กำจัดขนด้วยยาสีฟัน กับมะเขือเทศ ได้ผลจริงหรือ ?

กำจัดขนด้วยยาสีฟัน
เส้นขนถือเป็นส่วนเกินที่สร้างความกังวลใจของใครหลาย ๆ คน ทำให้ต้องหาวิธีในการกำจัดขน เพื่อให้ตัวเองมีผิวที่เรียบเนียนไร้เส้นคน โดยในปัจจุบันก็มีหลากหลายวิธีให้เลือกขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของแต่ละคน ซึ่งก็มีหลาย ๆ คนที่นำของที่มีใกล้ตัวอย่างเช่น ยาสีฟัน และมะเขือเทศ มาใช้ในการกำจัดขน แต่การ กำจัดขนด้วยยาสีฟัน และมะเขือเทศ จะสามารถกำจัดเส้นขนได้จริงหรือไม่ วันนี้เรามีคำตอบมาฝากค่ะ

ในความเป็นจริงแล้ว การ กำจัดขนด้วยยาสีฟัน และมะเขือเทศ ไม่ใช่วิธีที่ช่วยกำจัดขนได้จริง ๆ ค่ะ แม้ว่าจะมีคลิปวิดีโอที่แสดงให้เห็นว่าสามารถทำได้ถูกแชร์จนกลายเป็นไวรัลในสังคมออนไลน์ แต่นั่นเป็นเพียงการตัดต่อวิดีโอเท่านั้น เนื่องจากยาสีฟันและ มะเขือเทศไม่ได้มีฤทธิ์ในการกัดกร่อนรุนแรงมากนัก ทำให้เมื่อนำมากำจัดขนแล้ว แม้แต่ขนเส้นบาง ๆ ก็ยังไม่สามารถทำได้ ดังนั้นถ้าคิดอยากจะ กำจัดขนด้วยยาสีฟัน วิธีแบบธรรมชาติ แนะนำให้ไปใช้วิธีอื่นจะดีกว่าค่ะ ซึ่งก็ยังมีอีกวิธีที่น่าสนใจ อย่างเช่น การกำจัดขนด้วยปูนแดง ที่เป็นวิธีที่มีมาตั้งแต่โบราณค่ะ

ไม่กำจัดขนด้วยยาสีฟัน แล้วกำจัดขนแบบไหนดี ?

สำหรับคนที่ต้องกำจัดขนเป็นกิจวัตร ในเมื่อทราบกันแล้วว่ายาสีฟัน และมะเขือเทศไม่สามารถกำจัดขนได้จริง ๆ แล้ว คุณก็อาจต้องหันกลับมาพึ่งพาวิธีการกำจัดขนแบบเดิม ๆ แล้วล่ะ เพราะไม่ว่าอย่างไรวิธีเหล่านี้ก็ได้ผลที่ดีกว่า ซึ่งในปัจจุบันวิธีการกำจัดขนที่ได้รับความนิยมก็มีดังนี้ค่ะ 

1. การแว็กซ์ 

การแว็กซ์ เป็นวิธีการกำจัดขนโดยดึงขนออกมาทั้งเส้น ด้วยการใช้ขี้ผึ้งอุ่น ๆ มาป้ายยังบริเวณที่ต้องการกำจัดขน แล้วปิดทับด้วยผ้า หรือกระดาษ จากนั้นก็ดึงออกอย่างรวดเร็วเพื่อให้เส้นขนหลุดออก วิธีนี้ค่อนข้างได้รับความนิยมเพราะสามารถกำจัดขนได้แบบถอนรากถอนโคน อีกทั้งยังช่วยชะลอการงอกใหม่ของเส้นขนได้นาน 3 – 6 สัปดาห์ ไม่เพียงเท่านั้น เส้นขนที่ขึ้นมาใหม่ยังมีขนาดเส้นที่บาง และไม่แข็งกระด้างอีกด้วย ทว่าในการกำจัดขนด้วยการแว็กซ์ก็ต้องแลกมากับความเจ็บปวด โดยเฉพาะบริเวณที่ไวต่อความรู้สึกจะยิ่งเจ็บมากเป็นพิเศษ อีกทั้งหากแว็กซ์ที่ใช้เป็นแว็กซ์ที่ทำขึ้นเองก็อาจไม่สะอาดพอ และทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อ ผิวหนังอักเสบ รวมไปถึงรูขุมขนอักเสบได้อีกด้วยค่ะ ดังนั้นหากคิดจะใช้วิธีนี้ก็ควรไปทำกับผู้เชี่ยวชาญจะดีกว่าค่ะ

