้ชั้นผิวหนังบริเวณที่คุณต้องการลดสัดส่วนให้ตายลง โดยไม่เป็นอันตรายต่อเซลล์อื่น ๆ ซึ่งกระบวนการทั้งหมดใช้เวลาเพียง 35-45 นาทีเท่านั้นเองค่ะ หลังจากนั้นเซลล์ไขมันที่ตายแล้วจะถูกกลไกธรรมชาติของร่างกายค่อย ๆ ขจัดออกผ่านระบบขับถ่าย และจะสามารถเห็นความเปลี่ยนแปลงที่พึงพอใจได้อย่างชัดเจน ในระยะเวลาราว 1-3 เดือน

ถ้าไขมันส่วนเกินทำให้คุณขาดความมั่นใจ และอยากกลับไปมีรูปร่างที่กระชับได้สัดส่วนอีกครั้ง โดยไม่ต้องคร่ำเคร่งกับการควบคุมอาหารหรือออกกำลังกาย ที่ APEX มีเทคโนโลยี CoolSculpting Elite พร้อมทีมงานผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านการสลายไขมันด้วยความเย็นพร้อมให้คำปรึกษาและบริการอย่างมืออาชีพ เพื่อให้คุณได้มีสัดส่วนดูดีอย่างที่ต้องการค่ะ

 

ปรึกษา และสอบถามเพิ่มเติม โทร. 063-310-8000
FB inbox : click http://m.me/apexprofoundbeauty
Line : http://line.me/ti/p/@apexcallcenter