กรนหนักแค่ไหน เช็คง่ายๆ ด้วยตัวเองผ่านแอป

การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอนั้นไม่เพียงแต่ช่วยให้สุขภาพและจิตใจดี แต่ทั้งนี้ยังช่วยให้คุณภาพของการนอนหลับสมบูรณ์และระบบการทำงานในร่างกายมีที่มีความเชื่อมโยงกับระบบความจำดียิ่งขึ้นอีกเช่นกัน แต่โดยปกติแล้วการนอนหลับแบบครบวงจรของคนเราจะใช้เวลาคร่าว ๆ โดยประมาณ 30 วินาที – 7 นาที ซึ่งอาการในลักษณะนี้หากร่างกายได้รับการกระตุ้นเพียงเล็กน้อยจากสิ่งรอบข้าง เช่น เสียงรบกวนก็จะตื่นได้ง่ายมาก แต่หลังจากนั้นร่างกายจะเข้าสู่ภาวะการนอนหลับอย่างจริงจัง ซึ่งมีระยะการนอนหลับที่แตกต่างกันดังนี้

  • ระยะที่ 1 การหลับตื้น คือ การนอนหลับแต่ยังไม่ค่อยสนิท จะรู้สึกตัวได้ง่าย และยังไม่มีการฝัน
  • ระยะที่ 2 การหลับลึก คือ ร่างกายจะเข้าสู่โหมดพักผ่อนอย่างจริงจังโดยใช้เวลาตั้งแต่ 30 – 60 นาทีขึ้นไป ในช่วงเวลานี้อุณหภูมิในร่างกายรวมไปถึงความดันโลหิต และอัตราการเต้นของหัวใจจะลดลงเหลือประมาณ 60 ครั้งต่อ 1 นาที
  • ระยะที่ 3 การหลับและฝัน แต่สมองยังตื่นตัวอยู่ ซึ่งอาการในลักษณะนี้ร่างกายจะได้รับการพักผ่อนแต่ระบบความจำของการสั่งการสมองจะยังตื่นตัว ซึ่งในส่วนนี้จะส่งผลในเรื่องของระบบความจำสมองที่สั่งการในเรื่องของทักษะต่าง ๆ ในร่างกายโดยตรง ดังนั้นการพักผ่อนที่ดีที่สุดจึงควรที่จะเริ่มจากการเข้านอนให้ตรงเวลาเพื่อให้นาฬิกาชีวิตจัดการระเบียบในการพักผ่อนได้อย่างเพียงพอต่อวัน เพื่อที่จะช่วยให้ร่างกายนั้นมีสุขภาพที่ดี และมีความรู้สึกสดชื่นหลังตื่นนอน และไม่ง่วงนอนในระหว่างวัน

ภัยเงียบของการนอนหลับไม่เพียงพอ

ในระยะเวลาของการนอนหลับเพียงระยะเวลาสั้น ๆ นอกจากจะส่งผลทำให้ร่างกายเกิดภาวะทางอารมณ์ที่ทำให้รู้สึกอารมณ์เสียบ่อยและหงุดหงิดง่าย ทั้งนี้ยังทำให้ประสิทธิภาพการทำงานและการจัดการระบบต่าง ๆ ในร่างกายนั้นเชื่องช้า ลืมง่าย และรู้สึกเบลอ ๆ ง่วงนอนอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งบางคนยังเข้าสู่ภาวะอันตรายที่เกิดจากการนอนได้อีกด้วย ซึ่งผลกระทบในเบื้องต้นสำหรับผู้ที่พักผ่อนไม่เพียงพอที่พบเจอได้บ่อย คือ มีอาการง่วงนอนบ่อยในเวลากลางวัน , โรคความดันโลหิตสูง , โรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันจากการขาดเลือด , อัตราการเต้นของหัวใจผิดจังหวะ และโรคหลอดเลือดในสมอง เป็นต้น

ภัยร้ายที่ทำให้ร่างกายหยุดหายใจขณะนอนหลับ

นอกจากการนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอจากที่กล่าวมาข้างต้นจะส่งผลเสียทำให้ระบบการสั่งการของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายนั้นสูญเสียพลังงานและประสิทธิภาพต่อระบบต่าง ๆ แล้ว หนึ่งในนั้นที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพร่างกายมาก คือ ภาวะการหยุดหายใจในขณะนอนหลับ ซึ่งปัญหานี้ในเบื้องต้นจะพบได้ว่าสามารถเกิดขึ้นได้บ่อยสำหรับผู้ที่นอนกรน แต่งทั้งนี้การนอนกรนจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ

  • การนอนกรนธรรมดา ในส่วนนี้จะไม่ค่อยเกิดปัญหาภาวะการหยุดหายใจขณะหลับ แต่จะมีผลกระทบต่อคนรอบข้าง เช่น เสียงนอนกรนรบกวนทำให้ผู้อื่นนั้นเกิดการนอนหลับยาก โดยที่เราไม่รู้ตัวในขณะนอนหลับ
  • การนอนกรนที่เข้าสู่ภาวะอันตราย โดยมีภาวะการหยุดหายใจขณะหลับ ซึ่งอาการนี้จะส่งผลทำให้เกิดการง่วงซึมมากกว่าปกติในเวลากลางวัน ใช้ชีวิตด้วยความเหนื่อยล้า ไม่สดชื่น ในส่วนนี้จึงส่งผลเสียทำให้ประสิทธิภาพการจัดการระบบในร่างกายทำงานได้ไม่ดีพอ และแย่ลงหากไม่เข้ารับการรักษาตามอาการ

ทำอย่างไรหากไม่ทราบว่าตัวเองมีอาการนอนกรน ?