2. การถอน 

เป็นวิธีกำจัดขนแบบดั้งเดิมที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ ด้วยการใช้แหนบดึงขนออกมาทั้งเส้น ซึ่งคนส่วนใหญ่มักจะใช้ถอนขนเฉพาะส่วน หรือตามบริเวณที่ขนขึ้นไม่มาก เนื่องจากเป็นวิธีที่ค่อนข้างเจ็บ และยังทำให้เสี่ยงต่อปัญหารูขุมขน หรือผิวหนังบริเวณที่ทำอักเสบได้ เนื่องจากในการถอนขนจะทำให้เป็นแผลขนาดเล็กที่มองไม่เห็นที่บริเวณรูขุมขน อาจทำให้เกิดอาการคัน ผิวหนังเกิดการระคายเคือง และติดเชื้อกลายเป็นการอักเสบในที่สุด นอกจากนี้หากถอนเส้นขนออกจากรูขุมขนไม่หมด เส้นขนอาจเติบโตย้อนกลับเข้าไปด้านใน จนกลายเป็นขนคุด และผิวหนังไก่ดูไม่เรียบเนียน หรือถ้าการอักเสบเรื้อรัง ผิวสวย ๆ ก็อาจมีแผลเป็น หรือจุดด่างดำที่เกิดจากการอักเสบตามมาได้ในภายหลังได้ด้วยเช่นกัน ดังนั้นถ้าไม่อยากให้ผิวเสียล่ะก็ หากคิดจะใช้วิธีการกำจัดขนด้วยการถอนขนก็ควรเว้นระยะในการถอนขนแต่ละครั้งให้ห่างกันอย่างน้อย 1 เดือน เพื่อให้ผิวฟื้นฟูกลับสู่สภาพเดิมก่อนจะดีที่สุดค่ะ 

3. การโกน

การโกน เป็นวิธีกำจัดขนที่ค่อนข้างง่าย และสะดวก อีกทั้งยังเป็นวิธีแรก ๆ ที่คนเรานึกถึงเมื่อต้องการกำจัดขน เพราะแค่เพียงคุณมีมีดโกนดี ๆ สักหนึ่งอัน คุณก็สามารถกำจัดเส้นขนในบริเวณที่กังวลได้แล้วค่ะ ทั้งนี้ในวิธีการโกนขนสามารถทำตอนไหนก็ได้ โดยใช้เวลาเพียงไม่นานก็สามารถเสร็จ ทว่าการโกนขนนั้นก็มีข้อจำกัดอยู่ที่ว่า จะเป็นเพียงการตัดเส้นขนที่โผลพ้นขึ้นมาจากผิวหนังเท่านั้น ทำให้เมื่อเวลาผ่านไปเพียง 1 – 2 วัน ขนก็จะเริ่มงอกขึ้นมาเหมือนเดิม อีกทั้งเส้นขนที่งอกขึ้นมาใหม่ยังอาจทำให้เกิดอาการคันได้อีกด้วย และถ้าหากใช้มีดโกนซ้ำ หรือทำความสะอาดไม่ดีแล้วล่ะก็ สิ่งที่ตามมาก็คืออาจทำให้เกิดแผลที่ผิว เกิดการอักเสบที่ผิวหนังและรูขุมขน ซ้ำร้ายอาจทำให้เจอกับปัญหาขนคุด ตามมาได้อีกด้วยล่ะค่ะ 

4. ครีมกำจัดขน

ครีมกำจัดขน คือผลิตภัณฑ์ที่ใช้กำจัดขนโดยมีส่วนประกอบของสารเคมีชนิดต่าง ๆ มีฤทธิ์เป็นด่างสูง และทำให้มีกลิ่นฉุน โดยสารเคมีที่อยู่ในครีมกำจัดขนนั้น เมื่อสัมผัสกับเส้นขนแล้ว ก็จะเข้าไปทำลายเส้นขน ให้เส้นขนขาดออกจากรากขน และหลุดออกมาพร้อม ๆ กับการเซ็ตครีมกำจัดขนออก ขณะที่รากขนก็ยังคงอยู่ตามเดิม ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับการโกนขนเลยเพราะในที่สุดแล้วเส้นขนก็จะเจริญเติบโตขึ้นมาใหม่ภายในเวลาไม่ถึงสัปดาห์ นอกจากนี้ด้วยฤทธิ์ที่เป็นด่างของครีมกำจัดขน หากสัมผัสกับผิวหนังเป็นเวลานาน ๆ ก็อาจทำให้เกิดอาการแพ้หรือระคายเคืองได้ และถ้าหากผู้ใช้มีประวัติแพ้สารเคมี ก็อาจทำให้เกิดผื่นแพ้ หรือถ้าหากมีอาการที่แพ้รุนแรงก็อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

5. การกำจัดขนด้วยคลื่นวิทยุ

การกำจัดขนด้วยวิธีนี้ เป็นการกำจัดขนด้วยการนำคลื่นวิทยุ หรือคลื่นไฟฟ้ามาจี้เพื่อกำจัดขน โดยแพทย์จะทำการประคบเย็น หรือใช้ยาชาทาบริเวณที่จะกำจัดขน จากนั้นก็จะสอดเข็มขนาดเล็กลงไปที่รูขุมขนและปล่อยคลื่นพลังงานเพื่อกำจัดเส้นขนทีละรูขุมขน โดยวิธีนี้สามารถกำจัดเส้นขนออกจากร่างกายได้ แต่ก็ต้องทำหลายครั้ง และทำแต่ละครั้งก็ใช้เวลานานกว่าจะเสร็จ เหมาะสำหรับคนที่ไม่รีบร้อนในการกำจัดขน ไม่เพียงเท่านั้นยังอาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อ เพราะหากอุปกรณ์ที่นำมาใช้ไม่มีการทำความสะอาดที่ดี ก็อาจทำให้ติดเชื้อ เกิดเป็นปัญหารูขุมขน และผิวหนังอักเสบตามมาได้ค่ะ 

6. การกำจัดขนด้วยเลเซอร์

เลเซอร์กำจัดขนถาวร (Laser Hair Removal) เป็นการกำจัดขนด้วยการใช้พลังงานเลเซอร์ ซึ่งนับเป็นวิธีใหม่ล่าสุดที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด เพราะสามารถกำจัดขนได้อยากถอนรากถอนโคน และทำให้ผิวเรียบเนียนได้ในระยะยาว โดยในการเลเซอร์กำจัดขน เครื่องจะส่งพลังงานความร้อนผ่านลำแสงไปที่ยังเส้นขนที่อยู่ในระยโตเต็มที่ ซึ่งเส้นขนที่เจริญเต็มวัยจะมีเซลล์เม็ดสีจำนวนมาก ทำให้สามารถดูดซับพลังงานความร้อนจากเลเซอร์ได้ และเมื่อเซลล์รากขนดูดซับความร้อนในระดับหนึ่ง รากขนจะฝ่อตัวลง และหยุดการเจริญเติบโต จากนั้นเส้นขนจะหลุดร่วงไป และไม่ขึ้นอีกเป็นเวลานาน ซึ่งข้อดีของการทำเลเซอร์ขนก็คือสามารถทำได้ทุกบริเวณของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นส่วนที่มีความบอบบางก็สามารถทำได้ค่ะ โดยไม่ต้องเสี่ยงกับการที่ผิวจะโดยทำร้ายเนื่องจากพลังงานเลเซอร์ เพราะในปัจจุบันคลื่นพลังงานเลเซอร์ที่นำมาใช้ในการกำจัดขนมี 3 ประเภทใหญ่ ๆ ได้แก่

Long-pulsed Alexandrite laser

Long-pulsed Alexandrite laser เป็นคลื่นพลังงานเลเซอร์ที่มีช่วงความยาวคลื่นอยู่ที่ 755 nm โดยเป็นคลื่นเลเซอร์ที่ใช้ผลึกอเล็กแซนไดร์เป็นตัวกลางในการผลิตแสง ทำให้สามารถลงลึกได้ลึกกว่า และสามารถจับเม็ดสีได้ดีกว่าคลื่นพลังงานเลเซอร์แบบ Long-pulsed ruby laser และ IPL ทำให้มีประสิทธิภาพในการกำจัดขนค่อนข้างดี

YAG Laser

เป็นเลเซอร์กำจัดขนแบบที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในขณะนี้ โดย YAG Laser คือคลื่นพลังงานเลเซอร์ที่มีช่วงความยาวของคลื่นอยู่ที่ 1064 nm ซึ่งช่วงความยาวคลื่นขนาดนี้จะสามารถลงลึกไปในผิวหนังชั้นลึกได้ถึง 7 มิลลิเมตร อีกทั้งยังสามารถจับกับเม็ดสีของเส้นขนได้ดีมาก จึงทำให้สามารถกำจัดเส้นขนได้อย่างหมดจด

Diode Laser

เป็นคลื่นพลังงานเลเซอร์ที่มีช่วงความยาวของคลื่นค่อนข้างหลากหลาย โดยในปัจจุบันที่นิยมใช้นั้นมีช่วงคลื่นความยาวตั้งแต่ 800-810, 940, 1064 – 1350 nm เลเซอร์ Diode สามารถดูดซับเม็ดสีได้ค่อนข้างมาก และสามารถลงลึกถึงผิวหนังชั้นในส่วนลึกได้ จึงทำให้มีความสามารถในการกำจัดขนสูงเมื่อเทียบกับการใช้เลเซอร์ชนิดอื่น ๆ

ส่วน  IPL (intense pulsed light) ที่ได้รับความนิยมด้วยเพราะถูกขนานนามว่าเป็นเลเซอร์ขนราคาถูกนั้น ในความเป็นจริงแล้ว IPL ไม่จัดอยู่ในเลเซอร์ เนื่องจากไม่ใช่พลังงานเลเซอร์ เป็นเพียงแสงความเข้มสูงเท่านั้น แม้จะสามารถทำลายรากขนได้ แต่ไม่สามารถทำลายได้ทั้งหมด ทำให้อาจยังหลงเหลือเส้นขนอยู่ ที่ผ่านมามีหลายเคสที่ผิวเกิดการไหม้หลังจากทำกำจัดขนด้วย IPL พบมากในผู้ที่มีผิวสีเข้ม ดังนั้นแพทย์ผิวหนังในคลินิกที่มีประสบการณ์ด้านการกำจัดขนด้วยเลเซอร์จะไม่แนะนำให้ใช้ IPL ในการกำจัดขน

เลเซอร์ขน แบบไหนดีที่สุด ?

ปัจจุบัน การทำเลเซอร์กำจัดขนแต่ละแบบก็ข้อดีที่แตกต่างกันไป แต่แบบไหนจะดีที่สุดนั้นต้องพิจารณาถึงหลาย ๆ อย่างด้วยกัน อาทิ สีผิว สภาพของผิว และสภาพของเส้นขน เป็นต้น โดยเลเซอร์กำจัดขนที่ดีควรมีช่วงความยาวของคลื่นที่มากเพียงพอ เพราะช่วงความยาวของคลื่นส่งผลโดยตรงต่อการกำจัดขน หากช่วงความยาวของคลื่นนั้นสูงมากพอจะทำให้คลื่นพลังงานลงลึกไปถึงรากขนได้และสามารถทำลายรากขนได้ดี โดยคลื่นพลังงานเลเซอร์ที่สามารถกำจัดขนได้ดีคือ คลื่นพลังงานเลเซอร์ที่มีช่วงความยาวของคลื่นตั้งแต่ 900 nm ขึ้นไป อย่างเช่น YAG Laser และ Diode เป็นต้น

เลเซอร์ขน ต้องทำซ้ำหรือไม่ ?

