ฉีดไขมัน และฟิลเลอร์ แตกต่างกันอย่างไร
องค์ประกอบหลักที่ทำให้ใบหน้าดูแก่ชรา สูงอายุ ก็คือการสูญเสียมวลของไขมันบนใบหน้า ทางเลือกในการลดริ้วรอย ร่องลึก และเติมเต็ม มวลเนื้อเยื่อบนใบหน้า มีอยู่หลายแนวทาง แต่ 2 วิธีที่ดีที่สุด และได้รับความนิยมมากสุดก็คือ การฉีดฟิลเลอร์ และการฉีดไขมัน หรือปลูกถ่ายไขมัน
ทั้ง 2 วิธีมีข้อดีข้อเสีย จุดเด่นจุดด้อยที่แตกต่างกัน
- การฉีดไขมัน ใช้ไขมันของคนไข้เอง เมื่อเราสูญเสียไขมันไป ก็ใช้ไขมันของตัวเองมาเติมในส่วนที่หายไป จึงปลอดภัย หมดห่วงเรื่องการแพ้สารแปลกปลอมที่ฟิลเลอร์หลายชนิดต้องพึงระวัง ฟิลเลอร์ เป็นสารที่สังเคราะห์ขึ้นจึงมีโอกาสแพ้ได้ง่ายกว่า
- นอกจากนั้น ยังพบว่า ไม่เพียงแต่ไขมันช่วยเติมเต็มส่วนที่ขาด แต่กลับพบว่า คนไข้ดูอ่อนเยาว์ลง ผิวดูดีขึ้นอย่างมากในบริเวณที่มีการฉีดไขมัน ทั้งนี้เป็นผลมาจาก สเต็มเซลล์ในตัวไขมันช่วยฟื้นฟูเซลล์ในบริเวณที่ได้รับไขมันด้วยนั่นเอง ฟิลเลอร์ไม่มีสเต็มเซลล์
- ไขมันที่ฉีดเข้าไป เมื่ออยู่รอด อยู่แล้วก็อยู่เลย จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของเนื้อเยื่อผิว ทำให้ผลคงอยู่ยาวนาน ส่วนฟิลเลอร์ที่ทางการแพทย์แนะนำ จะเป็นชนิดไม่ถาวร ก็จะต้องมาฉีดในทุกๆ 6-8 เดือน
- เนื่องจากไขมันต้องเอาออกมาจากคนไข้เอง ก็เป็นโอกาสดีที่จะได้กำจัดไขมันส่วนเกิน ส่วนที่ไม่ต้องการออกไปด้วย อย่างไขมันที่หน้าท้อง หรือต้นขา เป็นต้น ทำให้ได้หุ่นดีไปด้วยพร้อมกัน
- การฉีดไขมันสามารถฉีดได้ในทุกระดับความลึกของโครงสร้างและเนื้อเยื่อ จึงแก้ปัญหาได้ดีกว่าในทุกพื้นที่ และได้ผลที่เป็นธรรมชาติมากกว่า สำหรับศัลยแพทย์ที่มีประสบการณ์และความชำนาญ ในขณะที่ฟิลเลอร์จะมีข้อจำกัดมากกว่า
- การฉีดไขมัน ค่าใช้จ่ายดูจะแพงกว่า ส่วนฟิลเลอร์มีค่าใช้จ่ายแต่ละครั้งถูกกว่า แต่ถ้าคำนวนกันจริงๆค่าใช้จ่ายการฉีดไขมันในระยะยาวจะถูกกว่าฟิลเลอร์ เพราะฉีดเพียง 1-2 ครั้ง ก็อยู่ไปได้หลายปี
- สำหรับข้อเสีย ของการฉีดไขมัน การฉีดไขมัน จะบาดเจ็บมากกว่าฟิลเลอร์ ต้องมีการวางยาสลบ แม้จะเพียงเล็กน้อยก็ตาม และเทคโนโลยีในปัจจุบันก็สะดวก และง่ายขึ้นมาก ใช้เวลาน้อย แผลเล็ก ไม่บอบช้ำ ไม่มีแผลเป็น แต่ก็ยังนับว่าบาดเจ็บมากกว่าการฉีดฟิลเลอร์อยู่ดี
- การฉีดไขมัน ต้องใช้เวลาพักฟื้นนานกว่าการฉีดฟิลเลอร์ อาจจะมีรอยช้ำหรือบวมเล็กน้อยหลังทำ การพิจารณาเลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์ และใช้เทคโนโลยีทันสมัยล่าสุด ก็จะช่วยลดปัญหาเหล่านี้ลงได้มาก ในหลายๆกรณี หลังดูดไขมัน และฉีดไขมัน พักฟื้นเพียง 1 วัน วันถัดไปก็ออกงานได้เลย แต่ถ้าให้ชัวร์ หายช้ำหายบวมจริงๆก็ไม่เกิน 1สัปดาห์
