มีอะไรในโครงสร้างผิว ที่ทำให้เราแก่

quick-antiaging-fixes-1

หากทุกคนลองสังเกตคนที่ดูอ่อนวัย ดูเด็ก แม้อายุจะขึ้นเลข 4 เลข 5 แล้วก็ตาม พวกเขามีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน คือ ผิวที่ดูดี ตึง กระชับ ไม่เหี่ยว ไม่หย่อน เปล่งปลั่ง เรียบเนียน มีน้ำมีนวล ดังนั้นอะไร คือ สิ่งที่อยู่ภายใต้ผิวหนังของเรา ที่ทำให้อายุผิวของแต่ละคนแตกต่างกัน?

บางคนมีอายุเท่ากัน แต่กลับดูเหมือนว่าอีกคนนั้นหน้าแก่กว่า เป็นเพราะว่าผิวที่ดูอ่อนเยาว์นั้นจะทำให้ดูอ่อนวัยกว่าอายุจริง และดูดีได้อย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องทำอะไรเลย

อะไรคือความลับที่ทำให้ผิวอ่อนเยาว์?

ความลับอยู่ที่นี่เลย.. ผิวสามชั้น

ผิว ถ้าอยากให้สวยนั้นต้องทำความรู้จักผิวให้ลึก ลึกกันถึง 3 ชั้นไปเลย บทความนี้จะพาดำดิ่งสู่โลกใต้ผิวสวย เพื่อทำความรู้จักกับโครงสร้างผิวทั้งสามชั้นของแต่ละคน เพราะเจ้าผิวสามชั้นนี่แหละที่มีอิทธิพลอย่างมหาศาลต่อผิวสวยของผู้หญิง อยากให้ผิวดูสุขภาพดีหรือเนียนกระชับแค่ไหน ต้องไปรู้จักกับผิวทั้งสามชั้นให้ดี จะได้ดูแลให้ถูกวิธีและดูอ่อนเยาว์ไปนานๆ ค่ะ

older-skin-younger-skin

ผิวชั้นแรกสุด Epidemis โรงงานผลิตเซลล์ผิวสวย

ภายใต้ผิวหนังที่เราสัมผัสได้นั้นมีโรงงานผลิตเซลล์ผิวสวยซ่อนตัวอยู่ มีชื่อว่า Epidermis หรือที่เรารู้จักกันว่า ชั้นหนังกำพร้า ซึ่งถือว่าเป็นปราการด่านแรกของผิว ทำหน้าที่เหมือนอาภรณ์ชิ้นงามที่ปกคลุม และปกป้องร่างกายจากเชื้อโรคร้ายต่างๆ ถ้าผิวในชั้นนี้ติดเชื้อก็จะเป็นแบบเด็กดักแด้นั่นเลยทีเดียว จึงถือว่ามีความสำคัญอย่างมาก

โรงงานผลิตเซลล์ผิวจะทำหน้าที่สร้างเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาแทนผิวหนังที่ตายแล้วอยู่ตลอดเวลา โดยผิวที่ตายแล้วก็จะอยู่ชั้นบนสุด เรียกว่า Horny Layer เป็นชั้นบางๆ (บางยิ่งกว่ากระดาษทิชชูเสียอีก) หลังจากมีอายุราว 14 วันก็จะผลัดตัวเองทิ้ง ซึ่งก็จะพอดีกับเซลล์ผิวใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นมาทดแทน ซึ่งจะกินเวลาราว 14 วันเช่นกัน ทำให้คนเรามีผิวใหม่ที่สวยใสอยู่เสมอ แต่ทั้งนี้การทำงานของกระบวนการผลัดผิวนี้จะค่อยๆ ช้าลงตามเงื่อนไขของอายุ เช่น ตอนเป็นวัยรุ่น ผิวจะขจัดเซลล์เก่าที่ตายแล้วทุกๆ 2830 วันโดยอัตโนมัติ แต่เมื่ออายุมากขึ้นกระบวนการนี้อาจล่าช้าไปถึง 45-50 วันเลยทีเดียว และนี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมผิวของเด็กหรือวัยรุ่นจึงดูเนียนใสเปล่งปลั่งกว่าวัยผู้ใหญ่ ซึ่งผิวหนังที่ตายแล้วจะสะสมอยู่เป็นเวลานาน ทำให้ผิวดูหม่นหมองไม่สดใส วิธีที่จะช่วยดูแลผิวในชั้นนี้ จึงต้องช่วยผลัดและกระตุ้นให้เกิดการฟื้นฟูสร้างผิวใหม่ ซึ่งทุกคนสามารถทำได้โดยการสครับผิวเองที่บ้าน สัปดาห์ละครั้งหรือเดือนละครั้ง ทั้งนี้ขึ้นอยุ่กับสภาพผิวว่า ผิวของแต่ละคนนั้นมีความ sensitive มากน้อยแค่ไหน แต่หากเข้ารับบริการที่คลินิก แพทย์ก็จะมีวิธีดูแลในการผลัดเซลล์ผิว และกระตุ้นให้เกิดเซลล์ผิวใหม่อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยการใช้เทคโนโลยีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการผลัดเซลล์ด้วยอนูของน้ำ อัลตร้าซาวด์ หรือเครื่องมืออื่นๆ ตลอดจนการใช้เซลล์บำบัด เพื่อให้เกิดการฟื้นฟูผิวใหม่ได้ดียิ่งขึ้น การผลัดเซลล์ผิวก็ไม่ควรทำบ่อยจนเกินไปนะคะ เพราะผิวชั้นนี้จะเป็นตัวปกป้องเราจากสิ่งแปลกปลอมต่างๆ และยังช่วยทำหน้าที่กักเก็บความชุ่มชื้นและน้ำมันให้กับผิวอีกด้วย

