วิธีสังเกตครีมที่มีสารอันตราย

ช่วงนี้มีเรื่องน่ากลัวให้สาวๆที่รักความสวยความงาม ต้องสยองกันได้เรื่อยๆเลยนะคะกับการใช้ครีม ที่ซื้อครีมมาในราคาถูกแสนถูกอย่างครีมกิโลที่ดังอยู่พักหนึ่ง ซึ่งสาวๆที่ซื้อไปก็ขาวนะคะขาวจริง แต่ขาวได้พักเดียวเท่านั้นแหละค่ะ

การรีวิวหน้าพังจากการใช้ครีมราคาถูก ก็เริ่มขึ้นทำให้หน้าพังจนเราเห็นได้ในข่าว เราไม่อยากให้สาวๆไปซื้อครีมที่อันตรายมาใช้ เพราะผลลัพธ์ที่ได้จากการอยากขาวและเชื่อโฆษณามากเกิน ทำเอาหลายคนพลาดมาแล้วเยอะแยะ และเพื่อเป็นการเตือนภัยให้กับสาวๆ

มาดูวิธีสังเกตครีมเถื่อนที่ใช้แล้วพังดีกว่าค่ะ ก่อนใช้ครีมที่ซื้อใหม่ทุกครั้งจะได้ไม่เป็นอันตรายนะคะ

“ครีมเถื่อน” คืออะไร??

ตรงตัวค่ะ ครีมเถื่อน คือ ครีมที่ทำออกมาแบบไม่ถูกกฎหมาย ซึ่งก็ได้แก่ ครีมที่ …

  1. ไม่มี อย.
  2. มีสารประกอบครีมเป็นสารที่ อย. สั่งห้าม อย่าง สารปรอท
  3. ใส่สารเกินที่ อย. กำหนด อย่าง สารไฮโดรควิโนน
  4. ใส่สาร สเตียรอยด์

สรรพคุณของครีมแรงเว่อร์ (เพราะใส่สารเกิน เนี่ยแหละค่ะ )
แบ่งขายเป็นกิโลกรัมได้
✔ แต่ราคาถูก
✔ไม่มียี่ห้อ
✔ไม่มีฉลาก ที่ระบุสถานที่ผลิต ผู้ประกอบการ ส่วนผสม วันเดือนปีหมดอายุ ครีมเถื่อน

โดยผลลัพธิ์ที่ได้จากการใช้ครีมเถื่อน ไม่ค่อยได้ตรงตามที่แม่ค้าครีมโฆษณานะคะ อาจจะขาวใส อยู่ 1 อาทิตย์ แล้วหน้าพังเลยแต่ไม่ใช่ทุกยี่ห้อจะเป็น ก่อนซื้อครีมทุกครั้งควรตรวจให้ดีก่อนซื้อ ว่ามีอย.ไหม มีฉลากรึเปล่า ตรวจก่อนทุกครั้งนะคะแต่ก็นั้นแหละค่ะ ยังไงเราก็ต้องรู้เรื่องว่าจะตรวจสอบยังไงว่าเป็นครีมเถื่อน

เทคนิค จับ 3 สารของครีมเถื่อน!

1.สารปรอท ระวังคำนี้ไว้เลยค่ะ คำว่า “ขาวไว!” เพราะในครีมที่โฆษณาแบบนี้จะต้องมีส่วนผสมของสารปรอทแน่นอน

แล้วทำไมต้องระวังสารปรอทนะเหรอคะ? มารู้จักสารปรอทกันเถอะ

“ปรอท เป็นสารต้องห้าม” อย.ได้ระบุไว้ชัดเจนว่า ห้ามใส่สารปรอทลงในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง เพราะปรอทเป็นสารโลหะหนักที่มีพิษ แม้จะได้รับเพียงเล็กน้อย แต่สารปรอทก็จะยังคงสะสมอยู่ในร่างกายค่ะ โดยสารปรอทจะเร่งการผลัดผิวให้ไวขึ้น จึงทำให้เห็นว่า “แค่ 1 อาทิตย์ก็ขาวแล้ว!” แต่ผลจากการขาวไวนั้นอันตรายกว่าที่คิดค่ะ

