ปัญหาคางสั้น คางถอย คางตัด นอกจากจะทำให้คางดูไม่สวยแล้ว ยังทำให้ใบหน้าโดยรวมดูกลม หน้าอ้วน เห็นหนียงได้ชัดมากขึ้นอีกด้วย ดังนั้นถ้าเราปรับแต่งคางให้ยาวขึ้นอีกสักนิดใบหน้าจะเรียวสวย ดูมีมิติขึ้นได้ในทันทีเลยค่ะ ซึ่งวิธีที่ทำให้คางยาวขึ้น หลายคนคงนึกถึงการ ฉีดคาง และเสริมคางกันใช่ไหมคะ? แต่วิธีไหนดีกว่ากันล่ะ..มาหาคำตอบกันได้ในบทความนี้เลย
ฉีดคาง ด้วยฟิลเลอร์ (Filler)
การฉีดฟิลเลอร์คาง ถือเป็นวิธีการแก้ปัญหาคางสั้น คางตัดที่สะดวกรวดเร็ว ฉีดปุ๊บคางสวยขึ้นได้ทันที ซึ่งวิธีนี้จะช่วยเติมเต็มคาง ให้เรียวได้รูป ดูมีมิติมากขึ้น นอกจากนั้นเมื่อเราฉีดฟิลเลอร์คางแล้ว ก็ยังสามารถฉีดฟิลเลอร์เติมบริเวณกรอบหน้าช่วงล่างได้อีกด้วย เพื่อช่วยปรับกรอบหน้าให้รับกับช่วงคาง และช่วยเสริมให้ใบหน้าเรียวยาว ดู V-shape ได้มากขึ้น เมื่อคางและกรอบหน้าช่วงล่างมีความสมดุล เรียวยาวแบบสมส่วนแล้ว ปัญหาหน้ากลม เห็นเหนียงชัดก็จะหายตามไปด้วยเช่นกัน
โดยการฉีดฟิลเลอร์คาง จะใช้สารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า HA เข้าไปปรับแต่ง แก้ไขรูปทรงคางที่มีปัญหาไม่ว่าจะเป็น คางสั้น คางเบี้ยว คางบุ๋ม และปรับรูปหน้าสำหรับคนที่มีใบหน้ากลม ให้ดูเรียวสวยมากขึ้น ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์เป็นวิธีที่มีความปลอดภัยสูง เพราะเป็นสารที่สลายตัวได้เอง 100% ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย อีกทั้งยังไม่ต้องผ่าตัด หลังฉีดเสร็จสามารถใช้ชีวิตตามปกติได้เลย ดังนั้นจึงไม่ต้องพักฟื้นให้เสียเวลา แถมผลลัพธ์ของการฉีดฟิลเลอร์คางสามารถอยู่ได้นานถึง 18-24 เดือนเลยทีเดียว
เสริมคางด้วยซิลิโคน (Silicone)
การผ่าตัดเสริมคางด้วยซิลิโคน เป็นวิธีแก้ปัญหาคางสั้น ได้อย่างถาวร สามารถช่วยเสริมให้คางและใบหน้าได้สัดส่วน ดูเรียวยาวขึ้นได้ เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาคางหรือใบหน้าสั้นมาก ๆ เพราะซิลิโคนสามารถต่อคางให้ยาวมากขึ้นได้อย่างชัดเจน แต่วิธีนี้ถ้าอยากจะแก้ไขรูปทรง ต้องทำการผ่าตัดใหม่เท่านั้น ทำให้เป็นวิธีที่ค่อนข้างยุ่งยาก สำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลาพักฟื้น
โดยการผ่าตัดเสริมคางนั้นสามารถทำได้ 2 แบบ คือ การผ่าตัดเสริมคางแผลใน และการผ่าตัดเสริมคางแผลนอก ซึ่งเป็นวิธีที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญของแพทย์เป็นอย่างมาก เพราะแพทย์ต้องประเมินรูปหน้า เลือกใช้และเหลาซิลิโคนให้รับกับใบหน้าของคนไข้ อีกทั้งแพทย์ยังต้องวางซิลิโคนให้ถูกชั้นโครงสร้างผิว และมีเทคนิคที่ดี เพื่อผลลัพธ์ที่ได้ออกมาสวยงาม ซิลิโคนไม่ลอย หรือยาวแหลมเกินไป จนคางดูแปลกตา
ฉีดคาง vs เสริมคาง แบบไหนดีกว่ากัน?