นอกจากนี้ในชั้นของ Epidermis ยังเป็นที่อยู่ของพวกเมลาโนไซต์ (melanocytes) เซลล์เหล่านี้แหละที่ทำหน้าที่ผลิตเมลานิน ซึ่งทำให้คนเรามีสีผิวที่แตกต่างกันออกไป หรือเป็นตัวก่อให้เกิดจุดด่างดำบนใบหน้านั่นเอง การดูแลตัวเองเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหานี้จึงต้องหมั่นทาครีมกันแดด และหลีกเลี่ยงจากแสงแดด ซึ่งถือว่าเป็นวิธีป้องกันที่ดีที่สุด แต่สำหรับคนที่มีปัญหาแล้วก็อาจจะต้องปรึกษาแพทย์ผิวหนัง เพื่อการรักษาที่ถูกต้องเหมาะสม เพราะการรักษาที่ผิดอาจทำให้ผิวมีปัญหาหมองคล้ำ และจุดด่างดำชัดเจนหรือมีมากขึ้น การแก้ปัญหาในผิวของคนอายุน้อยๆ เราอาจใช้วิธีรักษาด้วยการผลัดเซลล์ด้วยกรดผลไม้ และการเพิ่มวิตามินบำรุงให้กับผิว ก็สามารถทำให้ผิวกลับมาสดใส เปล่งปลั่งได้ แต่สำหรับจุดด่างดำที่อยู่ลึกก็จำเป็นต้องใช้เลเซอร์ในการรักษา ซึ่งแพทย์ที่มีประสบการณ์จะสามารถแนะนำได้ว่า ควรจะใช้เลเซอร์แบบไหนจึงจะเหมาะสมกับสภาพปัญหาที่สุด ไม่ว่าจะเป็น IPL, Yag, Ruby, Fraxel หรือเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นในการรักษา ใช้เวลาน้อยลง เห็นผลชัดเจนเร็วขึ้นและผลข้างเคียงน้อยลงอย่าง Sublative RF และ เลเซอร์ล่าสุดที่ชื่อว่า PicoSure เป็นต้น แต่การรักษาด้วยเลเซอร์มากจนเกินไป ก็จะทำผิวบางลงและเกิดปัญหาจุดด่างดำได้ง่ายขึ้น ส่วนการทานยาก็เช่นกันหากทานมากเกินไป ก็จะส่งผลต่อไตได้ ดังนั้นในการรักษาจึงควรปรึกษาและอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

Dermis เมืองหลวงของผิว

ผิวหนังชั้นถัดจากหนังกำพร้านั้นมีชื่อเรียกว่า Dermis ซึ่งจะเรียกว่าเป็นเมืองหลวงของผิวก็ว่าได้ ผิวชั้นนี้มีความหนามากถึง 90 เปอร์เซ็นต์ของโครงสร้างผิวทั้งหมด แถมยังเป็นศูนย์รวมของส่วนสำคัญต่างๆ ทั้งเส้นประสาทที่คอยรับสัมผัส ต่อมเหงื่อ ต่อมไขมัน รากผมและเส้นเลือด

ผิวหนังชั้นนี้จะประกอบด้วยโปรตีนหลัก 2 ชนิด คือ เนื้อเยื่อคอลลาเจน (Collagen) และเนื้อเยื่ออีลาสติน (Elastin) ซึ่งเปรียบเสมือนดาวเด่นที่ขาดไม่ได้ในผิวสวย เพราะคอลลาเจนและอีลาสตินนี่แหละ ที่จะช่วยให้ผิวมีความแข้งแรงและยืดหยุ่นประมาณว่า ผิวจะสวยกระชับแค่ไหนก็ขึ้นอยู่ที่ดาวเด่นทั้งสองนี้เอง

collagen-fibers

คอลลาเจนนั้นจะช่วยให้ความแข็งแรง หนาแน่นและกระชับ แถมยังช่วยซ่อมแซมผิวที่เป็นรอยแผลด้วยการสร้างเนื้อเยื่อบางๆ ปกคลุมไว้ ซึ่งถ้าสร้างในปริมาณมากเกินไปก็จะเกิดเป็นรอยแผลเป็น ส่วนอีลาสตินจะช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่นและคืนรูปได้ หรือที่เรียกว่าผิวเด้งนั่นเอง

ถ้าคอลลเจนในชั้นนี้ถูกทำลาย สิ่งที่จะปรากฏให้เห็นในชั้นผิวหนังภายนอกก็คือ รอยแผลเป็น ตัวอย่างก็เช่น แผลเป็นหลุมสิว ริ้วรอยบนใบหน้า สีผิวเปลี่ยนไม่สดใสเหมือนผิวปกติ เรียกว่ารวมทุกสิ่งที่เป็นหัวใจของผิวสวยเลยก็ว่าได้ ด้วยเหตุนี้เองจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เลเซอร์ส่วนใหญ่ในตลาดความงามมีเป้าหมายอยู่ที่ผิวชั้นนี้เกือบทั้งหมด

สำหรับเลเซอร์ที่ส่งพลังงานลงไปในผิวชั้นนี้ มีข้อควรรู้อีกอย่างคือ ยิ่งพลังงานลงมากเท่าไร ก็จะยิ่งกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินได้มากเท่านั้น แต่ยิ่งพลังงานลงมากเท่าไรก็แน่นอนว่าจะมีผลข้างเคียงมากตามไปด้วย อย่างไรก็ดีเทคโนโลยีใหม่ๆ ก็จะมีความก้าวหน้ามากขึ้น สามารถส่งพลังงานลงได้มาก โดยที่มีผลข้างเคียงน้อยลงหรือแทบไม่มีเลย ดังนั้นการจะเลือกใช้เลเซอร์หรือเครื่องมือตัวไหน จำเป็นจะต้องมีผู้เชี่ยวชาญพิจารณาเป็นกรณีๆ ไป รวมทั้งควรศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติม เพราะในปัจจุบันเทคโนโลยีมีความเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว คำว่า เลเซอร์ อย่างเดียว จึงแทบไม่มีความหมายใดๆ เลย เพราะถ้าไปเจอเลเซอร์ถูกๆ ที่ผลิตไม่มีคุณภาพ ไม่มีการรับรองจากองค์การอาหารและยา ก็อาจจะไม่ได้ผลหรือเกิดอาการผิวไหม้มาแทนผิวสวยได้ จึงต้องระมัดระวัง และปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นค่ะ

melasma-natural-treatment-2

Fat Layer

ถัดลงไปจากชั้นหนังแท้จะเป็นเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง ซึ่งประกอบไปด้วยเนื้อเยื่อไขมันเป็นส่วนใหญ่ ทำหน้าที่คล้ายฉนวนกันความร้อน และเป็นคล้ายเบาะกันกระแทกให้แก่อวัยวะภายในร่างกาย นอกจากนี้ในส่วนลึกของหนังแท้จะมีคอลลาเจนที่ยึดเซลล์ไขมัน เป็นคอลลาเจนในชั้นลึก มีลักษณะเป็นเส้นใยพังผืดประสานกันอยู่ค่อนข้างแน่น ซึ่งความแข็งแรง ตึงกระชับและความยืดหยุ่น ของผิวหนังก็อยู่ที่เส้นใยพังผืดและเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังนี่เอง

คนที่อายุมากเส้นใยพังผืดเหล่านี้ก็จะยืดหยุ่นลดน้อยลง เป็นสาเหตุของผิวหย่อนคล้อย ซึ่งทำให้เทคโนโลยียกกระชับระดับลึกทั้งหลายนั้นจะส่งพลังงานลงไปแก้ปัญหาในผิวชั้นนี้ โดยทำให้เส้นใยคอลลาเจนที่หย่อนคล้อย ขาดการยืดหยุ่นสปริงตัวนั้นหดกลับมาและมีเกลียวที่ขึงตึงขึ้น จึงยึดเนื้อเยื่อไขมันได้ดีมากขึ้น มีผลให้ผิวกลับมาแน่นกระชับตึง มีความยืดหยุ่นสปริงตัวได้ดีขึ้น แก้ไขปัญหารูปหน้าเปลี่ยนจากผิวหย่อนคล้อยได้ทั้งบริเวณหน้าและคอ

ijemkrv

หากลึกลงไปอีก ซึ่งเป็นชั้นลึกสุดของโครงสร้างผิวที่อยู่ติดกับกล้ามเนื้อ มีลักษณะเป็นแผ่นพังผืดบางๆ ยึดโครงผิวหนังทั้งหมดไว้ เป็นเสมือนเบาะรองอยู่ใต้ชั้นไขมัน มีชื่อเรียกว่า SMAS จะทำหน้าที่พยุงโครงสร้างทั้งหมดของผิวไว้ ซึ่งการจะแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย ดูมีอายุ ก็จะต้องทำให้ SMAS กลับมาขึงตึงอีกครั้ง ในอดีตการจะแก้ไขดึง SMAS ให้ตึงนั้น ทำได้เพียงการผ่าตัดลงไปดึงกันในจุดนี้ ที่เรียกว่าผ่าตัดทำ Face Lift นั่นเอง แต่ในปัจจุบันได้มีวิธีการใหม่ๆ อย่าง Ulthera ที่ใช้พลังงาน High Intesity Focus Ultrasound (HIFU) และเวอร์ชั่นล่าสุดของเทคโนโลยีสำหรับการยกกระชับ ที่ชื่อว่า Macro Hifu ซึ่งจะทำงานด้วยการส่งพลังงานเสียงความถี่สูงลงไปในชั้นที่เรียกว่า SMAS นี้ และส่งพลังงานลงไปเป็นจุดถี่ๆ เสมือนการเย็บผ้า ทำให้โครงสร้างที่หย่อนคล้อยกลับมาตึงกระชับอีกครั้ง ผิวยกกระชับขึ้น คิ้วยกขึ้น ตาโตขึ้น สามารถแก้ไขกรอบหน้าที่หย่อนคล้อยให้กลับมาได้รูปรวมไปถึงรอยย่นที่คอด้วย สำหรับเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด Macro Hifu มีการพัฒนาพลังงานให้ไม่เพียงแต่ลงลึกถึงชั้น SMAS เท่านั้น แต่ยังส่งพลังงานลงฟื้นฟูทั้ง 3 ชั้นผิว ตั้งแต่ผิวชั้นบน ที่จะช่วยเรื่องเม็ดสีและความเปล่งปลั่ง ทำให้ผิวมีน้ำมีนวล ผิวชั้นกลาง ซึ่งจะฟื้นฟูสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ ทำให้ผิวแน่นตึง กระชับ เรียบเนียน และสุดท้าย ชั้นล่างสุดทั้งส่วนของคอลลาเจนลึก และ SMAS ทำให้โครงสร้างผิวยกกระชับขึ้น ปรับเปลี่ยนรูปหน้าที่หย่อนคล้อยให้กลับกระชับได้รูปอีกครั้ง Macro Hifu จึงเป็นเทคโนโลยีล่าสุดที่กำลังมาแรง เพราะฟื้นฟูได้ถึง 3 ชั้นผิวในทรีทเม้นท์เดียว ไม่เพียงแต่ปรับรูปหน้าเรียวและยกกระชับ แต่ยังได้ผิวที่เปล่งปลั่ง มีน้ำมีนวล ซึ่งล้วนเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ดูอ่อนเยาว์นั่นเอง

เมื่อเข้าใจผิวสามชั้นแล้วสามารถดูแลเอาใจใส่ได้อย่างถูกต้องเหมาะสม ผิวสวยก็ไม่หนีไปไหน ซึ่งทุกคนสามารถมีผิวที่ดูอ่อนเยาว์ ลดอายุได้เป็น 10 ปี สวยแบบธรรมชาติได้โดยไม่ต้องแต่งค่ะ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

Facebook : m.me/apexprofoundbeauty
LINE : @apexbeauty

www.apexprofoundbeauty.com

apexhaircenter

รับสิทธิ์ ราคาพิเศษ