ผลข้างเคียงของ สารปรอท เพราะสารปรอทจะไปเร่งการผลัดเซลล์ผิวให้ไวขึ้น แถมยังเป็นโลหะหนักมีพิษ ที่ถึงแม้จะได้รับแค่เพียงเล็กน้อยก็จะสะสมอยู่ในร่างกาย แต่เมื่อได้รับสารปรอทเข้าไป สิ่งที่จะเกิดตามมามันร้ายแรงอย่างเช่น

✔ ผิวหนังไวต่อแสงถึงจะขาวไว แต่ก็จะทำให้ผิวบางมากค่ะ คราวนี้จะทำให้รู้สึกแสบร้อนบริเวณผิวหนัง
✔เกิดผื่นแดง
✔เกิดฝ้า
✔ผิวหน้าดำ คล้ำไหม้ ถ้าเกิดว่าแพ้ขึ้นมา

และไม่ใช่แค่ผิวหนังที่จะได้รับผลข้างเคียงนะคะ ระบบหายใจ และระบบสมองก็ได้รับผลข้างเคียงนี้ด้วย อย่างเช่น

1.ส่งผลให้หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ
2.ตับเป็นพิษ
3.ไตเสีย
4.ระบบประสาทเสื่อม
5.ส่งผลต่อเด็กในครรภ์ อาจจะทำให้เด็กพิการได้

วิธีสังเกต ครีมใส่สารปรอท

ผลเสียทำให้ระบบประสาทเสื่อมได้  ด้วยเหตุนี้ อย.จึงได้สั่งห้ามใส่ในผลิตภัณฑ์ รู้แบบนี้แล้วสาวๆก็ต้องระวังตัวกันด้วยนะคะแล้วถ้าอยากรู้ว่าครีมตัวไหน มีสารปรอทไหม ลองใช้วิธีนี้สังเกตดูนะคะ

เริ่มกันที่ทาครีมลงบนท้องแขนแล้วเอาพลาสเตอร์ปิดแผล ปิดทับครีมที่ต้องการทดสอบค่ะ จากนั้น เอาพลาสเตอร์ปิดแผล อีกชิ้นแปะลงบนผิว ในบริเวณใกล้เคียงกัน รอเวลาผ่านไป 5 ชั่วโมง ลอกเอาพลาสเตอร์ออกค่ะ

สังเกตดูว่า หากตรงบริเวณที่ทาครีม ขาวซีด ผิดปกติกว่าอีกอัน เป็นแน่นอนว่า ครีมที่สาวๆกำลังจะใช้ มีสารปรอทแน่นอนค่ะ

สเตียรอยด์ คืออะไร

สารสเตียรอยด์ เป็นสารสังเคราะห์จากฮอร์โมน Cortisol โดยใช้ในทางการแพทย์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และมีฤทธิ์เฉพาะเจาะจงกับบางโรคโดยเฉพาะค่ะ โดย “สาร สเตียรอยด์ ถูกกฎหมายกำหนดให้เป็นยาควบคุมพิเศษ” แต่ในด้านความสวยและความงาม สเตียรอยด์ จะถูกนำเอามาใช้เรื่องของการรักษาสิว

ซึ่งครีมที่ขายตามตลาดนัด หรือครีมในเน็ทที่ราคาถูก ขาว ใส ไร้สิว ใน 7 วัน ส่วนมากล้วนแล้วแต่มีสเตียรอยด์ทั้งนั้นค่ะ

ผลข้างเคียงของสเตียรอยด์

ถ้าสาวๆคิดว่า ขนาดคุณหมอยังให้สารสเตียรอยด์ในการรักษาสิวเลย แล้วมันจะมีอันตรายอะไร? ถูกค่ะที่คุณหมอจะใช้สเตียรอยด์ในการรักษาสิวจริง แต่!คุณหมอก็เป็นผู้เชี่ยวชาญทางผิวหนังนะคะ คุณหมอจะรู้ว่าจะต้องจ่ายยาเท่าไหร่ให้คนไข้ได้รับในปริมาณที่พอดี แต่หากเราไปซื้อครีมมาใช้กันเอง เราไม่สามารถรู้ได้ว่าเราได้รับสเตียรอยด์ไปแล้วเท่าไหร่ แล้วถ้าเราได้รับสารสเตียรอยด์มากไปนี้เป็นผลที่เราจะได้รับหลังจากหน้าใสไร้สิวแล้วค่ะ

1.หน้าบวมกลม จากสารเคมี
2.หลังเป็นโหนก
3.กระเพราะอาหารเป็นแผล
4.เกิดภาวะติดเชื้อง่ายๆ

และไม่ใช่แค่อาการที่เป็นผลเสียแก่ร่างกายนะคะ มาดูผลกระทบที่เกิดกับผิวหน้าเรากันค่ะ อาการหน้าบาง หลังจากครีมที่มีสารผสมของสเตียรอยด์ไปสัก 2 – 4 สัปดาห์ สิ่งแรกที่จะเกิดกับสาวๆ คือ อาการหน้าบาง เป็นอาการที่ผิวหน้าของเรา เกิดการสูญเสียกระบวนการผลิตคอลลาเจนไป ทำให้ผิวหน้าบางตัวลง แล้วสิ่งที่จะบอกเราได้ว่าผิวหน้าของเราสูญเสียกระบวนการผลิตคอลลาเจนแล้ว 

✔ จะเกิดรอยแตกบนผิวหน้าขึ้น
✔ หน้าแดง หลังจาก ผิวหน้า ที่เป็นปราการด่านแรกได้ถูกทำลายแล้ว
✔ เส้นเลือด ที่อยู่ตามผิวหน้า ก็จะถูกทำร้ายเป็นอย่างต่อมาค่ะ นั้นทำให้เส้นเลือดเกิดความผิดปกติ

ทำให้หน้าดูแดงก่ำอยู่ตลอดเวลา แล้วก็ไม่ใช่แดงเลือดฝาดนะคะ

✔ สีผิวหนังซีด เกิดเป็น ด่างขาว
✔ เกิดรอยหลุมสิว
✔ สิวผดถามหารัวๆ

แล้วพอผิวหน้าเสีย เกิดสิว เราก็จะไปซื้อยาสเตียรอยด์มาใช้อีก จนเกิดเป็นอาการติดสเตียรอยด์ คราวนี้แหละค่ะ ทั้ง สิวผด บนหน้าแดงจากการอักเสบของผิว ก็จะตามมา แล้วหลังจากที่สวยได้ 2 – 4 สัปดาห์ หน้าก็จะพังจนต้องร้องไห้หนักมาก แถมค่ารักษาอาการติดสเตียรอยด์ แพงกว่าครีมเป็น 100 เท่าเลยค่ะ น่ากลัวสุดๆไปเลยค่ะ

วิธีสังเกต ครีมใส่สาร สเตียรอยด์

เห็นผลข้างเคียงจากการใช้สเตียรอยด์เกินขนาดกันแล้วใช่ไหมคะ? อย่าเสี่ยงกันเลยเนอะ ไม่คุ้มเสียเลย ถ้าอยากรักษาสิวจริงแนะนำให้หาแพทย์ที่เชี่ยวชาญนะคะ คุณหมอจะรู้ดีกว่าเราแน่ๆค่ะ ว่าจะต้องใช้สเตียรอยด์แค่ไหน ให้หน้าเราสวยใสแล้วถ้าสาวๆที่เราจะต้องซื้อครีมรักษาสิวใช้เอง ก็ควรหลีกเลี่ยง สเตียรอยด์ดีกว่าค่ะแล้วถ้าอยากรู้ว่าครีมที่เราซื้อมา มีสารสเตียรอยด์ไหม ของแบบนี้ต้องพิสูจน์เนอะ มีวิธีพิสูจน์ง่ายๆก่อนใช้ครีม

เรามาพิสูจน์ให้สาวๆเก็บไว้เป็นความรู้ก่อนใช้ครีมกันค่ะ

1.ให้สาวๆป้ายครีมลงบริเวณท้องแขนที่เป็นเนื้ออ่อน แล้วแปะพลาสเตอร์ปิดแผลทับบริเวณที่ทาครีมลงไป จากนั้นก็ไปทำอะไรเพลินๆ สัก 6 ชั่วโมงนะคะ แล้วแกะออก ถ้าแกะมาปุ๊บ มันขาวซีดผิดปกติ แปลว่า สาวๆ โดนครีมสเตียรอยด์เข้าแล้วค่ะ

2.สาวๆสามารถหาซื้อชุดทดสอบสเตียรอยด์ได้จากร้านเภสัชกรแถวบ้าน โดยชุดทดสอบสเตียรอยด์แบบชุด จะใช้ทดสอบกับยาแผนโบราณได้ค่ะ ขอขอบคุณข้อมูลจาก – กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข

3. “ไฮโดรควิโนน ฝ้า กระหายไว หน้าขาวใส ใน 5 – 7 วัน ! ปัง!” คุณโดนสารไฮโดรควิโนนเข้าให้แล้วค่ะ ครีมที่มีสรรพคุณอ้างว่าจะช่วยให้หน้าขาวได้อย่างรวดเร็ว เพราะ สารไฮโดรควินโนนเป็นสารเคมีที่ออกฤทธิ์โดยการยับยั้งกระบวนการสร้างเม็ดสีของผิวหนัง ที่เราคงจะเคยได้ยินอีกชื่อ คือ เมลานินนั่นเอง และเมื่อกระบวนการการสร้างเม็ดสีถูกยับยั้ง ก็จะทำให้ผิวขาวขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะใช้ในเรื่องของการรักษาฝ้าค่ะ

ผลข้างเคียงของไฮโดรควิโนน

สารไฮโดรควิโนน ความจริงแล้วมีประโยชน์ในคลินิกที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญค่ะ โดยแพทย์สามารถสั่งจ่ายยา ที่ส่วนประกอบของสารชนิดนี้ได้ แต่ “กฎหมายสั่งห้าม ไม่ให้ใส่สารไฮโดรควิโนนลงในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางทั่วไป” เพราะครีมที่ขายทั่วไปจะใส่สารนี้เกินกว่าที่ อย.กำหนดไว้ถึง 3 – 5 % จึงทำให้ผิวขาว ฝ้า รอยดำจากสิวหายไว แต่ผลข้างเคียงจากการใช้สารไฮโดรควิโนนในระยะเวลาที่นานไป จะรักษายาวกว่านั้นเลยค่ะ โดยผลที่เกิดจากการใช้สารไฮโดรควิโนนเป็นเวลานานเกินไปจะทำให้

1.เกิดการระคายเคืองบนผิวหนัง
2.เกิดด่างขาว
3.ผิวหน้าดำ
4.เกิดฝ้า สีน้ำเงินถาวร
5.เกิดโรคผิวหนัง
6.เกิดตุ่มนูนสีดำบริเวณที่ทาครีมบ่อยๆ

แล้วทาครีมที่มีสารไฮโดรควินิน แต่ไม่ทากันแดดฝ้าที่สาวๆเป็นอยู่ จะดำกว่าเดิมค่ะเพราะสารตัวนี้ไวต่อแสงมาก และหนักกว่านั้นเมื่อใช้ครีมทาฝ้าที่มีส่วนผสมของสาร ไฮโดรควินินนานเกิน 6 เดือน เสี่ยงเป็นมะเร็งผิวหนังด้วยค่ะ สารตัวนี้มีทั้งข้อดีและข้อเสียโดยทั่วไป ถ้าไม่อยากเสี่ยงก็ไปหาหมอดีกว่านะคะ

วิธีสังเกต ครีมที่ใส่สารไฮโดรควิโนน

ความจริงแล้วคุณหมอ หรือ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะสามารถใช้สารตัวนี้รักษาฝ้านะคะ แต่อยู่ในปริมาณที่ อย. กำหนด คือห้ามเกิน 2 % และคุณหมอก็จะรู้อยู่แล้วค่ะว่าต้องใช้ระยะเวลาเท่าไหร่ในการรักษาฝ้าให้หาย

วิธีสังเกตง่ายเลยคือ

1.อ่านฉลากครีมที่ซื้อมาค่ะ โดยกฎหมายอนุญาตให้ใส่สารไฮโดรควินินได้ไม่เกิน 2 %

2.ใช้น้ำละลายผงซักฟอกเข้มข้น แล้วเอาคัตตั้นบัตปาดครีมขึ้นมาเบาๆ จากนั้นก็เอาครีมจุ่มลงไปน้ำละลายผงซักซอกเข้มข้นเลยค่ะ ทิ้งไว้สัก 1 – 2 นาที แล้วเอาขึ้นมาดู ถ้าครีมเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล หรือสีโกโก้ แสดงว่ามีสารไฮโดรควิโนนค่ะ

ทั้งนี้ สารไฮโดรควิโนนไม่สามารถที่จะหยุดใช้ได้ปุ๊บปั๊บ ถ้าสาวๆใช้ไปแล้วให้ค่อยๆหยุดใช้ เช่น เปลี่ยนเป็น 2 -3 วัน ทาสักครั้งจะได้ไม่เกิดผลข้างเคียงมากค่ะ