ขั้นตอนการฉีดไขมันมีอะไรบ้าง
หลักๆก็จะมี 3 ขั้นตอน เอาไขมันออกจากบริเวณที่มีไขมันส่วนเกิน คัดแยกไขมัน ทำให้ได้ไขมันบริสุทธิ์พร้อมที่จะใช้ฉีด และสกัดสเต็มเซลล์จากไขมัน เพื่อที่จะใช้ฉีดร่วมกับไขมัน สุดท้ายคือการฉีด
ทั้ง 3 ขั้นตอนมีความสำคัญมาก ต้องทำอย่างถูกวิธี ด้วยแพทย์ที่มีประสบการณ์และด้วยเทคโนโลยีที่เหมาะสม
มีปัจจัยอะไรบ้างที่มีผลต่อความสำเร็จในการฉีดไขมัน
จุดสำคัญของการฉีดไขมันก็คือ การรักษาคุณภาพไขมัน ตลอดจนการเพิ่มคุณภาพสเต็มเซลล์ในตัวไขมัน เพื่อให้อัตราการอยู่รอดสูงสุด ดังนั้น ทั้ง 3 ขั้นตอน ตั้งแต่การดูด การคัดแยกและเพิ่มคุณภาพ ตลอดจนการฉีด มีผลต่อความสำเร็จทั้งหมด
ทำไมการดูดไขมันถึงมีความสำคัญต่อการฉีดไขมัน
ขั้นตอนในการดูดมีความสำคัญมาก ต้องมั่นใจว่าได้ไขมันที่มีคุณภาพดี ไม่บอบช้ำ ไม่ตาย ยังมีชีวิตและแข็งแรง ยิ่งไขมันคุณภาพดีเท่าไหร่ ก็จะทำให้ผลคงอยู่ยาวนานเป็นส่วนหนึ่งของเนื้อเยื่อในร่างกายมากเท่านั้น ในปัจจุบันวิธีที่เป็นที่ยอมรับสูงสุดในการดูดไขมัน เพื่อใช้ในการฉีด ได้ไขมันคุณภาพดี สเต็มเซลล์สูง และ บาดเจ็บน้อย คือเทคโนโลยีการดูดไขมันด้วยพลังน้ำ ที่ชื่อ BodyJet Evo พลังน้ำที่แยกไขมันออกจากเนื้อเยื่อส่วนอื่นๆ ไม่ทำลายไขมัน และเนื้อเยื่อรอบข้าง ทำให้ได้ไขมันคุณภาพดี และฟื้นตัวเร็ว ผิวไม่เป็นคลื่น มีผลการการศึกษายืนยันในเรื่องนี้เป็นจำนวนมาก วิธีดูดไขมันที่ใช้พลังงานสร้างความร้อนในการแยกไขมันจากเนื้อเยื่อทุกวิธี เป็นการทำลายเซลล์ไขมัน ไม่สามารถนำไขมันกลับมาใช้ได้ ส่วนวิธีดั้งเดิมที่ใช้การฉีดน้ำเกลือและดูดออก แม้ไขมันจะไม่ตายแต่ก็เป็นวิธีที่สร้างความบอบช้ำมาก ทำลายเส้นเลือดและเนื้อเยื่อโดยรอบ และได้ไขมันที่คุณภาพไม่ดีเท่าที่ควร
เทคโนโลยีดูดไขมันพลังน้ำล่าสุดคืออะไร ทำงานอย่างไร มีข้อดีอะไรบ้าง
เทคโนโลยีดูดไขมันพลังน้ำล่าสุด ที่ชื่อ BodyJet Evo ใช้พลังน้ำในการแยกไขมันออกจากเนื้อเยื้อส่วนอื่นๆ ไขมันจะถูกแยกออกจากโครงสร้างเนื้อเยื่อภายในอย่างอ่อนโยน ด้วยพลังละอองน้ำรูปพัด ที่บางและอ่อนโยน แต่มีประสิทธภาพสูงในการแยกเซลล์ไขมันออกจากเนื้อเยื่อโดยไม่มีผลกระทบต่อเนื้อเยื่อรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน (connective tissue) , เส้นประสาท และเส้นเลือดโดยรอบ ผลที่ได้ คือไขมันที่มีคุณภาพดี แข็งแรง สเต็มเซลล์สูง ในขณะเดียวกัน เมื่อไม่ทำลายเนื้อเยื่อ ก็มีความปลอดภัยกว่า ช้ำน้อยและหายเร็วกว่าการดูดไขมันทั่วๆไป สามารถสร้างผลงานที่ประณีต สัดส่วนสวยงาม ได้ชัดเจน ผิวเรียบเนียน ไม่เกิดพังผืด ไม่เป็นคลื่น แผลเล็ก หายเร็ว หลังทำมีเพียงรอยช้ำบวมเล็กน้อย
