ผมร่วง กินยารักษาผมร่วงได้ผลจริงหรือเปล่า ?

ผมร่วง

วิธีแรกของการรักษาผมร่วง ผมบาง คงต้องนึกถึงการกินยา หรือ การใช้แชมพูรักษาผมร่วงผมบางเป็นอันดับแรก ใครๆต่างหาข้อมูลกันว่ายารักษาผมร่วงเหล่านี้มันได้ผลจริงมั้ยและมันมีชื่อว่าอะไรบ้าง มารู้จักกันเลยดีกว่า

ปัจจุบันมียาที่ใช้รักษาภาวะผมร่วงจากกรรมพันธุ์ที่มีผลทางการแพทย์พิสูจน์และผ่านการตรวจสอบจาก FDA (Food and Drug Administation) หรือ อ.ย. อเมริกาว่าได้ผลในการรักษามีอยู่เพียง 2 ชนิด คือ

1. ฟิแนสเทอไรด์ (Finasteride)

ยาตัวนี้จะไปออกฤทธิ์ลดระดับฮอร์โมน DHT (Dihydrotestosterone) ลดลงกว่า 60 % จึงช่วยป้องกันมิให้เส้นผมมีขนาดเล็กลงและยังอาจทำให้เส้นผมมีขนาดโตขึ้นได้ ฮอร์โมน DHT เป็นตัวการที่ทำให้เกิดภาวะ ผมบาง ศีรษะล้าน แบบกรรมพันธุ์นั่นเอง

DHT คืออะไร? เกี่ยวข้องกับการเกิดภาวะผมร่วง และ ผมบาง อย่างไร?

ส่วนใหญ่ผู้ที่เกิดภาวะผมร่วง หรือ ผมบางจากฮอร์โมนและพันธุกรรมจำเป็นต้องมีองค์ประกอบ 2 ส่วน คือ

1. กรรมพันธุ์ หรือ ยีนศีรษะล้าน ซึ่งได้รับการถ่ายทอดมาจากบรรพบุรุษในครอบครัวมีประวัติผมร่วง และ ผมบาง

2.ฮอร์โมนเพศชาย หรือ Testosterone(T) ซึ่งฮอร์โมนเพศชาย(T) พบได้ทั้งเพศหญิงและชาย ฮอร์โมนนี้ผลิตจากลูกอัณฑะ และต่อมหมวกไต แล้วจึงเข้าสู่กระแสเลือด ไหลเวียนไปสู่ส่วนต่างๆของร่างกาย แต่ที่หนังศีรษะฮอร์โมนนี้จะถูกเอนไซม์ (enzyme) 5- alpha reductase เปลี่ยนให้เป็น DHT (Dihydrotestosterone) ซึ่งเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ

เมื่อเปลี่ยนเป็น DHT แล้วฮอร์โมนตัวนี้จะจับกับเซลล์สร้างเส้นผม และ ออกฤทธิ์ยับยั้งกระบวนการสร้างเส้นผมทำให้เส้นผมใหม่ที่ขึ้นมามีขนาดเล็กลงเรื่อยๆเมื่ออายุมากขึ้น จนในที่สุดเกิดภาวะ ผมร่วง ผมบาง จนศีรษะล้านในที่สุด

ผลของการรับประทาน ฟิแนสเทอไรด์ (Finasteride)  มีความแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับการตอบสนองของแต่ละบุคคล จากรายงานทางการแพทย์ระบุว่า ฟิแนสเทอไรด์ทำให้ผมหยุดร่วง หรือ บางรายอาจมีผมขึ้นใหม่ได้อยู่ระหว่าง 60% ผลข้างเคียงที่อาจพบได้ คือ การเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ อวัยวะเพศไม่แข็งตัว แต่พบได้น้อยกว่า 2 % ส่วนผลข้างเคียงอื่นๆซึ่งพบได้รองลงมาคือ ปริมาณน้ำอสุจิลดน้อยลง อาการข้างเคียงต่างๆเหล่านี้จะป็นปกติเมื่อหยุดใช้ยา ซึ่งการทานยาฟิแนสเทอไรด์ (Finasteride) ตัวนี้ต้องใช้เป็นประจำอย่างต่อเนื่องจึงจะเห็นผลอย่างน้อย 1 ปี ก่อนที่จะประเมินผลการรักษา และหากใช้ยาแล้วได้ผล จำเป็นต้องใช้ตลอดไป เพราะหากหยุดยา เส้นผมที่งอกใหม่ เส้นผมที่ควรจะหลุดร่วงไป (แต่ไม่ร่วงเพราะฤทธิ์ของยา) จะร่วงไปจนหมด แต่ยานี้ไม่มีผลทำให้ ผมร่วง มากขึ้นกว่าเดิม

ยานี้ห้ามใช้ในผู้หญิง (เนื่องจากกลไกการเกิดศีรษะล้านในเพศหญิงต่างจากเพศชาย) เพราะ นอกจากจะใช้ไม่ได้ผลแล้ว ยังอาจเกิดความผิดปกติของอวัยวะเพศของบุตรในครรภ์ได้ (หากรับประทานยาในขณะตั้งครรภ์) ควรใช้ยานี้ภายใต้การควบคุมของแพทย์ ไม่ควรซื้อยามารับประทานเอง

2. ไมนอกซิดิล (Minoxidil)

เป็นยาที่มีทั้งชนิดน้ำและโฟม ใช้ได้ทั้งเพศหญิงและชายแต่จะเห็นผลชัดเจนในผู้หญิงมากกว่า ใช้ทาที่หนังศีรษะวันละ 2 ครั้ง ช่วยในเรื่องการเจริญเติบโตของเส้นผมและช่วยป้องกันไม่ให้ผมร่วง ในช่วงแรกหลังใช้ยาอาจมีผลข้างเคียงทำให้ผมหลุดร่วงได้เพราะยาจะไปกระตุ้นผมให้งอกใหม่ ดันเส้นผมเก่าให้หลุดร่วง การใช้ยานี้จำเป็นจะต้องใช้อย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 1 ปี

อย่างไรก็ตามการเลือกใช้ยาหรือผลิตภัณฑ์ต่างๆเพื่อรักษาผมร่วง ผมบาง ควรมีการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อน อย่าซื้อยามาใช้เองเพราะจะทำให้เกิดผลข้างเคียงที่ไม่คาดคิดได้

สอบถามเรื่องการปลูกผมแบบไม่ต้องกินยา Hair Stem Micro Transplant
Call Center :080-5000-123
LINE@ http://line.me/ti/p/%40apexhaircenter

ดูรีวิวปลูกผมสเต็มเซลล์ https://bit.ly/2CiWqLZ