ปัจจุบันได้มีการพัฒนาแอปพลิชันนี้ขึ้นมาสำหรับผู้ที่อยากทราบว่าตัวเองมีอาการนอนกรนหรือไม่ เพื่อช่วยให้คลายความกังวล และป้องกันไม่ให้การนอนกรนนั้นเกิดปัญหาที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว โดยแอปพลิเคชันนี้มีชื่อว่า SnoreLab

ซึ่งข้อดีของการใช้แอปพลิเคชันตัวนี้จะสามารถเข้ามาช่วยตรวจจับ และบันทึกผลขณะที่นอนหลับโดยไม่รู้ตัวว่าตัวของเราเองมีอาการนอนกรนหรือไม่ ซึ่งหากพบว่ามีอาการนอนกรน ภายในแอปพลิเคชันจะระบุผลออกมาเป็นคะแนน และเปรียบเทียบกับมาตรฐานของผู้อื่น ทำให้พบว่ามีปัจจัยอะไรบ้างที่ส่งผลกระทบต่อร่างกาย อีกทั้งภายในแอปพลิเคชันใช้งานได้ง่ายมาก เพียงติดตั้งและตั้งค่าให้แอป SnoreLab เปิดใช้งานและวางโทรศัพท์มือถือไว้บนหัวเตียงในขณะนอนหลับ ในตอนเช้าจะมีการประมวลผลจากแอปพลิเคชันว่าตัวของท่านเองมีการนอนกรนเวลาไหน และเสียงดังมากแค่ไหน

วิธีรักษาการนอนกรน

สามารถแก้ปัญหาการนอนกรนจากต้นเหตุโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ได้พัฒนาและคิดค้นนวัตกรรมนี้ขึ้นมาสำหรับผู้ที่มีปัญหานอนกรนโดยเฉพาะ เพื่อรักษาและแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด นั่นคือ SnoreLase เลเซอร์แก้นอนกรน โดยข้อดีของเทคโนโลยีนี้ได้ถูกพัฒนามาแล้วว่าการนอนกรนจะดีขึ้นตั้งแต่ครั้งแรกที่เข้ารับบริการ โดยหลักการทำงานที่เป็นข้อดีของ SnoreLase เลเซอร์แก้นอนกรน คือ

  • รักษาได้โดยไม่ต้องทำการผ่าตัด เพียงใช้เลเซอร์เข้าไปยับยั้งการนอนกรนโดยใช้การยิงเลเซอร์เข้าไปบริเวณกระพุ้งแก้ม เพดานอ่อน และลิ้นไก่ เพื่อให้อวัยวะเหล่านี้เกิดการหดตัวและกระชับขึ้น
  • ในขั้นตอนการทำเลเซอร์จะไม่รู้สึกการต่อต้านและไม่รู้สึกการระคายเคืองต่อผิวหนังภายในช่องปากและลำคอ ดังนั้นผู้ที่เข้ารับการรักษาการนอนกรนจึงมั่นใจได้ว่าจะไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายอย่างแน่นอน
  • หลังทำ SnoreLase จะทำให้พื้นที่ในทางเดินหายใจในระหว่างลำคอหายใจสะดวกและกว้างขึ้นมากยิ่งขึ้น
  • ใช้ระยะเวลาทำเพียง 45 นาที ไม่เจ็บ และไม่ต้องพักฟื้น
  • หลังทำสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ

ทั้งนี้การนอนกรนเป็นเรื่องที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นการหายใจติดขัด หรือการหยุดหายใจในชั่วขณะในระยะเวลาสั้น ๆ ดังนั้นจึงไม่ควรมองข้ามและปล่อยให้ปัญหาการนอนกรนเข้ามามีบทบาทและส่งผลเสียต่อสุขภาพไปมากกว่านี้ สำหรับผู้ที่กำลังศึกษาหาข้อมูลอยู่ว่าจะแก้วิธีการนอนกรนด้วยเลเซอร์แก้นอนกรนที่ไหนดี ทางเราจึงขอแนะนำ Apex Medical Center เลยค่ะ เพราะที่เอเพ็กซ์มีการแก้ไขรักษาปัญหาการนอนกรนโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพ และชะลอวัยแบบครบวงจรจากทีมผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์และชะลอวัยเพื่อฟื้นฟูสุขภาพ ประสบการณ์มากกว่า 30 ปี ดังนั้นจึงมั่นใจได้ว่าหลังเข้ารับการรักษาร่างกายและสุขภาพของท่านเองจะปลอดภัยอย่างแน่นอนค่ะ

 

 

รับโปรโมชัน เลเซอร์นอนกรน  https://lin.ee/somJkar

👩🏻APEX Life Center ศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพและชะลอวัย

Line : @apexlifecenter 👉🏻 https://lin.ee/somJkar

☎ 0627096891 / 0850000855

#ApexLifeCenter #SnoreLase #นอนกรน #AntiAging