ทั้งการฉีดคาง และเสริมคาง แม้ว่าจะช่วยทำให้คางเรียวสวยขึ้น แต่ก็มีข้อแตกต่างกันอยู่หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนการทำ หรือระยะเวลาของผลลัพธ์ที่ได้ แต่เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนขึ้น เราจะมาสรุปข้อดี-ข้อเสียของการฉีดคาง vs เสริมคางให้ทุกคนอีกครั้ง ดังนี้
ข้อดีฉีดคางด้วยฟิลเลอร์ Filler
- ใช้เวลาในการทำไม่นาน สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังฉีดเสร็จ เป็นเทคนนิคการฉีด ดังนั้นจึงไม่ต้องผ่าตัดให้เจ็บตัว ไม่มีรอยแผล และไม่ต้องพักฟื้นให้เสียเวลา
- เป็นวิธีที่มีความปลอดภัยสูง เพราะฟิลเลอร์ประเภทไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) สามารถสลายตัวได้เอง ไม่ตกค้างในร่างกาย
- เมื่อฉีดฟิลเลอร์คางแล้วเกิดไม่ชอบทรง หรืออยากเอาฟิลเลอร์ออก สามารถทำได้ไม่ยุ่งยาก โดยการฉีดสลายฟิลเลอร์เดิม หรือฉีดปรับแต่งทรงใหม่ได้เลย
- การฉีดฟิลเลอร์คางให้ผลลัพธ์ที่มีความละมุน และเป็นธรรมชาติมาก เพราะสามารถฉีดฟิลเลอร์บริการกรอบหน้าช่วงล่างเพิ่มเติมได้ เพื่อให้คางรับกับกรอบหน้า มีความสมส่วนมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้ใบหน้าเรียวสวย และเป็น V-shape ดูมีมิติ สวยได้ทุกมุมมอง นอกจากนั้นเมื่อเราอายุมากขึ้น โครงหน้าจะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา การฉีดจะช่วยปรับให้รับกับใบหน้าได้อย่างเป็นธรรมชาติมากกว่า
ข้อเสียฉีดคางด้วยฟิลเลอร์ Filler
- ผลลัพธ์ไม่ถาวร สามารถคงอยู่ 18-24 เดือน ทำให้ต้องกลับมากฉีดซ้ำใหม่เรื่อย ๆ เพื่อคงผลลัพธ์ที่ได้เอาไว้
- ไม่เหมาะกับคนที่มีคางสั้นมาก ๆ เพราะการฉีดฟิลเลอร์สามารถฉีดให้คางยาวขึ้นได้ไม่เกิน 1 ซม.
ข้อดีเสริมคางด้วยซิลิโคน Silicone
ข้อดีเสริมคางด้วยซิลิโคน Silicone- ผ่าตัดเสริมซิลิโคนครั้งเดียว ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้ถาวร แต่ทั้งนี้ต้องอาศัยควารู้ความชำนาญ และเทคนิคของแพทย์สูง เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมามีประสิทธิภาพเรียวสวย ไม่ต้องกลับมาผ่าตัดแก้ซ้ำ
- เหมาะกับคนที่มีปัญหาใบหน้า หรือคางสั้นมาก ๆ เพราะตัวซิลิโคนสามารถต่อคางให้ยาวมากขึ้นกว่า 1 ซม.ได้
ข้อเสียเสริมคางด้วยซิลิโคน Silicone
- การเสริมคาง ต้องทำกับแพทย์ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ ไม่เช่นนั้นอาจจะเกิดปัญหา หรือผลลัพธ์ที่ออกมาไม่เป็นธรรมชาติ คางยาวเแหลมกินไป หรือซิลิโคนดูลอยได้
- เป็นวิธีการผ่าตัด ดังนั้นจึงต้องมีการพักฟื้น อีกทั้งยังดูแลรักษายาก ถ้าดูแลรักษาแผลผ่าตัดไม่ดี อาจทำให้เกิดอาการอักเสบ หรือติดเชื้อได้ง่าย
- ถ้าไม่พอใจในผลลัพธ์ที่ได้ หรืออยากแก้หรือปรับทรง ต้องผ่าตัดแก้ใหม่เท่านั้น ทำให้ต้องเจ็บตัว และเสียเวลาพักฟื้นอีกรอบ
- เมื่ออายุมากขึ้น ใบหน้ามีการสึกกร่อนของกระดูกและคอลลาเจนที่หายไป อาจจะทำให้ซิลิโคนดูห้อย ไม่กลมกลืนกับใบหน้า
ฉีดฟิลเลอร์คาง ด้วยเทคนิคพิเศษที่ APEX
APEX มีเทคนิคพิเศษในการฉีดฟิลเลอร์ โดยเฉพาะการฉีดปรับรูปหน้า และคาง ที่ทำผู้ใช้บริการทุกท่านต่างพึงพอใจในผลลัพธ์ เพราะเรามีทีมแพทย์ APEX Medical Institute (AMI) ที่ได้รับการเทรนความรู้ดี ๆ และเทคนิคใหม่ ๆ จากอาจารย์แพทย์ผู้มีความเชี่ยวชาญ ไม่ว่าจะเป็น คุณหมอนัน พญ. นันทภัทร์ สุภาพรรณชาติ อาจารย์แพทย์ด้านผิวหนัง ผู้บุกเบิกการฉีดโบท็อก และฟิลเลอร์เป็นกลุ่มแรกในไทย เรียกได้ว่ามีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญมากอย่างนาน รวมทั้ง คุณหมอเอก นพ.เอกลักษณ์ ธรรมสุนทร อาจารย์แพทย์สอนฉีดและปรับรูปหน้า ให้กับแพทย์ไทยและต่างชาติ ดังนั้นจึงมั่นใจได้เลยว่าเมื่อฉีดฟิลเลอร์กับ APEX จะได้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพเทียบเท่าฝีมืออาจารย์แพทย์อย่างแน่นอน
โดยการฉีดฟิลเลอร์คาง อย่างที่บอกไปว่าสามารถฉีดบริเวณกรอบหน้าเพิ่มได้ เพื่อช่วยให้ผลลัพธ์ออกมามีความสวยละมุน เป็นธรรมชาติ หน้าไม่แข็ง ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนก็สวย ดูมีมิติมากยิ่งขึ้น เพราะการแก้ไขใบหน้าช่วงล่าง เพื่อปรับรูปหน้าให้ดูยาวขึ้น ถ้าแพทย์ฉีดตรง ๆ แค่บริเวณคางอย่างเดียว อาจจะทำให้คางดูไม่เป็นธรรมชาติ หรือดูคางแหลมมากเกินไป ดังนั้นเทคนิคพิเศษของ APEX คือ การฉีดฟิลเลอร์ให้คางรับกับบริเวณกรอบหน้า หรือ Jawline ซึ่งเป็นการเติมเต็มคางร่วมกับการแก้ไขปัญหากรอบหน้าร่วมด้วย เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ของรูปหน้าที่มีความเป็นธรรมชาติ และรับกับใบหน้าของคนไข้มากที่สุด
สำหรับใครที่มีปัญหาคางสั้น ใบหน้ากลม อยากเติมคางให้เรียวยาวขึ้น การฉีดคาง หรือเสริมคาง เป็นวิธีที่ช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ดีเลยทีเดียว ส่วนจะเลือกวิธีไหนดี สามารถตัดสินใจได้จากข้อดี-ข้อเสียของแต่ละวิธี ซึ่งสิ่งสำคัญที่ทำให้ผลลัพธ์ออกมามีความสวย เป็นธรรมชาติแบบที่คนจับไม่ได้ คือ ต้องเลือกทำกับแพทย์ที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญในการปรับรูปหน้าเท่านั้นนะคะ