สเต็มเซลล์ ชนิด MSCs มีผลอย่างไรในการฉีดไขมัน
Mesenchymal Stem cell (MSCs) เป็นเซลล์ต้นกำเนิดที่ทำหน้าที่ทดแทนเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายที่เสื่อมสภาพหรือหมดอายุ เช่น ทดแทนเซลล์กระดูก, เซลล์กล้ามเนื้อ เป็นต้น หน้าที่ของเซลล์ต้นกำเนิดชนิดนี้ที่สำคัญ คือช่วยในการซ่อมแซมและฟื้นฟูสภาพของเซลล์ของอวัยวะนั้น ๆ ทำให้ อวัยวะนั้นสามารถทำงานได้อย่างเป็นปกติช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์และช่วยลดการอักเสบ ดังนั้นเพื่อทำให้ไขมันที่ฉีดเข้าไปในตำแหน่งต่างๆสามารถเจริญเจริญเติบโต และกลายเป็นส่วนหนึ่งตามธรรมชาติของร่างกาย ไม่ถูกดูดซึมหายไป จึงต้องมีการฉีดร่วมกับสเต็มเซลล์ MSCs นี้ด้วย โดยสเต็มเซลล์นี้ก็สกัดได้จากไขมันที่ดูดออกมานั่นเอง ทำให้ผลคงอยู่ยาวนาน เช่นเดียวกับไขมันที่มีในร่างกายตามธรรมชาติ
การแยกไขมันในระบบปิดคืออะไร มีข้อดีอย่างไร
เทคโนโลยีคัดแยกไขมันในระบบปิด สกัดสเต็มเซลล์ทันทีหลังการดูดไขมันภายในห้องผ่าตัด ไม่มีการเคลื่อนย้าย ทำให้ได้สเต็มเซลล์มากขึ้น และมีความสะดวก ปลอดภัยสูงสุด ใช้เวลาไม่มาก เมื่อนำไปปลูกถ่าย หรือฉีดร่วมกับไขมันที่ได้ จะทำให้ไขมันมีอัตราความอยู่รอดสูง และกลายเป็นส่วนหนึ่งของเนื้อเยื่อผิวตามธรรมชาติ ไม่เสื่อมสลายไป อยู่ได้ยาวนานกลายเป็นไขมันตามธรรมชาติของร่างกาย
เทคโนโลยี การฉีดไขมัน MAFT คืออะไร
Micro Autologous Fat Transplantation (MAFT) คือเทคโนโลยีล่าสุดในการฉีดไขัน ที่สามารถควบคุมการฉีดได้อย่างเที่ยงตรงและแม่นยำ สามารถฉีดอนุภาคไขมันได้เล็กละเอียดถึงระดับ 1/240ml ควบคุมทั้งปริมาณ และตำแหน่งได้อย่างสม่ำเสมอ แก้ปัญหาที่เคยมีในการฉีดไขมันแบบเดิมๆได้อย่างสิ้นเชิง ทำให้การฉีดไขมัน คาดเดาผลได้อย่างชัดเจน ไขมันเมื่ออยู่รอดแล้วก็จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของเนื้อเยื่อ เป็นอวัยวะของร่างกาย อยู่แล้วอยู่เลย จุดสำคัญของเทคโนโลยี MAFT คือความสามารถในการกำหนดอนุภาคไขมันให้มีขนาดเล็กมาก ยิ่งไขมันมีอนุภาคเล็กมากเท่าไหร่ ก็จะลดโอกาสในการตายของเซลล์ได้มากเท่านั้น นอกจากนี้เมื่อไขมันมีอนุภาคเล็กมากๆ ก็จะเพิ่มพื้นที่ผิวสัมผัสกับเนื้อเยื่อโดยรอบได้มากขึ้น เท่ากับแทรกซึมไปกับเนื้อเยื่อได้มากขึ้น สามารถกำหนดตำแหน่ง และปริมาณไขมัน ควบคุมการฉีดได้แม่นยำ ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ ได้ผิวเรียบสม่ำเสมอ แก้ปัญหา ไขมันเป็นก้อน ผิวไม่เรียบ ที่มักเกิดกับการฉีดไขมันได้ 100% บอบช้ำน้อย ผิวไม่เป็นคลื่น
ความแตกต่างระหว่างการฉีดไขมันแบบเดิมๆและ MAFT