การทำเลเซอร์กำจัดขน เป็นการกำจัดขนที่จะต้องมีการทำซ้ำ เนื่องจากเส้นขนในแต่ละส่วนของร่างกายมีอายุไม่เท่ากัน อีกทั้งคลื่นพลังงานเลเซอร์จะสามารถกำจัดขนในระยะโตเต็มวัยได้ดีที่สุด เนื่องจากเส้นขนที่โตเต็มไวจะจะมีเม็ดสี เมื่อเลเซอร์กำจัดขนส่งพลังงานผ่านผิวหนังไปที่รากขน เม็ดสีเหล่านี้จะดูซับพลังงานความร้อนจนทำให้รากขนฝ่อลงและหลุดร่วงไปในที่สุด โดยในการทำเลเซอร์แต่ละครั้ง จะสามารถกำจัดขนที่อยู่ในระยะโตเต็มวัยไปได้ 20 – 30% และจะต้องกลับมาทำซ้ำบริเวณเดิมอีกประมาณ 5-8 ครั้ง ตามที่ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่แนะนำ แต่ในรายที่มีขนดกมาก ๆ หรือเส้นขนหนามาก ๆ ก็อาจต้องมีการทำเพิ่มเติมเพื่อเก็บเส้นขนให้หมด

ซึ่งในการทำเลเซอร์ขนในแต่ละครั้งจะต้องทำห่างกัน 3 – 4 สัปดาห์ และโดยส่วนใหญ่แล้วจะเริ่มเห็นผลลัพธ์จากการทำเลเซอร์ขน เมื่อทำไปแล้วประมาณ 3 – 4 ครั้ง โดยหลังจากการรักษาในแต่ละครั้ง ขนจะเริ่มหลุดออกมาจากผิวหนังหลังการรักษาประมาณ 2 สัปดาห์ เมื่อสิ้นสุดการรักษาครั้งที่ 5 ผู้เข้ารับบริการจะสังเกตได้ว่า เส้นขนบริเวณที่รักษาจะเหลือเพียงเล็กน้อย เป็นเส้นบางๆ ซึ่งหลังจากนี้อาจมีการเว้นระยะเวลาในการทำเลเซอร์ห่างขึ้น เมื่อครบทั้ง 8 ครั้งแล้ว ผู้เข้ารับการรักษาบางรายอาจไม่มีขนขึ้นบริเวณนั้นๆ เลยถึง 2 ปี แต่ถ้าหากมีขนขึ้นก็จะเป็นเพียงขนอ่อนๆ ซึ่งสามารถกลับมารักษาซ้ำได้เป็นรายครั้ง

ทำไมต้องทำเลเซอร์ขนเดือนละครั้ง ? 

โดยทั่วไปแล้วการทำ เลเซอร์ขน จะต้องกำจัดขนที่อยู่ในระยะเติบโต หรือระยะ Anagen เท่านั้นถึงจะได้ผล จึงต้องรอให้เส้นขนเติบโตมาจนถึงระยะ Anagen ก่อนจึงจะสามารถทำได้ ทั้งระยะ Anagen เป็นช่วงเจริญวัยของขน ในระยะนี้ต่อมขนจะอยู่ลึกในชั้น Dermis มีเส้นเลือดมาเลี้ยง มีลักษณะเป็นกระเปาะ เป็นระยะที่ประกอบด้วยเซลล์เม็ดสี และมีรากที่พร้อมจะสร้างขนใหม่ ดังนั้นหากใช้คลื่นพลังงานเลเซอร์เข้าไปทำลายรากขนในระยะนี้ก็จะทำให้รากขนฝ่อลง เส้นขนก็จะอ่อนแอ และหลุดร่วงไปในที่สุด และถ้าหากทำซ้ำติดต่อกันหลาย ๆ ครั้ง เส้นขนบริเวณดังกล่าวก็จะไม่ขึ้นใหม่อีกเลย

ไม่เพียงเท่านั้นในการทำ เลเซอร์ขน ผิวหนังบริเวณที่ทำจะได้รับคลื่นพลังงานเลเซอร์ ทำให้ผิวบริเวณดังกล่าวอ่อนแอลงชั่วคราว การเว้นระยะในการทำเลเซอร์ขนก็จะช่วยให้ผิวบริเวณนั้น ๆ ฟื้นตัวกลับมาเป็นปกติ ไม่เสี่ยงต่ออาการเบิร์นไหม้หรืออาการอื่น ๆ ที่ไม่พึงประสงค์จากการทำเลเซอร์กำจัดขนค่ะ

เลเซอร์กำจัดขน ให้ผลถาวรหรือไม่ ?

โดยทั่วไปแล้วการทำเลเซอร์กำจัดขนนั้นจะให้ผลดีในระยะยาว เพราะรากขนที่ฝ่อตัวลงจากการทำเลเซอร์ขน จะไม่กลับมาขึ้นใหม่อีก นอกจากนี้ ความร้อนส่วนหนึ่งจากพลังงานเลเซอร์ยังมีส่วนช่วยกระตุ้นการสร้างคลอลาเจน ทำให้บริเวณที่ทำเลเซอร์ขนนั้นมีผิวที่เรียบเนียนขึ้นอีกด้วย  และไม่เพียงเลเซอร์ขนจะทำให้ไร้เส้นขนเท่านั้น การทำเลเซอร์ขนยังแก้ปัญหาผิวหนังไก่บริเวณใต้วงแขนได้ และเมื่อไม่มีขนแล้ว ตุ่มสิวขนคุดก็หายไปอีกด้วย เรียกได้ว่าทำครบคอร์สแล้วก็เบาใจเรื่องเส้นขน แล้วยังได้ผิวที่เนียนอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม แพทย์ผิวหนังก็ให้ความเห็นว่า หลังจากการทำเลเซอร์ขนแล้ว อาจมีบางรายที่มีเส้นขนอ่อนกลับมาขึ้นได้ เนื่องจากผลข้างเคียงของการทานยาบางชนิดที่กระตุ้นการสร้างเส้นขนได้ นอกจากนั้นการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนบางชนิดในร่างกาย อาจกระตุ้นการสร้างเส้นขนได้เช่นกัน โดยเฉพาะฮอร์โมนเพศชายที่มีทั้งในผู้ชาย และผู้หญิง ซึ่งกำหนดลักษณะทางเพศชาย อย่างเช่นการขึ้นของเส้นขน หากมีระดับฮอร์โมนเพศชายที่สูงขึ้นก็จะทำให้เส้นขนกลับมาขึ้นอีกได้เช่นกัน 

อย่างไรก็ตาม การเลเซอร์ขนจะช่วยให้กำจัดเส้นขนให้หมดไปได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ผู้ให้บริการด้วย เนื่องจากในการทำเลเซอร์จะต้องใช้ความเชี่ยวชาญในการปรับความเข้มข้นของคลื่นพลังงานให้เหมาะสมกับสภาพเส้นขน และสีผิวของผู้เข้ารับบริการ และจะต้องรู้เทคนิคในการทำเลเซอร์ขนเป็นอย่างดี เพราะหากไม่ได้ทำโดยผู้เชี่ยวชาญก็อาจจะไม่สามารถปรับความเข้มข้นของคลื่นพลังงานที่ใช้ในการกำจัดขนได้

ซึ่งแน่นอนว่านอกจากจะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ไม่น่าพึงพอใจแล้ว ยังเสี่ยงต่อการบาดเจ็บได้อีกด้วย เช่น กำจัดขนได้ไม่หมด และยังอาจเสี่ยงต่อการเบิร์นไหม้จากคลื่นพลังงานอีกด้วย นับว่าเป็นเรื่องที่อันตรายอย่างมากในการทำเลเซอร์ขน เพราะหากเจอกับปัญหาเบิร์นไหม้ จากผิวสวยก็กลายเป็นผิวเสียแถมอาจกลายเป็นแผลเป็นถาวรได้อีกด้วย นอกจากเจ็บตัวแล้วยังอาจจะต้องเสียเงินฟรีอีกด้วย ดังนั้นการเลือกคลินิกความงามเพื่อทำเลเซอร์กำจัดขนก็เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม ซึ่งถ้าไม่อยากผิดหวังจากการทำเลเซอร์กำจัดขนแล้วล่ะก็ ควรคำนึงถึง 3 ปัจจัยดังต่อไปนี้ค่ะ 

1. เทคโนโลยีเลเซอร์ที่ใช้ต้องทันสมัย และปลอดภัย

เลเซอร์ที่ใช้ในการกำจัดขนนับเป็นสิ่งสำคัญที่อยู่ในปัจจัยการเลือกว่าจะเลเซอร์ขนที่ไหนดีเลยล่ะค่ะ เพราะถ้าเป็นเทคโนโลยีเก่า ๆ เช่น การกำจัดขนแบบ IPL หรือ แบบใช้คลื่นวิทยุ ก็อาจทำให้เสี่ยงผิวเสีย หรือเกิดปัญหาระคายเคืองผิวตามมได้ ซึ่งปัจจุบันนี้ถ้าจะบอกว่าเลเซอร์กำจัดขนแบบไหนดีที่สุดก็น่าจะต้องเป็นการเลเซอร์กำจัดขนแบบใช้ YAG Laser เพราะเป็นเลเซอร์ที่มีความปลอดภัยสูง แต่ถ้าอยากให้ได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้นก็มีเทคโนโลยีใหม่ที่ผสานการใช้ YAG Laser, Alexandrite Laser และเลเซอร์ Diode ไว้ด้วยกัน ทำให้ผิวเรียบเนียนไร้ขนกว่าที่เคย

2. ต้องมีความเชี่ยวชาญ

ความเชี่ยวชาญของผู้ให้บริการ คือสิ่งหนึ่งที่สร้างความไว้วางใจให้กับผู้เข้ารับบริการ ดังนั้นถ้าอยากได้การกำจัดขนด้วยเลเซอร์ที่ให้ผลลัพธ์ที่ดี และมีประสิทธิภาพ ควรเลือกที่ที่มีประสบการณ์ในการทำเลเซอร์กำจัดขนมาอย่างยาวนาน เพราะผู้ที่มีประสบการณ์จะสามารถกำหนดความเข้มข้นของคลื่นพลังงาน และวางแผนการทำเลเซอร์กำจัดขนได้อย่างเป็นมืออาชีพ

3. รีวิวดี

รีวิวเป็นสิ่งที่ช่วยในการตัดสินใจเลือกสถานที่ทำเลเซอร์ขนได้เป็นอย่างดี เพราะไม่ว่าอย่างไร ผลลัพธ์ที่มองเห็นได้ก็ย่อมน่าเชื่อถือกว่าการคำโฆษณาอยู่แล้ว ดังนั้นก่อนจะตัดสินใจเลือกที่ไหนควรมองหารีวิวของที่นั้น ๆ ก่อน เพื่อจะได้ดูว่าผลลัพธ์ที่ออกมาน่าพึงพอใจหรือไม่ และจะเป็นไปตามที่คุณคาดหวังหรือไม่

และนี่คือความรู้ดี ๆ เกี่ยวกับการกำจัดขน ซึ่งถ้าหากคุณกำลังมองหาสถานเสริมความงามที่มีสิ่งเหล่านี้อยู่ละก็ ที่ APEX เรามีประสบการณ์ด้านการเลเซอร์กำจัดขนถาวรที่มีมาอย่างยาวนาน ทำให้ APEX มีผู้เชี่ยวชาญด้านการทำเลเซอร์กำจัดขน และเทคโนโลยีล่าสุดในการกำจัดขนด้วยเลเซอร์ ที่จะช่วยให้ผู้เข้ารับบริการได้รับผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจสูงสุด บอกลาปัญหาเส้นขนที่ทำให้หนักใจด้วยวิธีการกำจัดขนที่ปลอดภัยและวางใจได้กับ APEX นะคะ

 

ปรึกษา และสอบถามเพิ่มเติม โทร. 063-310-8000
FB inbox : click http://m.me/apexprofoundbeauty
Line : http://line.me/ti/p/@apexcallcenter