การฉีดไขมันแบบเดิมๆมีข้อจำกัดในการควบคุมปริมาณไขมัน และไขมันที่ฉีดมีอนุภาคที่ใหญ่ทำให้ควบคุมได้ยาก และทำให้เกิดผิวไม่เรียบ เป็นก้อน ไม่เป็นธรรมชาติ ตัวอุปกรณ์การฉีดที่คล้ายเข็มฉีดธรรมดา ก็ควบคุมได้ยากทั้งการจับและการควบคุมปริมาณให้แม่นยำเที่ยงตรง ซึ่งปัญหาทั้งหมดนี้ ได้ถูกนำไปแก้ไขและออกแบบเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ใช้ในการฉีดไขมันโดยเฉพาะ เรียกว่า MAFT ซึ่งสามารถควบคุมการฉีดได้อย่างเที่ยงตรง แม่นยำ ทั้งในด้านปริมาณ ขนาดอนุภาคของไขมัน และตำแหน่งความลึกตื้นที่ต้องการฉีด สามารถกำหนดอนุภาคไขมันได้ถึง 6 ระดับขึ้นอยู่กับการใช้งาน และสามารถกำหนดอนุภาคได้เล็กสุดที่ระดับ 1/240 ml ซึ่งวิธีฉีดแบบเดิม อาจได้อยู่เพียง 1/50 ml เท่านั้น ทำให้ผลสำเร็จของการฉีดแตกต่างกันอย่างมาก ยิ่งไขมันมีอนุภาคเล็กเท่าไหร่ โอกาสที่ไขมันจะอยู่รอดและกลายเป็นส่วนหนึ่งของอวัยวะในร่างกายก็มีมากขึ้น นอกจากนั้น ไขมันอนุภาคเล็กมากยังสามารถแทรกไปตามเนื้อเยื่อชั้นต่างๆได้ง่าย และไม่ทำให้เกิดก้อนไขมัน ผิวจึงเรียบเนียนสวยงาม สเต็มเซลล์ที่ไปกับไขมันก็จะช่วยฟื้นฟูเนื้อเยื่อส่วนต่างๆ ทำให้นอกจากผิวที่เติมเต็ม ฟูแน่นตึงแล้วยังเปล่งปลั่งสดใสอย่างเป็นธรรมชาติอีกด้วย
ไขมัน อณูเล็ก มีผลต่อผลลัพธ์ในการฉีดไขมันอย่างไร
ไขมันยิ่งอนุภาคเล็กเท่าไหร่ ก็จะมีผลต่อความสำเร็จของการฉีดมากขึ้นเท่านั้น ยิ่งไขมันมีอนุภาคเล็กเท่าไหร่ โอกาสที่ไขมันจะอยู่รอดและกลายเป็นส่วนหนึ่งของอวัยวะในร่างกายก็มีมากขึ้น นอกจากนั้น ไขมันอนุภาคเล็กมากยังสามารถแทรกไปตามเนื้อเยื่อชั้นต่างๆได้ง่าย และไม่ทำให้เกิดก้อนไขมัน ผิวจึงเรียบเนียนสวยงาม สเต็มเซลล์ที่ไปกับไขมันก็จะช่วยฟื้นฟูเนื้อเยื่อส่วนต่างๆ ในวงกว้าง ทำให้นอกจากผิวที่เติมเต็มแล้ว ก็ยังได้ผิวที่อ่อนเยาว์เปล่งปลั่งสดใสอย่างเป็นธรรมชาติอีกด้วย
ฉีดไขมันส่วนไหนได้บ้าง
เกือบจะทุกส่วนของร่างกาย
- หน้าผาก
- ขมับ
- ใต้ตา
- ร่องแก้ม
- แก้ม
- ริมฝีปาก
- คาง
- ร่องน้ำหมาก
- มุมปาก
- ริ้วรอยที่คอ
- มือ
- หน้าอก
- สะโพก, ก้น
ผลคงอยู่ได้นานเท่าไหร่
ไขมันต่างจากฟิลเลอร์อื่นๆที่ว่า เมื่ออยู่รอดแล้ว ก็อยู่ถาวรเป็นส่วนหนึ่งของเนื้อเยื่อไปเลย ดังนั้นถ้าถามว่าอยู่ได้นานเท่าไหร่ ก็อยู่ได้ตลอดไป แต่ก็มีการเสื่อมไปตามกาลเวลาเช่นเดียวกับการเสื่อมไปของอวัยวะต่างๆ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลด้วย
ฉีดไขมันวิธีใหม่ MAFTเจ็บไหม และdowntime นานเท่าไหร่ ต้องพักฟื้นนานเท่าไหร่
ในระหว่างฉีด จะมีการวางยาสลบ จึงไม่รู้สึกอะไร หลังฉีดอาจมีอาการบวมช้ำเล็กน้อย แต่จะค่อยๆหายไปภายใน 1สัปดาห์ ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติในวันถัดไป